เมนู

12. วงศ์พระสุชาตพุทธเจ้าที่ 12



ว่าด้วยพระประวัติของพระสุชาติพุทธเจ้า



[13] ในมัณฑกัปนั้นนั่นเองมีพระพุทธเจ้าพระ-
นามว่า สุชาตะ ผู้นำโลก ผู้มีพระหนุดังคางราชสีห์
มีพระศอดังโคอุสภะ มีพระคุณหาประมาณมิได้ อัน
บุคคลเข้าเฝ้าได้ยาก.
พระสัมพุทธเจ้า ทรงรุ่งเรืองด้วยสิริย่อมงามสง่า
ทุกเมื่อ เหมือนดวงจันทร์หมดจดไร้มลทิน เหมือนดวง
อาทิตย์ส่องแสงแรงร้อน ฉะนั้น.
พระสัมพุทธเจ้าทรงบรรลุพระโพธิญาณอันสูงสุด
สิ้นเชิงแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักร ณ กรุงสุมงคล.
เมื่อพระสุชาตพุทธเจ้า ผู้นำโลก ทรงแสดงธรรม
อันประเสริฐ สัตว์แปดสิบโกฏิ ก็ตรัสรู้ในการแสดง
ธรรม ครั้งที่ 1.
ครั้งพระสุชาตพุทธเจ้า ผู้มีบริวารยศหาประมาณ
มิได้ เสด็จเข้าจำพรรษา ณ เทวโลก. อภิสมัยครั้งที่ 2
ได้มีแก่สัตว์สามล้านเจ็ดแสน.
ครั้งพระสุชาตพุทธเจ้า ผู้ไม่มีผู้เสมอ เสด็จเข้า
เฝ้าพระชนก อภิสมัยครั้งที่ 3 ได้มีแก่สัตว์หกล้าน.

พระสุชาตพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ ทรงมี
สันนิบาตประชุมพระสาวกขีณาสพไร้มลทิน มีจิตสงบ
ผู้คงที่ 3 ครั้ง.
พระอรหันต์สาวกผู้ถึงกำลังแห่งอภิญญา ผู้ไม่ถึง
พร้อมในภพน้อยภพใหญ่หกล้าน พระสาวกเหล่านั้น
ประชุมกัน ครั้งที่ 1.
ในสันนิบาต ต่อมาอีก เมื่อพระชินพุทธเจ้าเสด็จ
ลงจากเทวโลกชั้นไตรทศ พระสาวกสี่แสนประชุม
กัน ครั้งที่ 2.
พระสุทัสสนะอัครสาวก เมื่อเข้าเฝ้าพระนราสภ
ก็เข้าเผ้าพระสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วย พระสาวกสี่แสน.
สมัยนั้น เราเป็นจักรพรรดิ์เป็นใหญ่แห่งทวีปทั้ง 4
มีกำลังมาก ท่องเที่ยวไปในอากาศได้.
เรามอบถวายสมบัติใหญ่ในทวีปทั้ง 4 และ
รัตนะ 7 แด่พระพุทธเจ้าผู้สูงสุด แล้วก็บวชในสำนัก
ของพระองค์.
พวกคนวัดรวบรวมผลรายได้ในชนบท น้อมถวาย
เป็นปัจจัย ที่นอนและที่นั่งแด่พระภิกษุสงฆ์.
ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าผู้เป็นใหญ่แห่งหมื่นโลกธาตุ
ก็ได้ทรงพยากรณ์เราว่า จักเป็นพระพุทธเจ้าในที่สุด
สามหมื่นกัป.

พระตถาคตออกอภิเนษกรมณ์ จากกรุงกบิลพัสดุ์
อันน่ารื่นรมย์ ทรงตั้งความเพียรทำทุกกรกิริยา.
พระตถาคตประทับนั่ง โคนต้นอชปาลนิโครธ
รับข้าวมธุปายาส ณ ที่นั้น เสด็จเข้าไปยังแม่น้ำเนรัญ-
ชรา.
พระชินเจ้าพระองค์นั้น เสวยข้าวมธุปายาส ณ
ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เสด็จดำเนินตามทางอันดีที่เขา
จัดแต่งไว้ ไปที่โคนโพธิพฤกษ์.
แต่นั้น พระผู้มีพระยศใหญ่ ทรงทำประทักษิณ
โพธิมัณฑสถาน อันยอดเยี่ยม ตรัสรู้ที่โคนโพธิพฤกษ์
ชื่อต้นอัสสัตถะ.
ท่านผู้นี้ จักมีพระชนนีพระนามว่า พระนาง
มายา พระชนกพระนามว่าพระเจ้าสุทโธทนะ ท่านผู้
นี้จักชื่อว่าโคตมะ.
จักมีอัครสาวก ชื่อว่าพระโกลิตะและพระอุปติส-
สะ ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ ตั้งมั่น
พระพุทธอุปฐากชื่อว่า อานันทะ จักบำรุง พระชินเจ้า
พระองค์นี้.
จักมีอัครสาวิกาชื่อว่า พระเขมา และพระอุบล-
วรรณา ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ ตั้งมั่น
โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ชื่อว่า
ต้นอัสสัตถะ.

อัครอุปัฏฐาก ชื่อว่า จิตตะ และหัตถกะอาฬวกะ
อัครอุปัฏฐายิกา ชื่อว่า นันทมาตา และ อุตตรา พระ
โคดมพุทธเจ้า ผู้มีพระยศ มีพระชนมายุ 100 ปี.
มนุษย์และเทวดา ฟังพระดำรัสนี้ของพระสุชาต-
พุทธเจ้า ผู้ไม่มีผู้เสมอ ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ ก็ปลาบ
ปลื้มใจว่า ท่านผู้นี้เป็นหน่อพุทธางกูร.
หมื่นโลกธาตุ ทั้งเทวโลก ก็พากันโห่ร้อง ปรบ
มือ หัวร่อร่าเริง ประคองอัญชลีนมัสการ กล่าวว่า
ผิว่า พวกเราจักพลาดคำสั่งสอนของพระโลก-
นาถพระองค์นี้ ในอนาคตกาล พวกเราก็จักอยู่ต่อ
หน้าของท่านผู้นี้.
มนุษย์ทั้งหลาย เมื่อจะข้ามแม่น้ำ พลาดท่าน้ำ
ข้างหน้า ก็ถือเอาท่าน้ำข้างหลัง ข้ามแม่น้ำใหญ่
ฉันใด.
พวกเราทั้งหมด ผิว่า ผ่านพ้นพระชินพุทธเจ้า
พระองค์นี้ ในอนาคตกาล พวกเราก็จักอยู่ต่อหน้า
ของท่านผู้นี้.
เราฟังพระดำรัสของพระองค์แล้ว ก็ยิ่งร่าเริงใจ
จึงอธิษฐานข้อวัตรยิ่งยวดขึ้นไป เพื่อบำเพ็ญบารมี 10
ให้บริบูรณ์.
เราเล่าเรียนพระสูตร พระวินัย และนวังคสัตถุ-
ศาสน์ทั้งหมด ยังพระศาสนาของพระชินเจ้าให้งาม.

เราอยู่อย่างไม่ประมาทในพระศาสนานั้น เจริญ
พรหมวิหารภาวนา ถึงฝั่งแห่งอภิญญา ก็ไปสู่พรหม-
โลก.
พระสุชาตพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่มีพระนคร
ชื่อว่าสุมงคล พระชนกพระนามว่า พระเจ้าอุคคตะ
พระชนนีพระนามว่า พระนางประภาวดี.
ทรงครองฆราวาสวิสัยอยู่เก้าพันปี ทรงมีปรา-
สาทชั้นเยี่ยม 3 หลัง ชื่อว่า สิริ อุปสิริ และจันทะ.
มีพระสนมนารีแต่งกายงาม สองหมื่นสามพัน
นาง พระอัครมเหสีพระนามว่า พระนางสิรินันทา
พระโอรส พระนามว่าอุปเสนะ.
พระพุทธชินเจ้าทรงเห็นนิมิต 4 เสด็จออกอภิ-
เนษกรมณ์ด้วยยานคือม้า ทรงตั้งความเพียร 9 เดือน
เต็ม.
พระมหาวีระ สุชาตพุทธเจ้า ผู้นำโลก ผู้สงบ
อันท้าวมหาพรหมอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระ-
ธรรมจักร ณ สุมงคลราชอุทยานอันอุดม.
พระสุชาตพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ มีพระ
อัครสาวก ชื่อพระสุทัสสนะ และ พระสุเทวะ พระ-
พุทธอุปัฏฐากชื่อ นารทะ.
พระอัครสาวิกา ชื่อพระนาคา และ พระนาค-
สมาลา โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์
นั้น เรียกว่า มหาเวฬุ ต้นไผ่ใหญ่.

ไผ่ต้นนั้น ลำต้นตัน ไม่มีรู มีใบมาก ลำตรง
เป็นไผ่ต้นใหญ่ น่าดูน่ารื่นรมย์.
ไผ่ต้นนั้น เติบโตต้นเดียวโดด กิ่งแตกออกจาก
ต้นนั้น งามเหมือนกำแววหางนกยูง ที่เขาผูกไว้ดีแล้ว.
ไผ่ต้นนั้น ไม่มีหนาม ไม่มีรู เป็นไผ่ใหญ่มี
กิ่งแผ่กว้าง ไม่มีช่อง ร่มเงาทึบ น่ารื่นรมย์.
อัครอุปัฏฐาก ชื่อ สุทัตตะ และ จิตตะ อัคร-
อุปัฏฐายิกา ชื่อ สุภัททา และ ปทุมา.
พระชินพุทธเจ้าพระองค์นั้น ว่าโดยส่วนสูง 50
ศอก ทรงประกอบด้วยความประเสริฐ โดยอาการ
พร้อมสรรพ ทรงถึงพระพุทธคุณ ครบถ้วน.
พระรัศมีของพระองค์ เสมอด้วยรัศมีของพระ
พุทธเจ้าผู้ไม่มีผู้เสมอ ย่อมแล่นออกโดยรอบ
พระวรกาย พระองค์มีพระคุณหาประมาณมิได้ ชั่ง
ไม่ได้ เปรียบไม่ได้ด้วยข้ออุปมาทั้งหลาย.
ในยุคนั้น มนุษย์มีอายุเก้าหมื่นปี พระองค์ทรง
มีพระชนม์ยืนถึงเพียงนั้น จึงยังหมู่ชนเป็นอันมากให้
ข้ามโอฆสงสาร.
ครั้งนั้น ปาพจน์คือธรรมวินัย งามด้วยพระ
อรหันต์ทั้งหลาย เหมือนคลื่นในสาคร เหมือน
ดารากรในนภากาศ ฉะนั้น.

พระศาสนานี้งดงาม ด้วยพระอรหันต์ทั้งหลาย
ผู้มีวิชชา 3 มีอภิญญา 6 ผู้ถึงกำลังฤทธิ์ ผู้คงที่.
พระพุทธเจ้า ผู้เสมอด้วยพระพุทธเจ้าผู้ไม่มีผู้
เสมอพระองค์นั้นด้วย พระคุณทั้งหลาย ที่ชั่งไม่ได้
เหล่านั้นด้วย ทั้งนั้นก็อันตรธานไปสิ้น สังขารทั้งปวง
ก็ว่างเปล่า แน่แท้.
พระสุชาตชินวรพุทธเจ้า ดับขันธปรินิพพาน
ณ พระวิหารเสลาราม พระเจดีย์ของพระศาสดา ณ
พระวิหารนั้น สูง 3 คาวุต.1
จบวงศ์พระสุชาตพุทธเจ้าที่ 12


1. 4 คาวุต เป็น 1 โยชน์

พรรณนา วงศ์พระสุชาตพุทธเจ้าที่ 12



ภายหลัง ต่อมาจากสมัยของพระสุเมธพุทธเจ้า ในมัณฑกัปนั้นนั่นแล
เมื่อสัตว์ทั้งหลายมีอายุที่นับไม่ได้มาโดยลำดับ และลดลงตามลำดับ จนมีอายุ
เก้าหมื่นปี พระศาสดาพระนามว่า สุชาตะ ผู้มีพระรูปกายเกิดดี มีพระชาติ
บริสุทธิ์ ก็อุบัติในโลก แม้พระองค์ก็ทรงบำเพ็ญบารมีแล้วบังเกิดในสวรรค์
ชั้นดุสิต จุติจากนั้นแล้ว ทรงถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของ พระนางปภาวดี
อัครมเหสีในราชสกุลของ พระเจ้าอุคคตะ กรุงสุมงคล ถ้วนกำหนดทศมาส
ก็ออกจากพระครรภ์ของพระชนนี. ในวันเฉลิมพระนาม พระชนกชนนีเมื่อจะ
ทรงเฉลิมพระนามของพระองค์ ก็ได้ทรงเฉลิมพระนามว่า สุชาตะ เพราะ
เกิดมาแล้ว ยังสุขให้เกิดแก่สัตว์ทั้งหลาย ทั่วชมพูทวีป. พระองค์ทรงครอง
ฆราวาสวิสัยเก้าพันปี ทรงมีปราสาท 3 หลัง ชื่อว่าสิรี อุปสิรี และสิรินันทะ1
ปรากฏพระสนมนารีสองหมื่นสามพันนาง มี พระนางสิรินันทาเทวี เป็น
ประมุข.
เมื่อพระโอรสพระนามว่า อุปเสน ของพระนางสิรินันเทวีทรงสมภพ
แล้ว พระองค์ก็ทรงเห็นนิมิต 4 ทรงม้าต้นชื่อว่า หังสวหัง เสด็จออกมหา-
ภิเนษกรมณ์ ทรงผนวช มนุษย์โกฏิหนึ่ง ก็บวชตามพระองค์ผู้ทรงผนวชอยู่
ลำดับนั้น พระมหาบุรุษนั้น อันมนุษย์เหล่านั้นแวดล้อมแล้ว ทรงบำเพ็ญ
เพียร 9 เดือน ในวันวิสาขบูรณมี เสวยข้าวมธุปายาส รสอร่อย ที่ธิดาของ
สิรินันทนเศรษฐีแห่งสิรินันทนนคร ถวายแล้ว ทรงยับยั้งพักกลางวัน ณ สาลวัน

1. บาลีเป็น สิริ อุปสิริ และจันทะ