เมนู

14. วงศ์พระอัตถทัสสีพุทธเจ้าที่ 14



ว่าด้วยพระประวัติของพระอัตถทัสสีพุทธเจ้า



[15] ในมัณฑกัปนั้นนั่นเอง พระอัตถทัสสี
พุทธเจ้า ผู้มีพระยศยิ่งใหญ่ ทรงกำจัดความมืดใหญ่
บรรลุพระสัมโพธิญาณอันอุดม.
พระองค์อันท้าวมหาพรหมอาราธนาแล้ว ทรง
ประกาศพระธรรมจักร ทรงยังหมื่นโลกธาตุทั้งเทวโลก
ให้อิ่มด้วยอมตธรรม.
พระโลกนาถแม้พระองค์นั้น ก็ทรงมีอภิสมัย 3
ครั้ง อภิสมัยครั้งที่ 1 ได้มีแก่สัตว์แสนโกฏิ.
ครั้งพระอัตถทัสสีพุทธเจ้า เสด็จจาริกไปใน
เทวโลก อภิสมัยครั้งที่ 2 ได้มีแก่สัตว์แสนโกฏิ.
ต่อจากนั้น ครั้งพระพุทธเจ้า ทรงแสดงธรรม
โปรดในสำนักพระชนก อภิสมัยครั้งที่ 3 ได้มีแก่
สัตว์แสนโกฏิ.
พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่พระ-
องค์นั้น มีสันนิบาตประชุมพระสาวกขีณาสพ ผู้ไร้
มลทิน มีจิตสงบ คงที่ 3 ครั้ง.
พระสาวกเก้าหมื่นแปดพันประชุมกัน เป็นสันนิ-
บาตครั้งที่ 1 พระสาวกแปดหมื่นแปดพันประชุมกัน

เป็นสันนิบาตครั้งที่ 2.
พระสาวกผู้หลุดพ้นเพราะไม่ยึดมั่น ไร้มลทิน
ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ เจ็ดหมื่นเจ็ดพันประชุมกัน เป็น
สันนิบาตครั้งที่ 3.
สมัยนั้น เราเป็นชฎิลผู้มีตบะสูง โดยชื่อสุสีมะ
อันแผ่นดินคือโลก สมมติว่าเป็นผู้ประเสริฐ.
เรานำดอกไม้ทิพย์คือ มณฑารพ ปทุม และ
ปาริฉัตตกะ มาจากเทวโลก บูชาพระสัมพุทธเจ้า.
พระมหามุนีอัตถทัสสีพุทธเจ้าแม้พระองค์นั้นทรง
พยากรณ์เราว่า ล่วงไป 1,800 กัป ท่านผู้นี้จักเป็น
พระพุทธเจ้า.
พระตถาคต ออกอภิเนษกรมณ์จากกรุงกบิลพัสดุ์
ทรงตั้งความเพียร ทำทุกกรกิริยา.
พระตถาคตประทับนั่ง ณ โคนต้นอชปาลนิโครธ
ทรงรับข้าวมธุปายาสในที่นั้น เสด็จไปยังแม่น้ำเนรัญ-
ชรา.
พระชินเจ้าพระองค์นั้น เสวยข้าวมธุปายาสที่ริม
ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เสด็จดำเนินตามทางอันดีที่เขาจัด
แต่งไว้แล้ว ไปที่โคนโพธิพฤกษ์.
แต่นั้น พระผู้มีพระยศยิ่งใหญ่ ทรงทำประทัก-
ษิณโพธิมัณฑสถานอันยอดเยี่ยม ตรัสรู้ ณ โคนโพธิ
พฤกษ์ชื่อ ต้นอัสสัตถะ.

ท่านผู้นี้ จักมีพระชนนีพระนามว่า พระนาง
มายา พระชนกพระนามว่า พระเจ้าสุทโธทนะ ท่าน
ผู้นี้จักเป็นพระโคตมะ.
พระอัครสาวกชื่อว่าพระโกลิตะ และพระอุปติส-
สะผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ ตั้งมั่น พระ-
พุทธอุปัฏฐาก ชื่อว่าพระอานันทะจักบำรุงพระชินเจ้าผู้นี้.
พระอัครสาวิกา ชื่อว่า พระเขมา และ พระอุบล-
วรรณา ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ
ตั้งมั่น โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
เรียกว่า ต้นอัสสัตถะ.
อัครอุปัฏฐาก ชื่อว่าจิตตะ และหัตถะอาฬวกะ
อัครอุปัฏฐายิกา ชื่อว่านันทมาตา และ อุตตรา พระ
โคดมพุทธเจ้า ผู้มีพระยศ มีพระชนมายุ 100 ปี.
มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ฟังพระดำรัสนี้ของ
พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า ผู้ไม่มีผู้เสมอ ผู้แสวงคุณยิ่ง
ใหญ่ ก็ปลาบปลื้มใจว่า ท่านผู้นี้เป็นหน่อพุทธางกูร.
หมื่นโลกธาตุ พร้อมทั้งเทวโลก พากันโห่ร้อง
ปรบมือ หัวร่อร่าเริง ประคองอัญชลีนมัสการ กล่าวว่า
ผิว่า พวกเราพลาดพระศาสนาของพระโลกนาถ
พระองค์นี้ไซร้ ในอนาคตกาล พวกเราก็จักอยู่ต่อ
หน้าของท่านผู้นี้.
มนุษย์ทั้งหลาย เมื่อจะข้ามแม่น้ำ พลาดท่าน้ำ
ข้างหน้า ก็จะถือเอาท่าน้ำข้างหลัง ข้ามแม่น้ำใหญ่
ฉันใด.

พวกเราทั้งหมด ผิว่า ผ่านพ้นพระชินพุทธเจ้า
พระองค์นี้ไซร้ ในอนาคตกาลพวกเราก็จักอยู่ต่อหน้า
ของท่านผู้นี้ ฉันนั้นเหมือนกัน.
เราฟังพระดำรัสของพระองค์ ก็ยินดีสลดใจ จึง
อธิษฐานข้อวัตรยิ่งยวดขึ้นไป เพื่อบำเพ็ญบารมี 10
ให้บริบูรณ์.
พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ มี
พระนครชื่อโสภณะ พระชนกพระนานว่าพระเจ้าสาคระ
พระชนนีพระนามว่า พระนางสุทัสสนา.
พระองค์ครองฆราวาสวิสัยอยู่หมื่นปี มีปราสาท
ชั้นยอด 3 หลังชื่อว่า อมรคิรี สุรคิรี และคิริวาหนะ
มีพระสนมนารีแต่งกายงามสามหมื่นสามพันนาง มี
พระอัครมเหสีพระนามว่า พระนางวิสาขา พระโอรส
พระนามว่า เสละ.
พระชินพุทธเจ้า ทรงเห็นนิมิต 4 เสด็จออก
อภิเนษกรมณ์ด้วยยาน คือ ม้า ทรงตั้งความเพียร 8
เดือนถ้วน.
พระมหาวีระอัตถทัสสี ผู้มีพระยศยิ่งใหญ่ ผู้
องอาจในนรชน อันท้าวมหาพรหมอาราธนาแล้ว ทรง
ประกาศพระธรรมจักร ที่อโนมราชอุทยาน.
พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ มี
พระอัครสาวก ชื่อว่าพระสันตะ และพระอุปสันตะ
พระพุทธอุปัฏฐากชื่อว่าพระอภยะ.

พระอัครสาวิกา ชื่อว่าพระธัมมา และ พระสุธัมมา
โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เรียก
ว่า ต้นจัมปกะ.
อัครอุปัฏฐาก ชื่อว่า นกุละ และ นิสภะ อัคร-
อุปัฏฐายิถา ชื่อว่า มกิลา และ สุนันทา.
พระพุทธเจ้าผู้เสมอด้วย พระพุทธเจ้า ผู้ไม่มีผู้
เสมอพระองค์นั้น สูง 80 ศอก งามเหมือนพญา
สาลพฤกษ์ บริบูรณ์เหมือนดวงจันทร์.
พระรัศมีตามปกติของพระองค์ หลายร้อยโกฏิ
แผ่ไปโยชน์หนึ่งทั้งสิบทิศ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่างทุก
เมื่อ.
พระพุทธเจ้า ผู้ล้ำเลิศในนรชน เป็นมุนี ยอด
สรรพสัตว์ ผู้มีจักษุ ทรงดำรงอยู่ในโลกแสนปี.
พระอัตถทัสสีพุทธเจ้าแม้พระองค์นั้น ทรงแสดง
พระรัศมี อันหาอะไรเปรียบมิได้ เจิดจ้าไปในโลกทั้ง
เทวโลก ถึงความเป็นผู้ไม่เที่ยง ก็เสด็จดับขันธปริ-
นิพพาน เพราะสินอุปาทาน เหมือนดวงไฟดับเพราะ
สิ้นเชื้อฉะนั้น.
พระชินวรอัตถทัสสีพุทธเจ้า ดับขันธปรินิพพาน
ณ พระวิหารชื่อ อโนมาราม. พระบรมสารีริกธาตุ ก็
แผ่กระจายไปเป็นส่วนๆ ในประเทศนั้นๆ.
จบวงศ์พระอัตถทัสสีพุทธเจ้าที่ 14

พรรณนาวงศ์พระอัตถทัสสีพุทธเจ้าที่ 14



เมื่อพระปิยทัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พระ-
ศาสนาของพระองค์ก็อันตรธานแล้วเสื่อมไป เมื่อมนุษย์ทั้งหลาย มีอายุนับ
ประมาณมิได้เจริญแล้ว ก็เสื่อมลงโดยลำดับ จนมีอายุแสนปี พระพุทธเจ้าพระนาม
ว่าอัตถทัสสี ผู้เห็นอรรถอย่างยิ่ง ก็อุบัติขึ้นในโลก. พระองค์ทรงบำเพ็ญบารมี
บังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต จุติจากนั้นแล้วถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนาง
สุทัสสนเทวี อัครมเหสีในราชสกุลของ พระเจ้าสาคระ กรุงโสภณะ
ที่งามอย่างยิ่ง อยู่ในพระครรภ์ 10 เดือน ประสูติจากพระครรภ์พระชนนี ณ
สุจินธนราชอุทยาน. พอพระมหาบุรุษประสูติจากพระครรภ์พระชนนี เจ้าของ
ทรัพย์ทั้งหลาย ก็พากันได้ขุมทรัพย์ใหญ่ ที่ฝังกันไว้นาน สืบๆ ตระกูลกันมา
เพราะเหตุนั้น ในวันรับพระนามของพระองค์ พระชนกชนนีจึงเฉลิมพระนาม
ว่า อัตถทัสสี พระองค์ทรงครองฆราวาสวิสัยอยู่หมื่นปี. ทรงมีปราสาท 3 หลัง
ที่มีกลิ่นหอมอย่างยิ่ง ชื่อ อมรคิรี สุรคิรี และคิริวาหนะ มีพระสนมนารี
สามหมื่นสามพันนาง มีพระนางวิสาขาเทวีเป็นประมุข.
เมื่อพระโอรสพระนามว่า เสลกุมาร ของ พระนางวิสาขาเทวี
ทรงสมภพ พระองค์ก็ทรงเห็นนิมิต 4 ขึ้นทรงพญาม้าชื่อ สุทัสสนะ เสด็จ
ออกมหาอภิเนษกรมณ์ทรงผนวช มนุษย์เก้าโกฏิก็บวชตามเสด็จ พระมหาบุรุษ
อันบรรพชิตเหล่านั้นแวดล้อมแล้ว ทรงบำเพ็ญเพียร 8 เดือน ในวันวิสาขบูร-
ณมี เสวยข้าวมธุปายาสที่มหาชนนำมาเป็นเครื่องสังเวยนางนาคชื่อว่าสุจินธรา
นางนาคที่มีเรือนร่างทุกส่วนอันมหาชนเห็นอยู่ ถวายพร้อมด้วยถาดทอง ทรง
ยับยั้งพักกลางวัน ณ สวนสาละรุ่น ที่ประดับด้วยต้นไม้รุ่น 10 ต้น เวลาเย็น