เมนู

15. วงศ์พระธัมมทัสสีพุทธเจ้าที่ 15



ว่าด้วยพระประวัติของพระธัมมทัสสีพุทธเจ้า



[16] ในมัณฑกัปนั้นนั่นเอง พระธัมมทัสสี-
พุทธเจ้า ผู้นำโลก ผู้มีพระยศยิ่งใหญ่ ทรงกำจัด
อนธการคือความมืดได้แล้ว ก็เจิดจ้าในโลกพร้อมทั้ง
เทวโลก.
ครั้งพระธัมมทัสสีพุทธเจ้า ผู้มีพระเดชไม่มีใคร
เทียบพระองค์นั้น ทรงประกาศพระธรรมจักร อภิสมัย
ครั้งที่ 1 ก็ได้มีแก่สัตว์แสนโกฏิ.
ครั้งพระธัมนทัสสีพุทธเจ้า ทรงสั่งสอนสัญชัยฤษี
อภิสมัยครั้งที่ 2 ได้มีแก่สัตว์เก้าสิบโกฏิ.
ครั้งท้าวสักกะพร้อมทั้งบริษัท เข้าเฝ้าพระผู้นำ
พิเศษ อภิสมัยครั้งที่ 3 ก็ได้มีแก่สัตว์แปดสิบโกฏิ.
พระธัมมทัสสีพุทธเจ้า ผู้เป็นเทพแห่งเทพ พระ-
องค์นั้น ทรงมีสันนิบาตประชุมพระสาวกขีณาสพ
ผู้ไร้มลทิน มีจิตสงบ คงที่ 3 ครั้ง.
ครั้งพระธัมมทัสสีพุทธเจ้า เข้าจำพรรษา ณ กรุง
สรณะ พระสาวกพันโกฏิประชุมกัน เป็นสันนิบาต
ครั้งที่ 1.

ต่อมาอีก ครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จจากเทวโลกมา
สู่มนุษยโลก พระสาวกร้อยโกฏิประชุมกัน เป็นสัน-
นิบาต ครั้งที่ 2.
ต่อมาอีก ครั้งพระพุทธเจ้าทรงประกาศธุดงคคุณ
พระสาวกแปดสิบโกฏิประชุมกัน เป็นสันนิบาตครั้ง
ที่ 3.
สมัยนั้น เราเป็นท้าวสักกปุรินททะ ได้บูชา
ด้วยของหอมดอกไม้และดนตรี อันเป็นทิพย์.
พระพุทธเจ้าแม้พระองค์นั้น ประทับนั่งท่าม
กลางเทวดา ทรงพยากรณ์เราว่า ท่านผู้นี้จักเป็นพระ-
พุทธเจ้า.
พระตถาคต ออกอภิเนษกรณ์จากกรุงกบิลพัสดุ์
ตั้งความเพียร ทำทุกกรกิริยา.
พระตถาคต ประทับนั่ง ณ โคนต้นอชปาล-
นิโครธ ทรงรับข้าวมธุปายาส ณ ที่นั้นแล้วเสด็จเข้าไป
ยังแม่น้ำเนรัญชรา.
พระชินเจ้าพระองค์นั้น เสวยข้าวมธุปายาสที่ริม
ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เสด็จดำเนินตามทางดี อันเขาจัด
แต่งไว้แล้ว ไปที่โคนโพธิพฤกษ์.
แต่นั้น พระผู้มีพระยศใหญ่ ทรงทำประทักษิณ
โพธิมัณฑสถานอันยอดเยี่ยม ตรัสรู้ ณ โคนโพธิพฤกษ์
ชื่อต้นอัสสัตถะ.

ท่านผู้นี้ จักมีพระชนนีพระนามว่า พระนางมายา
พระชนกพระนามว่า พระเจ้าสุทโธทนะ ท่านผู้นี้จัก
เป็นพระโคตมะ.
พระอัครสาวก ชื่อว่า พระโกลิตะ และพระอุป-
ติสสะ ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ ตั้ง
มั่น พระพุทธอุปัฏฐาก ชื่อว่าพระอานันทะ จักบำรุง
ท่านพระชินเจ้าพระองค์นี้.
พระอัครสาวิกา ชื่อว่าพระเขมา และ พระอุบล-
วรรณา ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มิจิตสงบ ตั้ง
มั่น โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
เรียกว่า ต้นอัสสัตถะ.
อัครอุปัฏฐาก ชื่อว่า จิตตะ และหัตถกะอาฬวกะ
อัครอุปัฏฐายิกา ชื่อว่า นันทมาตา และ อุตตรา พระ-
โคดม ผู้มีพระยศพระองค์นั้น จักมีพระชนมายุ 100 ปี.
มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ฟังพระดำรัสนี้ของ
พระธัมมทัสสีพุทธเจ้า ผู้ไม่มีผู้เสมอ ผู้แสวงคุณยิ่ง-
ใหญ่พระองค์นั้นแล้ว ก็ปลาบปลื้มใจว่า ท่านผู้นี้เป็น
หน่อพุทธางกูร.
หมื่นโลกธาตุ พร้อมทั้งเทวโลก ก็พากันโห่ร้อง
ปรบมือ หัวร่อร่าเริง ประคองอัญชลีนมัสการ กล่าวว่า
ผิว่า พวกเราจักพลาดพระศาสนาของพระโลก-
นาถ พระองค์นิไซร้ ในอนาคตกาล พวกเราก็จักอยู่
ต่อหน้าของท่านผู้นี้.

มนุษย์ทั้งหลาย เมื่อข้ามแม่น้ำ พลาดท่าน้ำข้าง
หน้า ก็ถือเอาท่าน้ำข้างหลัง ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉันใด.
พวกเราทั้งหมด ผิว่า ผ่านพ้นพระชินพุทธเจ้า
พระองค์นี้ไซร้ ในอนาคตกาล พวกเราก็จักอยู่ต่อ
หน้าของท่านผู้นี้ ฉันนั้นเหมือนกัน.
เราฟังพระดำรัสของพระองค์แล้ว ก็ยิ่งเลื่อมใส
จึงอธิษฐานข้อวัตรยิ่งยวดขึ้นไป เพื่อบำเพ็ญบารมี 10
ให้บริบูรณ์.
พระธัมมทัสสีศาสดา มีพระนคร ชื่อว่า สรณะ
พระชนกพระนามว่า พระเจ้าสรณะ พระชนนีพระนาม
ว่า พระนางสุนันทา.
พระองค์ครองฆราวาสวิสัยอยู่แปดพันปี มีปรา-
สาทอย่างเยี่ยม 3 หลัง ชื่อว่า อรชะ วิรชะ และสุทัสสนะ.
มีพระสนมนารี แต่งกายงามสี่หมื่นนาง พระ-
อัครมเหสี พระนามว่า พระนางวิจิโกฬี พระโอรส
พระนามว่า พระปุญญวัฒนะ.
พระผู้เป็นยอดบุรุษ ทรงเห็นนิมิต 4 เสด็จออก
อภิเนษกรมณ์ด้วยปราสาท ทรงบำเพ็ญเพียร 7 วัน.
พระมหาวีระ ธัมมทัสสีนราสภ ผู้เลิศกว่านรชน
อันท้าวมหาพรหมอาราธนาแล้ว ทรงประกาศ พระ-
ธรรมจักร ณ มิคทายวัน.
พระอัครสาวก ชื่อว่า พระปทุมะ พระปุสสเทวะ
พระพุทธอุปัฏฐากชื่อว่า พระสุทัตตะ.

พระอัครสาวกาชื่อว่าพระเขมาและพระสัจจนามา
โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เรียก
ว่าพิมพิชาละ ต้นมะกล่ำเครือ.
อัครอุปัฏฐากชื่อว่า สุภัททะ และกฏิสสหะ อัคร-
อุปัฏฐายิกา ชื่อว่า สาฬิสา และกฬิสสา.
พระพุทธเจ้า ผู้เสมอด้วยพระพุทธเจ้า ผู้ไม่มีผู้
เสมอ สูง 80 ศอก รุ่งโรจน์ด้วยพระเดช ในหมื่น
โลกธาตุ.
พระองค์งดงาม เหมือนต้นพญาสาลพกฤษ์ที่
ออกดอกบานสะพรั่ง เหมือนสายฟ้าในนภากาศเหมือน
ดวงอาทิตย์เที่ยงวัน.
พระผู้มีพระจักษุดำรงอยู่ในโลกแสนปี พระชน-
มายุของพระองค์ ผู้มีพระเดชไม่มีใครเทียบ พระองค์
นั้น ก็เท่าๆ กับสัตว์อื่น.
พระองค์ทั้งพระสาวก ทรงแสดงพระรัศมีทำ
พระศาสนาให้ไร้มลทินแล้ว ก็ดับขันธปรินิพพาน
เหมือนดวงจันทร์เคลื่อนจากท้องนภากาศ.
พระมหาวีระธัมมทัสสี ปรินิพพาน ณ พระวิหาร
เกสาราม พระสถูปของพระองค์สูง 3 โยชน์.
จบวงศ์พระธัมมทัสสีพุทธเจ้าที่ 15

พรรณนาวงศ์พระธัมมทัสสีพุทธเจ้าที่ 15



เมื่อพระอัตถทัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว อันตรกัปก็ล่วงไป
แล้ว เนื้อสัตว์ทั้งหลายที่มีอายุนับไม่ได้ลดลงโดยลำดับ จนมีอายุได้แสนปี
พระศาสดาพระนามว่า ธัมมทัสสี ผู้ทำความสว่างแก่โลก ทำการกำจัดมลทิน
มีโลภะเป็นต้น เป็นนายกเอกของโลก อุบัติขึ้นในโลก พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระองค์นั้น ก็ทรงบำเพ็ญบารมีทั้งหลายบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต จุติจากนั้น
แล้ว ก็ทรงถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของ พระนางสุนันทาเทวี อัครมเหสีของ
พระเจ้าสรณะ ผู้เป็นที่พึ่งของโลกทั้งปวง ณ กรุงสรณะ ถ้วนกำหนดทศมาส
พระองค์ก็ประสูติจากพระครรภ์พระชนนี ณ สรณะราชอุทยาน เหมือนจันทร์
เพ็ญโคจรลอดช่องเมฆ ในฤดูฝน เมื่อพระมหาบุรุษ พอประสูติจากพระครรภ์
พระชนนีเท่านั้น โวหารการว่ากล่าวที่ไม่ชอบธรรม ในศาสตร์และคัมภีร์อัน
กล่าวด้วยเรื่องอธิกรณ์ (การตัดสินคดี) ก็เสื่อมหายไปเองแล ดำรงอยู่แต่การ
ว่ากล่าวที่ชอบธรรมเท่านั้น ด้วยเหตุนั้น ในวันเฉลิมพระนามของพระองค์
พระชนกชนนีจึงเฉลิมพระนามว่า ธัมมทัสสี พระองค์ครองฆราวาสวิสัยอยู่
แปดพันปี นัยว่าทรงมีปราสาท 3 หลัง ชื่อว่า อรชะ วิรชะ และ สุทัสสนะ
มีพระสนมนารีสองแสนสองหมื่นนาง มีพระนาง วิจิโกฬิเทวี เป็นประมุข.
เมื่อพระโอรสพระนามว่า ปุญญวัฒนะ ของพระนาง วิจิโกฬิเทวี
สมภพ พระมหาบุรุษนั้น ทรงเห็นนิมิต 4 ทรงเป็นสุขุมาลชาติอย่างยิ่ง
เหมือนเทพกุมาร เสวยสมบัติเหมือนเทพสมบัติ ทรงลุกขึ้นในยามกลาง ประ-
ทับบนที่สิริไสยาสน์ ทรงเห็นอาการอันวิการของเหล่าสนมที่หลับไหล ก็
เกิดสังเวช เกิดจิตคิดออกมหาภิเนษกรมณ์ ในลำดับเกิดจิตนั่นแล สุทัสสน-