เมนู

11. วงศ์พระสุเมธพุทธเจ้าที่ 11



ว่าด้วยพระประวัติของพระสุเมธพุทธเจ้า



[12] ต่อจาก สมัยของพระปทุมุตตรพุทธเจ้า
พระชินพุทธเจ้า พระนามว่า สุเมธะ เป็นผู้นำโลก ผู้
อันเขาเข้าเฝ้าได้ยาก มีพระเดชยิ่ง สูงสุดแห่งโลก
ทั้งปวง.
พระองค์มีพระเนตรผ่องใส พระพักตร์งาม พระ
วรกายใหญ่ ตรง สดใส ทรงแสวงประโยชน์แก่
สรรพสัตว์ ทรงเปลื้องคนเป็นอันมากให้พ้นจากเครื่อง
ผูก.
ครั้งพระพุทธเจ้า บรรลุพระโพธิญาณ อันสูงสุด
สิ้นเชิง ทรงประกาศพระธรรมจักร ณ กรุงสุทัสสนะ.
ในการแสดงธรรม แม้พระองค์ก็มีอภิสมัย 3
ครั้ง อภิสมัยครั้งที่ 1 ได้มีแก่สัตว์แสนโกฏิ.
ต่อมาอีก พระชินพุทธเจ้า ทรงทรมานยักษ์
ชื่อว่า กุมภกรรณ อภิสมัยครั้งที่ 2 ได้มีแก่สัตว์เก้า
หมื่นโกฏิ.
ต่อมาอีก พระผู้มีพระยศบริวาร หาประมาณ
มิได้ ทรงประกาศสัจจะ 4 อภิสมัยครั้งที่ 3 ได้มีแก่
สัตว์แปดหมื่นโกฏิ.

พระสุเมธพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ ทรงมี
สันนิบาต ประชุมพระสาวก ผู้เป็นพระขีณาสพไร้มล-
ทินมีจิตสงบคงที่ 3 ครั้ง.
ครั้งพระชินพุทธเจ้า เสด็จเข้าไปในกรุงสุทัสสนะ
พระภิกษุขีณาสพร้อยโกฏิประชุมกัน.
ต่อมาอีก เมื่อภิกษุทั้งหลายกรานกฐินที่ภูเขา
เทวกูฏ ภิกษุเก้าสิบโกฏิประชุมกัน เป็นสันนิบาต
ครั้งที่2.
ต่อมาอีก ครั้งพระทศพลเสด็จจาริกไป ภิกษุ
แปดสิบโกฏิประชุมกัน เป็นสันนิบาตครั้งที่ 3.
ครั้งนั้น เราเป็นมาณพ ชื่อ อุตตระ เราสั่งสม
ทรัพย์ในเรือนแปดสิบโกฏิ.
เราถวายทรัพย์เสียทั้งหมดสิ้น แด่พระผู้นำโลก
พร้อมทั้งพระสงฆ์ ถึงพระองค์เป็นสรณะ ชอบใจการ
บวชอย่างยิ่ง.
ครั้งนั้น แม้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น เมื่อทรง
ทำอนุโมทนา ก็ทรงพยากรณ์เราว่า จักเป็นพระพุทธ-
เจ้า เมื่อล่วงไปสามหมื่นกัป.
พระตถาคต ออกอภิเนษกรมณ์จากกรุงกบิลพัสดุ์
อันน่ารื่นรมย์ ทรงตั้งความเพียรทำทุกกรกิริยา.
พระตถาคตประทับนั่ง ณ โคนต้นอชปาลนิโครธ
รับข้าวมธุปายาสในที่นั้น เข้าไปยังแม่น้ำเนรัญชรา.

พระชินเจ้าพระองค์นั้น เสวยข้าวมธุปายาสที่
ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญูชรา เสด็จไปตามทางอันดีที่เขาจัด
แต่งไว้ ไปที่โคนโพธิพฤกษ์.
แต่นั้น พระผู้มียศใหญ่ ทรงทำประทักษิณ
โพธิมัณฑสถานอันยอดเยี่ยม ตรัสรู้ ณ โคนโพธิพฤกษ์
ชื่อต้นอัสสัตถะ.
ท่านผู้นี้จักมีพระชนนี พระนามว่า พระนางมายา
พระชนก พระนามว่า พระเจ้าสุทโธทนะ ท่านผู้นี้
จักมีพระนามว่าโคตมะ.
จักมีพระอัครสาวก ชื่อว่า พระโกลิตะ และพระ-
อุปติสสะ ผู้ไม่มีอาสวะปราศจากราคะ มีจิตสงบ ตั้งมั่น
พระพุทธอุปัฏฐากชื่อพระอานันทะ จักบำรุงพระชินเจ้า
ผู้นี้.
จักมีพระอัครสาวิกา ชื่อว่า พระเขมา และพระ
อุบลวรรณา ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ-
ตั้งมั่น โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
เรียกว่าต้นอัสสัตถะ.
จักมีอัครอุปัฏฐาก ชื่อว่าจิตตะ และหัตถกะ-
อาฬวกะอัครอุปัฏฐายิกา ชื่อว่า นันทมาตา และอุตตรา
พระโคดมผู้มีพระยศ จักมีพระชนมายุ 100 ปี.
มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ฟังพระดำรัสนี้ของ
พระพุทธเจ้า ผู้ไม่มีผู้เสมอ ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่แล้ว
ก็พากันปลาบปลื้มใจว่า ท่านผู้นี้เป็นหน่อพุทธางกูร.

หมื่นโลกธาตุ ทั้งเทวโลก พากันส่งเสียงโห่ร้อง
ปรบมือ หัวร่อร่าเริง ประคองอัญชลีนมัสการ กล่าวว่า
ผิว่า พวกเราจักพลาดคำสั่งสอน [ศาสนา] ของ
พระโลกนาถพระองค์นี้ไซร้ ในอนาคตกาลพวกเราก็
จักอยู่ต่อหน้าของท่านผู้นี้.
มนุษย์ทั้งหลาย เมื่อจะข้ามแม่น้ำ พลาดท่าน้ำ
ข้างหน้า ก็ถือเอาท่าน้ำข้างหลังข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉันใด.
พวกเราทั้งหมด ผิว่า ผ่านพ้นพระชินพุทธเจ้า
พระองค์นี้ไซร้ ในอนาคตกาล พวกเราก็จักอยู่ต่อหน้า
ของท่านผู้นี้ฉันนั้นเหมือนกัน.
เราฟังพระดำรัสของพระองค์แล้ว จิตก็ยิ่งเลื่อม
ใส จึงอธิษฐานข้อวัตรยิ่งยวดขึ้นไป เพื่อบำเพ็ญบารมี
10 ให้บริบูรณ์.
เราเล่าเรียนพระสูตร พระวินัย และนวังคสัตถุ-
ศาสน์ทุกอย่าง ทำศาสนาของพระชินพุทธเจ้าให้
งาม.
เราไม่ประมาทในพระศาสนานั้น อยู่แต่ในอิริ-
ยาบถนั่งยืนและเดิน ถึงฝั่งแห่งอภิญญา ก็ไปสู่พรหม
โลก
พระสุเมธพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ ทรงมีพระ-
นครชื่อว่าสุทัสสนะ พระชนกพระนามว่าพระเจ้า
สุทัตตะ พระชนนีพระนามว่า พระนางสุทัตตา.

พระองค์ทรงครองฆราวาสวิสัยอยู่เก้าพันปี มี
ปราสาทชั้นยอด 3 หลัง ชื่อว่า สุจันทะ กัญจนะ และ
สิริวัฑฒะ มีพระสนมนารีที่ประดับกายงามสี่หมื่นแปด
พันนาง มีพระอัครมเหสี พระนามว่า พระนางสุมนา
พระโอรสพระนามว่า ปุนัพพะ.
พระชินพุทธเจ้า ทรงเห็นนิมิต 4 เสด็จออก
อภิเนษกรมณ์ด้วยยานคือช้าง ทรงตั้งความเพียร 8
เดือนเต็ม.
พระมหาวีระสุเมธะ ผู้นำโลก ผู้สงบอันท้าว
มหาพรหมอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักร
ณ สุทัสสนราชอุทยานอันสูงสุด.
พระสุเมธพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ มีพระ-
อัครสาวกชื่อว่าพระสรณะ พระสัพพกามะ พระพุทธ
อุปัฏฐากชื่อว่าพระสาคระ.
มีพระอัครสาวิกา ชื่อว่า พระรามา และ พระ-
สุรามาโพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
เรียกว่า ต้นนิมพะคือต้นสะเดา.
อัครอุปัฏฐาก ชื่อว่า อุรุเวลา และยสวา อัคร-
อุปัฏฐายิกา ชื่อว่า ยสา และสิริวา.
พระมหามุนี สูง 88 ศอก ส่องสว่างทุกทิศ
เหมือนดวงจันทร์ ส่องสว่างเห็นหมู่ดาวฉะนั้น.

ธรรมดามณีรัตนะของพระเจ้าจักรพรรดิ์ ย่อมสว่าง
ไปโยชน์หนึ่ง ฉันใด รัตนะคือพระรัศมีของพระองค์
ก็แผ่ไปโยชน์หนึ่งโดยรอบ ฉันนั้น.
ในยุคนั้น มนุษย์มีอายุเก้าหมื่นปี พระองค์ทรง
มีพระชนม์ยืนถึงเพียงนั้น ย่อมยังหมู่ชนเป็นอันมาก
ให้ข้ามโอฆสงสาร.
พระศาสนานี้ มากไปด้วยพระอรหันต์ทั้งหลาย
ผู้มีวิชชา 3 มีอภิญญา 6 ผู้ถึงกำลังฤทธิ์ คงที่.
พระอรหันต์แม้เหล่านั้น ผู้มีบริวารยศหาประ
มาณมิได้ ผู้หลุดพ้น ปราศจากอุปธิ พระอรหันต์
เหล่านั้นแสดงแสงสว่างคือญาณแล้ว ต่างก็นิพพาน
กันหมด.
พระชินวรสุเมธพุทธเจ้า ดับขันธปรินิพพาน ณ
พระวิหารเมธาราม พระบรมสารีริกธาตุก็เฉลี่ยกระจาย
ไปเป็นส่วนๆ ในประเทศนั้นๆ.

จบวงศ์พระสุเมธพุทธเจ้าที่ 11

พรรณนาวงศ์พระสุเมธพุทธเจ้าที่ 11



เมื่อพระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า ดับขันธปรินิพพานแล้ว ศาสนา
ของพระองค์ก็อันตรธานแล้ว พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ไม่อุบัติเป็นเวลาเจ็ดหมื่น
ปี ว่างพระพุทธเจ้า ในกัปหนึ่ง สุดท้ายสามหมื่นกัปนับแต่กัปนี้ มีพระสัมมา-
สัมพุทธเจ้าบังเกิดสองพระองค์ คือ พระสุเมธะ และ พระสุชาตะ ในสอง
พระองค์นั้น พระโพธิสัตว์นามว่า สุเมธะ ผู้บรรลุเมธาปัญญาแล้ว บำเพ็ญ
บารมีทั้งหลาย บังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต จุติจากนั้นแล้ว ก็ถือปฏิสนธิใน
พระครรภ์ของพระนาง สุทัตตาเทวี อัครมเหสี ของ พระเจ้าสุทัตตะ
กรุงสุทัสสนะ
ถ้วนกำหนดทศมาส ก็ประสูติจากพระครรภ์พระชนนี ณ
สุทัสสนราชอุทยาน ประหนึ่งดวงทินกรอ่อนๆ ลอดหลืบเมฆ ฉะนั้น
พระองค์ครองฆราวาสวิสัยเก้าพันปี เขาว่าทรงมีปราสาท 3 หลัง ชื่อว่า สุจันทนะ
สุกัญจนะและสิริวัฒนะ ปรากฏมีพระสนมนารีสามหมื่นแปดพันนาง มีพระ-
นางสุมนามหาเทวีเป็นประมุข.
พระสุเมธกุมาร นั้น เมื่อพระโอรสของ พระนางสุมนาเทวี
พระนามว่า ปุนัพพสุมิตตะ ทรงสมภพ ทรงเห็นนิมิต 4 เสด็จออกมหา-
ภิเนษกรมณ์ด้วยยานคือม้า ทรงผนวช มนุษย์ร้อยโกฏิก็บวชตาม พระองค์อัน
มนุษย์เหล่านั้นแวดล้อมแล้วทรงทำความเพียร 8 เดือน ในวันวิสาขบูรณมี
เสวยข้าวมธุปายาส ที่ ธิดานกุลเศรษฐี ณ นกุลนิคม ถวายแล้ว ทรง
ยับยั้งพักกลางวัน ณ สาลวัน ทรงรับหญ้า 8 กำ ที่ สุวัฑฒอาชีวก ถวาย
แล้ว ทรงลาดสันถัตหญ้า กว้าง 20 ศอก ที่โคนโพธิพฤกษ์ชื่อ นีปะต้นกะทุ่ม
ทรงกำจัดกองกำลังมาร พร้อมทั้งตัวมารแล้ว ทรงบรรลุพระอภิสัมโพธิญาณ