เมนู

5. วงศ์พระเรวตพุทธเจ้าที่ 5



ว่าด้วยพระประวัติของพระเรวตพุทธเจ้า



[6] ต่อจากสมัยของพระสุมนพุทธเจ้า พระ-
เรวตชินพุทธเจ้า ผู้นำโลก ผู้ไม่มีผู้เปรียบ ไม่มีผู้
เสมือน ไม่มีผู้วัด สูงสุด.
แม้พระองค์ อันท้าวมหาพรหมอาราธนาแล้ว
ทรงประกาศธรรม เป็นเครื่องกำหนดขันธ์และธาตุ
อันเป็นเหตุไม่เป็นไปในภพน้อยภพใหญ่.
ในการทรงแสดงธรรม พระองค์มีอภิสมัย 3
ครั้ง อภิสมัยครั้งที่ 1 กล่าวไม่ได้ด้วยจำนวนผู้ตรัสรู้.
ครั้งพระเรวตมุนี ทรงแนะนำพระเจ้าอรินทมะ
อภิสมัยครั้งที่ 2 ก็ได้มีแต่สัตว์แสนโกฏิ.
พระนราสภเสด็จออกจากที่เร้นในวันที่ 7 ทรง
แนะนำมนุษย์และเทวดาร้อยโกฏิให้บรรลุผลสูงสุด.
พระเรวตพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ทรงมีสัน-
นิบาตประชุมพระขีณาสพ ผู้ไร้มลทิน หลุดพ้นดีแล้ว
ผู้คงที่ 3 ครั้ง.
ผู้ที่ประชุมกัน ครั้งที่ 1 เกินที่จะนับจำนวนได้
การประชุมครั้งที่ 2 นับจำนวนผู้ประชุมได้แสนโกฏิ.

ครั้งที่พระวรุณะอัครสาวก ผู้ไม่มีผู้เสมอด้วย
ปัญญา ผู้อนุวัตรพระธรรมจักรตามพระเรวตพุทธเจ้า
พระองค์นั้น เกิดอาพาธหนัก.
ครั้งนั้น เหล่าภิกษุเข้าไปหาพระมุนี [วรุณะ]
เพื่อถามถึงอาพาธของท่าน จำนวนแสนโกฏิ เป็นการ
ประชุมครั้งที่ 3.
สมัยนั้น เราเป็นพราหมณ์ชื่อว่า อติเทวะเข้าเฝ้า
พระเรวตพุทธเจ้า ถึงพระองค์เป็นสรณะ.
เราสรรเสริญศีล สมาธิ และพระปัญญาคุณอัน
ยอดเยี่ยมของพระองค์ ตามกำลัง ได้ถวายผ้าอุตตรา-
สงค์.
พระเรวตพุทธเจ้า ผู้นำโลก พระองค์นั้นทรง
พยากรณ์เราว่า ท่านผู้นี้จักเป็นพระพุทธเจ้าในกัปที่หา
ประมาณมิได้ นับแต่กัปนี้ไป.
พระตถาคตออกอภิเนษกรมณ์ จากกรุงกบิลพัสดุ์
ที่น่ารื่นรมย์ ตั้งความเพียรทำทุกกริยา.
พระตถาคตประทับนั่ง ณ โคนต้นอชปาลนิโครธ
รับข้าวมธุปายาส ณ นั้นแล้วเข้าไปยังแม่น้ำเนรัญชรา.

พระชินเจ้าพระองค์นั้น เสวยข้าวมธุปายาส ที่
ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เสด็จตามมรรคอันดีที่เขาจัด
แต่งไว้ ไปที่โคนโพธิพฤกษ์.
แต่นั้น พระผู้มีพระยศใหญ่ ทรงทำประทักษิณ
โพธิมัณฑสถานอันยอดเยี่ยม ตรัสรู้ ณ โคนโพธิพฤกษ์
ชื่อต้นอัสสัตถะ ต้นโพธิ์ใบ.
ท่านผู้นี้ จักมีพระชนนีพระนามว่าพระนางมายา
พระชนกพระนามว่าพระเจ้าสุทโธทนะ ท่านผู้นี้ จักมี
พระนามว่าโคตมะ.
จักมีอัครสาวก ชื่อว่า พระโกลิตะและพระอุป-
ติสสะ ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะมีจิตสงบตั้งมั่น
พระพุทธอุปัฏฐากชื่อว่าพระอานันทะ จักบำรุงพระ-
ชินเจ้าผู้นี้.
จักมีอัครสาวก ชื่อว่า พระเขมา และพระอุบล-
วรรณา ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ ตั้ง
มั่น โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
เรียกว่าต้นอัสสัตถะ.
จักมีอัครอุปัฏฐาก ชื่อว่า จิตตะ และหัตถะ-
อาฬวกะ อัครอุปัฏฐายิกา ชื่อว่า นันทมาตาและอุตตรา.

พระโคดมพุทธเจ้า ผู้มีพระยศพระองค์นั้นมีพระ-
ชนมายุ 100 ปี.
มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ฟังพระดำรัสนี้ของ
พระเรวตพุทธเจ้า ผู้ไม่มีผู้เสมอ ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่
ก็ปลาบปลื้มใจว่าท่านผู้นี้เป็นหน่อพุทธางกูร.
หมื่นโลกธาตุทั้งเทวโลก ก็ส่งเสียงโห่ร้อง ปรบ
มือ หัวร่อร่าเริง ประคองอัญชลีนมัสการ กล่าวว่า
ผิว่า พวกเราพลาดศาสนาของพระโลกนาถพระ-
องค์นี้ไซร้ ในอนาคตกาลพวกเราก็จักอยู่ต่อหน้าของ
ท่านผู้นี้.
มนุษย์ทั้งหลาย เมื่อข้ามแม่น้ำ พลาดท่าน้ำข้าง
หน้า ก็ถือเอาท่าน้ำข้างหลังข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉันใด.
พวกเราทั้งหมด ผิว่า ผ่านพ้น พระชินเจ้าพระ-
องค์นี้ ในอนาคตกาลพวกเราก็จักอยู่ต่อหน้าของท่าน
ผู้นี้ ฉันนั้นเหมือนกัน.
เราฟังพระดำรัส แม้ของพระองค์แล้วก็ยิ่งเลื่อม
ใส จึงอธิษฐานข้อวัตรยิ่งยวดขึ้นไป เพื่อบำเพ็ญบารมี
ให้บริบูรณ์.
แม้ครั้งนั้น เราระลึกถึงพุทธธรรมนั้นแล้วก็
เพิ่มพูนมากขึ้น จักนำพุทธธรรมที่เราปรารถนานักหนา
มาให้ได้.

พระเรวตพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ ทรงมี
พระนครชื่อว่าสุธัญญวดี พระชนกพระนามว่า พระเจ้า
วิปุลราช พระชนนีพระนามว่า พระนางวิปุลา.
พระองค์ครองฆราวาสวิสัย อยู่หกพันปี มี
ปราสาทอย่างเยี่ยม 3 หลัง ซึ่งเกิดเพราะบุญกรรม ชื่อ
สุทัสสนะ รตนัคฆิและอาเวฬะ อันตกแต่งแล้ว.
มีพระสนมนารี ที่แต่งกายงามสามล้านสามแสน
นาง พระอัครมเหสีพระนามว่า สุทัสสนา พระโอรส
พระนามว่า วรุณะ.
พระชินพุทธเจ้า ทรงเห็นนิมิต 4 เสด็จออก
อภิเนษกรมณ์ ด้วยยานคือรถทรง ตั้งความเพียร 7
เดือนเต็ม.
พระมหาวีระชินเรวตพุทธเจ้า ผู้นำโลก ผู้สงบ
อันท้าวมหาพรหมอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระ-
ธรรมจักร ประทับอยู่ ณ พระวิหารวรุณาราม.
มีพระอัครสาวก ชื่อว่า พระวรุณะและพระพรหม-
เทวะ มีพระพุทธอุปัฏฐาก ชื่อว่า พระสัมภวะ.
มีพระอัครสาวิกา ชื่อว่า พระภัททาและพระสุ-
ภัททา พระพุทธเจ้าผู้เสมอด้วยพระพุทธเจ้า ผู้ไม่มีผู้
เสมอพระองค์นั้น ตรัสรู้ ณ โคนโพธิพฤกษ์ ชื่อต้น
นาคะ ( กากะทิง.)

มีอัครอุปัฏฐาก ชื่อวรุณะ และ สรภะ มีอัคร
อุปัฏฐายิกา ชื่อ ปาลา และอุปปาลา.
พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น โดยส่วนสูงทรงสูง 80
ศอก ส่งรัศมีสว่างไปทุกทิศเหมือนดวงอาทิตย์,
เปลวรัศมี ที่เกิดในสรีระของพระองค์ก็ยอดเยี่ยม
แผ่ไปโดยรอบโยชน์หนึ่ง ทั้งกลางวันกลางคืน.
ในยุคนั้น มนุษย์มีอายุหกหมื่นปี พระเรวตพุทธ-
เจ้าพระองค์นั้น ทรงมีพระชนม์ยืนเพียงนั้น จึงยังหมู่
ชนเป็นอันมากให้ข้ามโอฆสงสาร.
พระองค์ทรงแสดงกำลังของพระพุทธเจ้า ทรง
ประกาศอมตธรรมในโลก หมดเชื้อก็ดับขันธปรินิพ-
พาน เหมือนไฟหมดเชื้อก็ดับไปฉะนั้น.
พระวรกายดังรัตนะนั้นด้วย พระธรรมที่ไม่มี
อะไรเสมือนนั้นด้วย ทั้งนั้น ก็อันตรธานไปสิ้น
สังขารทั้งปวงก็ว่างเปล่า แน่แท้.
พระเรวตพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงมีพระยศทรง
มีบุญมาก ก็ดับขันธปรินิพพานไปแล้ว พระบรมธาตุ
ก็แผ่กระจายไปเป็นส่วนๆ ในประเทศนั้น ๆ.
จบวงศ์พระเรวตพุทธเจ้าที่ 5

พรรณนา วงศ์พระเรวตพุทธเจ้าที่ 5



ต่อมา ภายหลังสมัยของพระผู้มีพระภาคเจ้า สุมนะ เมื่อศาสนาของ
พระองค์อันตรธานไปแล้ว พวกมนุษย์ที่มีอายุเก้าหมื่นปี ก็ลดลงโดยลำดับ
จนมีอายุสิบปี แล้วก็เพิ่มขึ้นโดยลำดับ จนมีอายุหนึ่งอสงไขย แล้วก็ลดลงอีก
จนมีอายุหกหมื่นปี. สมัยนั้น พระศาสดาพระนามว่า เรวตะ เสด็จอุบัติขึ้น
แม้พระองค์ก็ทรงบำเพ็ญบารมีทั้งหลายแล้วบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต ซึ่งเป็น
ภพที่รุ่งโรจน์ด้วยรัตนะเป็นอันมาก จุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตนั้นแล้ว ก็ทรงถือ
ปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางวิปุลา ผู้ไพบูลย์ด้วยคุณราศรีอันงดงามและน่า
จับใจ ซึ่งเป็นจุดรวมดวงตาของชนทั้งปวง เรืองรองด้วยความงาม ซึ่งเกิด
จากดวงหน้าและดวงใจอันมีสิริน่ารักดุจดอกบัวบานตระการตา อัครมเหสีใน
ราชสกุลของพระเจ้าวิปุลราช ผู้ไพบูลย์ด้วยความมั่งคั่งทุกอย่าง อันเกลื่อน
ด้วยเหตุเกิดแห่งสิริสมบัติ ทรงถูกห้อมล้อมด้วยราชบริพารอันงดงามประมาณ
มิได้ ประดับกายด้วยเครื่องอลังการทั้งปวง ในกรุงสุธัญญวดี ซึ่งมีทรัพย์
และข้าวเปลือกพร้อมสรรพ ถ้วนกำหนดทศมาสก็ประสูติจากพระครรภ์ของ
พระชนนี ดุจพญาหงส์ทองบินออกจาก จิตรกูฏบรรพต.
ปาฏิหาริย์ทั้งหลาย ในการปฏิสนธิและประสูติของพระองค์ ก็มีนัยดัง
กล่าวมาแล้วแต่ก่อน. พระองค์มีปราสาท 3 หลัง ชื่อสุทัสสนะ รตนัคฆิและ
อาเวฬะ สตรีจำนวนสามหมื่นสามพันนาง มีพระนางสุทัสสนาเทวีเป็นประธาน
ก็ปรากฏ. พระเรวตราชกุมารนั้น อันเหล่ายุวนารีผู้กล้าหาญแวดล้อมแล้ว
ทรงครองฆราวาสวิสัยเสวยสุขอยู่หกพันปี เหมือนเทพกุมาร เมื่อพระโอรส
พระนามว่า วรุณะ ของพระนางสุทัสสนาเทวีประสูติ พระองค์ก็ทรงเห็นนิมิต 4