เมนู

6. วงศ์พระโสภิตพุทธเจ้าที่ 6



ว่าด้วยพระประวัติของพระโสภิตพุทธเจ้า



[7] ต่อจากสมัยของพระเรวตพุทธเจ้า พระ
พุทธเจ้าพระนามว่า โสภิตะ ผู้นำโลก ผู้ตั้งมั่น มีจิต
สงบ ไม่มีผู้เสมอ ไม่มีผู้เปรียบ.
พระชินพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงกลับพระหฤทัย
ในพระนิเวศน์ของพระองค์ ทรงบรรลุพระโพธิญาณ
สิ้นเชิง ทรงประกาศพระธรรมจักร.
ตั้งแต่อเวจีนรกขึ้นไป ตั้งแต่ภวัคคพรหมลงมา
ในระหว่างมิได้เป็นบริษัทหมู่เดียวกัน ในเพราะการ
แสดงธรรม.
พระสัมพุทธเจ้า ทรงประกาศพระธรรมจักร
ท่ามกลางบริษัทหมู่นั้น. อภิสมัยครั้งที่ 1 นับไม่ได้
ด้วยจำนวนผู้ตรัสรู้.
เมื่อพระโสภิตพุทธเจ้า ทรงแสดงธรรมต่อจาก
อภิสมัยครั้งที่ 1 นั้น ในการประชุมของมนุษย์และ
เทวดาทั้งหลาย. อภิสมัยครั้งที่ 2 ได้มีแก่มนุษย์ และ
เทวดาเก้าหมื่นโกฏิ.
ต่อมาอีก เจ้าราชบุตรพระนามว่า ชัยเสนะ ทรง
ให้สร้างพระอาราม มอบถวายพระพุทธเจ้า ในครั้งนั้น.
พระผู้มีพระจักษุ เมื่อทรงสรรเสริญการบริจาค
ทาน ก็ทรงแสดงธรรมโปรดเจ้าราชบุตรพระองค์นั้น
ครั้งนั้น อภิสมัยครั้งที่ 3 ก็ได้มีแก่สัตว์พันโกฏิ.

พระโสภิตพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ ทรงมี
สันนิบาต การประชุมพระอรหันต์ขีณาสพ ผู้ไร้มลทิน
ผู้มีจิตสงบคงที่ 3 ครั้ง.
พระราชาพระนามว่า อุคคตะพระองค์นั้น ถวาย
ทานแด่พระผู้เป็นยอดแห่งนรชน ในทานนั้น พระ-
อรหันต์ร้อยโกฏิก็มาประชุมกัน.
ต่อมาอีก หมู่คณะ [ธรรมคณะ] ถวายทานแด่
พระผู้เป็นยอดแห่งนรชน การประชุมครั้งที่ 2 ได้มี
แก่พระอรหันต์เก้าสิบโกฏิ.
ครั้งพระชินพุทธเจ้า ทรงจำพรรษา ณ เทวโลก
แล้วเสด็จลงมา การประชุมครั้งที่ 3 ก็ได้มีแก่พระ-
อรหันต์แปดสิบโกฏิ.
สมัยนั้น เราเป็นพราหมณ์ชื่อ สุชาตะ ครั้งนั้น
ได้เลี้ยงดูพระพุทธเจ้าทั้งพระสาวก ให้อิ่มหนำสำราญ
ด้วยข้าวน้ำ.
พระโสภิตพุทธเจ้า ผู้นำโลก พระองค์นั้น ทรง
พยากรณ์เราว่า ท่านผู้นี้จักเป็นพระพุทธเจ้า ในกัปที่
หาประมาณมิได้ นับแต่กัปนี้ไป.
พระตถาคตออกอภิเนษกรมณ์ จากกรุงกบิลพัสดุ์
ที่น่ารื่นรมย์ ทรงตั้งความเพียรทำทุกกรกิริยา.
พระตถาคต ประทับนั่ง ณ โคนต้นอชปาล-
นิโครธ ทรงรับข้าวมธุปายาสในที่นั้นแล้วเสด็จเข้าไป
ยังแม่น้ำเนรัญชรา.

พระชินเจ้าพระองค์นั้น เสวยข้าวมธุปายาส ณ
ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เสด็จดำเนินตามทางอันดีที่เขา
จัดแต่งไว้แล้วเข้าไปที่โคนโพธิพฤกษ์.
ต่อนั้น พระผู้มีพระยศใหญ่ ทรงทำประทักษิณ
โพธิมัณฑสถานอันยอดเยี่ยม ตรัสรู้ ณ โคนโพธิพฤกษ์
ชื่ออัสสัตถะ.
ท่านจักมีพระชนนี พระนามว่า พระนางมายา
พระชนกพระนามว่า พระเจ้าสุโธทนะ ท่านผู้นี้ จักมี
พระนามว่า โคตมะ.
พระอัครสาวก ชื่อว่า พระโกลิตะและพระอุป-
ติสสะ ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบตั้งมั่น
พระพุทธอุปัฏฐาก ชื่อว่า พระอานันทะ จักบำรุง
พระชินเจ้าผู้นี้.
พระอัครสาวิกา ชื่อว่า พระเขมาและพระอุบล-
วรรณา ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบตั้งมั่น
โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เรียก
ว่า อัสสัตถะ.
อัครอุปัฏฐาก ชื่อว่า จิตตะ และหัตถะอาฬวกะ
อัครอุปัฏฐายิกา ชื่อว่า นันทมาตาและอุตตรา พระ-
โคตมะผู้มีพระยศพระองค์นั้น มีชนมายุ 100 ปี.
มนุษย์และเทวดาทั้งหลายพึงพระดำรัสของพระ-
โสภิตพุทธเจ้า ผู้ไม่มีผู้เสมอ ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ ก็
ปลาบปลื้มใจว่า ท่านผู้นี้เป็นหน่อพุทธางกูร.

หมื่นโลกธาตุ ทั้งเทวโลก พากันส่งเสียงโห่ร้อง
ปรบมือ หัวร่อร่าเริง ประคองอัญชลีนมัสการ กล่าวว่า
ผิว่า พวกเราจักพลาดคำสั่งสอน ของพระโลก-
นาถพระองค์นี้ ในอนาคตกาล พวกเราก็จักอยู่ต่อ
หน้าของท่านผู้นี้.
มนุษย์ทั้งหลาย เมื่อจะข้ามแม่น้ำ พลาดท่าน้ำ
ข้างหน้า ก็ถือเอาท่าน้ำข้างหลัง ข้ามแม่น้ำใหญ่
ฉันใด.
พวกเราทั้งหมด ผิว่า ผ่านพ้นพระชินพุทธเจ้า
พระองค์นี้ ในอนาคตกาล พวกเราก็จักอยู่ต่อหน้า
ของท่านผู้นี้.
เราฟังพระดำรัสของพระองค์แล้ว ก็ร่าเริง สลด
ใจ ได้ทำความเพียรอย่างแรงกล้า เพื่อบรรลุประโยชน์
นั้นนั่นแหละ.
พระโสภิตพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ ทรงมี
พระนคร ชื่อว่า สุธัมมะ พระชนกพระนามว่า พระ-
เจ้าสุธัมมะ พระชนนีพระนามว่า พระนางสุธัมมา.
พระองค์ครองฆราวาสวิสัยอยู่เก้าพันปี ทรงมี
ปราสาทยอดเยี่ยม 3 หลงชื่อ กุมุทะ นฬินี ปทุมะ
พระสนมนาฏนารี แต่งกายงาม สี่หมื่นสามพันนาง
พระมเหสีพระนามว่า มกิลา พระโอรสพระนามว่า
สีหะ.
พระผู้เป็นยอดบุรุษทรงเห็นนิมิต 4 อภิเนษ-
กรมณ์โดยปราสาท ทรงบำเพ็ญเพียร 7 วัน.

พระโสภิตมหาวีระ ผู้นำโลก ผู้สงบ อันท้าว
มหาพรหมอาราธนาแล้ว ประกาศพระธรรมจักร ณ
สุธัมมราชอุทยานอันยอดเยี่ยม.
พระอัครสาวกชื่อว่า พระอสมะและพระสุเนตตะ
พระพุทธอุปัฏฐาก ชื่อว่า พระนกุลา และพระสุชาดา
พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตรัสรู้ ณ โคนโพธิพฤกษ์
ชื่อว่าต้นนาคะ.
อัครอุปฐาก ชื่อว่า รัมมะและสุเนตตะ อัครอุป-
ฐายิกา ชื่อว่า นกุลา และจิตตา.
พระมหามุนี ทรงสูง 58 ศอก ทรงส่งรัศมี
สว่างไปทุกทิศ ดังดวงอาทิตย์อุทัย.
ป่าใหญ่ มีดอกไม้บาน อบอวลด้วยกลิ่นหอม
นานา ฉันใด ปาพจน์ของพระโสภิตพุทธเจ้า ก็อบอวล
ด้วยกลิ่นคือศีล ฉันนั้น.
ขึ้นชื่อว่า มหาสมุทร ใครๆ ก็ไม่อิ่มด้วยการเห็น
ฉันใด ปาพจน์ของพระโสภิตพุทธเจ้า พระองค์นั้น
ใครๆ ก็ไม่อิ่มด้วยการฟัง ฉันนั้น.
ในยุคนั้น มนุษย์มีอายุเก้าหมื่นปี พระโสภิต
พุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงมีพระชนม์ยืนถึงเพียงนั้น
จึงยังหมู่ชนเป็นอันมากให้ข้ามโอฆสงสาร.

พระองค์ทั้งพระสาวก ประทานโอวาทานุศาสน์
แก่ชนที่เหลือแล้ว เสด็จดับขันธปรินิพพาน เหมือน
ไฟไหม้แล้วก็ดับไป ฉะนั้น.
พระพุทธเจ้า ผู้เสมอด้วยพระพุทธเจ้าที่ไม่มีผู้
เสมอพระองค์นั้นด้วย เหล่าพระสาวก ผู้ถึงกำลัง
เหล่านั้นด้วย ทั้งนั้นก็อันตรธานไปสิ้น สังขารทั้งปวง
ก็ว่างเปล่า โดยแน่แท้.
พระโสภิตสัมพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ เสด็จดับขันธ-
ปรินิพพาน ณ พระวิหารสีหาราม พระบรมธาตุแผ่
กระจายไปเป็นส่วนๆ ในที่นั้นๆ.
จบวงศ์พระโสภิตพุทธเจ้าที่ 6

พรรณนาวงศ์พระโสภิตพุทธเจ้าที่ 6



ภายหลังสมัยของ พระเรวตพุทธเจ้า พระองค์นั้น เมื่อพระศาสนา
ของพระองค์ อันตรธานแล้ว พระโพธิสัตว์พระนามว่า โสภิตะ ทรงบำเพ็ญ
บารมีมาสี่อสงไขยกำไรแสนกัป ก็บังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต ทรงดำรงอยู่ตลอด
อายุในที่นั้นแล้ว อันทวยเทพอ้อนวอนแล้ว ก็จุติจากสวรรค์ชั้นดุสิต ถือ
ปฏิสนธิในพระครรภ์ของ พระนางสุธัมมาเทวี ในราชสกุลของ พระเจ้า
สุธัมมราช
ใน สุธัมมนคร. พระโพธิสัตว์นั้น ถ้วนกำหนดทศมาส ก็ประสูติ
จากพระครรภ์ของพระชนนี ณ สุธัมมราชอุทยาน เหมือนดวงจันทร์ลอด
ออกจากหลืบเมฆ ปาฏิหาริย์ในการปฏิสนธิและประสูติของพระองค์มีประการ
ดังกล่าวมาก่อนแล้ว.
พระโพธิสัตว์นั้น ครองฆราวาสวิสัยอยู่หมื่นปี เมื่อพระโอรสพระนาม
ว่า สีหกุมาร ทรงถือกำเนิดในพระครรภ์ของพระนางมขิลาทวี1 พระอัครมเหสี
ยอดสนมนาฏเจ็ดหมื่นนางแล้ว ทรงเห็นนิมิต 4 เกิดสลดพระหฤทัย ทรงผนวช
ในปราสาทนั่นเอง ทรงเจริญอานาปานัสสติสมาธิในปราสาทนั้นนั่นแหละ ทรง
ได้ฌาน 4 ทรงบำเพ็ญเพียรในปราสาทนั้น 7 วัน ต่อนั้น เสวยข้าวมธุ-
ปายาสรสอร่อยอย่างยิ่ง พระนางมขิลามหาเทวี ถวายแล้ว ทรงเกิดจิตคิดจะ
ออกอภิเนษกรมณ์ว่า ขอปราสาทที่ประดับตกแต่งแล้วนี้ จงไปทางอากาศต่อ
หน้ามหาชนที่กำลังดูอยู่แล้ว ทำโพธิพฤกษ์ไว้ตรงกลาง แล้วลงเหนือแผ่นดิน
และสตรีเหล่านั้น เมื่อเรานั่ง ณ โคนโพธิพฤกษ์ ไม่ต้องมีคนบอก จงลงจาก
ปราสาทกันเองเถิด พร้อมกับเกิดจิตดังนั้น ปราสาทก็เหาะจากพระราชนิเวศน์
ของพระเจ้าสุธัมมราช ขึ้นสู่อากาศเฉกเช่นอัญชันบรรพตสีเขียวความ ปราสาท
นั้น มีพื้นปราสาทประดับด้วยพวงดอกไม้ส่งกลิ่นหอมอบอวล เหมือนประดับ

1. บาลีเป็นมกิลา