เมนู

แม้ครั้งนั้น พระนารทพุทธเจ้าผู้นำโลกพระองค์
นั้น ก็ทรงพยากรณ์เราว่าจักเป็นพระพุทธเจ้าในกัปที่
หาประมาณมิได้ นับแต่กัปนี้ไป.
พระตถาคต ทรงตั้งความเพียร ฯ ล ฯ จักอยู่ต่อ
หน้าของท่านผู้นี้.
เราฟังพระดำรัสของพระองค์แล้ว ก็ยิ่งร่าเริงใจ
จึงอธิษฐานข้อวัตรยิ่งยวดขึ้น เพื่อบำเพ็ญบารมี 10 ให้
บริบูรณ์.


แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตทาปาหํ ตัดบทว่า ตทาปิ อหํ.
บทว่า อสมสมํ ความว่า อดีตพระพุทธเจ้าทั้งหลายชื่อว่า ไม่มีผู้เสมอ, ผู้
เสมอ คือวัดได้ด้วยอดีตพระพุทธเจ้าที่ไม่มีผู้เสมอเหล่านั้น ชื่อว่าผู้เสมอด้วย
พระพุทธเจ้าที่ไม่มีผู้เสมอ. อีกนัยหนึ่ง ผู้ไม่มีผู้เสมอ ผู้ปราศจากผู้เสมอ. สาธุ-
ชนผู้เสมอ ผู้ปราศจากผู้เสมอหามิได้. บรรดาผู้เสมอด้วยท่านผู้ไม่มีผู้เสมอเหล่า
นั้น ผู้เสมอ เมื่อควรจะกล่าวว่า อสมสมสโม ผู้เสมอเสมอกับท่านผู้ไม่มี
ผู้เสมอ พึงทราบว่า ท่านกล่าวลบ สมศัพท์เสียศัพท์หนึ่ง. ความว่า ผู้เสมอ
ด้วยผู้ไม่มีผู้เสมอ คือผู้ปราศจากผู้เสมอ. บทว่า สปริชฺชนํ ได้แก่ ทั้งชน
ผู้เป็นอุบาสก. ปาฐะว่า โสปิ มํ ตทา นรมรูนํ มชฺเฌ มชฺเฌ พฺยากาสิ จกฺขุมา
ดังนี้ก็มี. ปาฐะนั้น มีความง่ายเหมือนกัน. บทว่า ภุยโย หาเสตฺว มานสํ
ได้แก่ ยังหัวใจให้ร่าเริง ให้ยินดียิ่งขึ้นไป. บทว่า อธิฏฺฐหํ วตํ อุคฺคํ
ได้แก่ อธิษฐานข้อวัตรสูงขึ้น. ปาฐะว่า อุตฺตรึ วตมธิฏฐาสึ ทสปารมิ-
ปูริยา
ดังนี้ก็มี.

พระผู้มีพระภาคเจ้านารทะพระองค์นั้น มีพระนครชื่อว่า ธัญญวดี
พระชนกเป็นกษัตริย์พระนามว่า พระเจ้าสุเทวะ พระชนนีพระนามว่า อโนมา
คู่พระอัครสาวกชื่อว่า พระภัททสาละ และพระชิตมิตตะ พระพุทธอุปัฏฐาก
ชื่อว่า พระวาเสฏฐะ คู่พระอัครสาวิกาชื่อว่า พระอุตตรา และพระผัคคุนี
โพธิพฤกษ์ชื่อว่าต้นมหาโสณะ พระสรีระสูง 88 ศอก พระรัศมีแห่งพระสรีระ
ของพระองค์แผ่ไปโยชน์หนึ่งเป็นนิตย์ พระชนมายุเก้าหมื่นปี พระอัครมเหสี
ของพระองค์พระนามว่า วิชิตเสนา พระโอรสพระนามว่า นันทุตตระกุมาร
ปราสาท 3 หลังชื่อวิชิตะ วิชิตาวี และวิชิตาราม. พระองค์ครองฆราวาสวิสัย
อยู่เก้าพันปี. พระองค์เสด็จออกอภิเนษกรมณ์ด้วยพระบาท ด้วยเหตุนั้น จึง
ตรัสว่า
พระนารทพุทธเจ้าผู้แสวงหาคุณยิ่งใหญ่ ทรงมี
พระนครชื่อว่าธัญญวดี พระชนกพระนามว่า พระเจ้า
สุเทวะ พระชนนีพระนามว่า พระนางอโนมา.
พระนารทพุทธเจ้าผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ ทรงมี
พระอัครสาวกชื่อว่า พระภัททสาละและพระชินมิตตะ
พระพุทธอุปัฏฐากชื่อว่า พระวาเสฏฐะ.
พระอัครสาวิกาชื่อว่าพระอุตตราเเละพระผัคคุนี
โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เรียก
ว่าต้นมหาโสณะ.
พระมหามุนีทรงสูง 88 ศอก เช่นเดียวกับรูป
ปฏิมาทอง หมื่นโลกธาตุก็เจิดจ้า.

พระรัศมีวาหนึ่ง แล่นออกจากพระวรกายของ
พระองค์แผ่ไปทั้งทิศน้อยทิศใหญ่ แผ่ไปโยชน์หนึ่งทั้ง
กลางวันกลางคืน ไม่มีระหว่างทุกเมื่อ.
สมัยนั้น ชนบางพวกจุดคบเพลิง และตาม
ประทีปให้ติดสว่าง ในที่รอบ ๆ โยชน์หนึ่งไม่ได้ เพราะ
พระพุทธรัศมีครอบงำไว้เสีย.
ในยุคนั้น มนุษย์มีอายุเก้าหมื่นปี พระนารท-
พุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงมีพระชนม์ยืนถึงเพียงนั้น
ก็ยังหมู่ชนเป็นอันมาก ให้ข้ามโอฆสงสาร.
ท้องฟ้างามไพจิตร ด้วยดวงดาวทั้งหลายฉันใด
ศาสนาของพระองค์ก็งามด้วยพระอรหันต์ทั้งหลาย
ฉันนั้นเหมือนกัน.
พระนราสภพระองค์นั้น ทรงทำสะพานคือธรรม
เพื่อยังผู้ปฏิบัติที่เหลือให้ข้ามกระแสสังสารวัฎ แล้ว
เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน.
พระพุทธเจ้าผู้เสมอด้วยพระพุทธเจ้าผู้ที่ไม่มีผู้
เสมอ พระองค์นั้นก็ดี พระขีณาสพทั้งหลาย ผู้มีเดช
ที่ชั่งไม่ได้เหล่านั้นก็ดี ทั้งนั้นก็อันตรธานไปสิ้น สังขาร
ทั้งปวงก็ว่างเปล่าแน่แท้.


แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กญฺจนคฺฆิยสงฺกาโส ได้แก่ ผู้มี
รูปงามเหมือนรูปปฏิมาที่สำเร็จด้วยทองที่วิจิตรด้วยรัตนะต่าง ๆ. บทว่า