เมนู

เสด็จเข้าไปยังโพธิพฤกษ์ชื่อ นาคะ ต้นกากะทิง ทรงทำประทักษิณต้นนาคะ
โพธิ์นั้น ทรงเอาหญ้า 8 กำปูเป็นสันถัดหญ้ากว้าง 30 ศอก ประทับนั่งขัดสมาธิ
เหนือสันถัตหญ้านั้น. ต่อนั้น ก็ทรงกำจัดกองกำลังมาร แทงตลอดพระสัพ-
พัญญุตญาณ ทรงเปล่งอุทานว่า อเนกชาติสํสารํ ฯ เป ฯ ตณฺหานํ
ขยมชฺฌคา
ดังนี้ ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสว่า
ถัดสมัยของพระมงคลพุทธเจ้า พระพุทธเจ้า
พระนามว่า สุมนะ ทรงเป็นผู้นำโลก ไม่มีผู้เสมอด้วย
ธรรมทั้งปวง สูงสุดแห่งสัตว์ทั้งปวง.


แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มงฺคลสฺส อปเรน ความว่า ต่อมาภาย
หลังสมัยของพระผู้มีพระภาคมงคลพุทธเจ้า. บทว่า สพฺพธมฺเมหิ อสโม
ได้แก่ ไม่มีผู้เสมอ ไม่มีผู้เสมือน ด้วยธรรมคือศีล สมาธิ ปัญญา แม้ทุกอย่าง.
ได้ยินว่า พระผู้มีพระภาคสุมนพุทธเจ้า ทรงยับยั้งอยู่ 7 สัปดาห์
ณ ที่ใกล้โพธิพฤกษ์ ทรงรับคำทูลอาราธนาของพรหมเพื่อแสดงธรรม ทรง
ใคร่ครวญว่า จะแสดงธรรมแก่ใครก่อนหนอ ทรงเห็นว่า ชนที่บวชกับพระ-
องค์สามสิบโกฏิ พระกนิษฐภาดาต่างพระมารดาของพระองค์ พระนามว่า
สรณกุมาร และบุตรปุโรหิต ชื่อว่า ภาวิตัตตมาณพ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วย
อุปนิสัย ทรงพระดำริว่า จะทรงแสดงธรรมแก่ชนเหล่านั้นก่อน จึงเสด็จ
โดยทางนภากาศ ลงที่พระราชอุทยาน เมขละ ทรงส่งพนักงานเฝ้าพระราช
อุทยานไปเรียก สรณกุมาร พระกนิษฐภาดาของพระองค์และภาวิตัตตมาณพ
บุตรปุโรหิต แล้วทรงยังสัตว์แสนโกฏิอย่างนี้ คือ บริวารของคนเหล่านั้นสาม

สิบเจ็ดโกฏิ ชนที่บวชกับพระองค์สามสิบโกฏิ และเทวดาและมนุษย์อื่น ๆ มาก
โกฏิ ให้ดื่มอมฤตธรรมด้วยทรงประกาศพระธรรมจักร ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสว่า
ครั้งนั้น พระองค์ทรงลั่นอมตเภรี คือ คำสั่ง
สอนของพระชินเจ้ามีองค์ 9 อันประกอบด้วยสังข์คือ
ธรรม ณ นครเมขละ.


แก้อรรถ
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อมตเภรึ ได้แก่ เภรีเพื่อบรรลุอมตะ
เพื่อบรรลุพระนิพพาน. บทว่า อาหนิ ได้แก่ ประโคม อธิบายว่า แสดงธรรม
ชื่อว่า อมตเภรีนี้นั้น ก็คือพุทธวจนะมีองค์ 9 มีอมตะเป็นที่สุด ด้วยเหตุนั้น
นั่นแล จึงตรัสว่า คือคำสั่งสอนของพระชินเจ้า อันประกอบด้วยสังข์คือธรรม
ในคำนั้น. บทว่า ธมฺมสงฺขสมายุตฺตํ ได้แก่ อันประกอบพร้อมด้วยสังข์
อันประเสริฐ คือ กถาว่าด้วยสัจธรรม 4.
พระสุมนพุทธเจ้า ผู้นำโลก ทรงบรรลุพระอภิสัมโพธิญาณแล้ว เมื่อ
ทรงปฏิบัติปฏิปทาอันสมควรแก่ปฏิญญา ก็ได้ทรงสร้างอมตนครอันประเสริฐ
มีศีลเป็นปราการอันไพบูลย์ มีสมาธิเป็นดูล้อม มีวิปัสสนาญาณเป็นทวาร มีสติ
สัมปชัญญะเป็นบานประตู ประดับด้วยมณฑปคือสมาบัติเป็นต้น เกลื่อนกล่น
ด้วยชน เป็นฝักฝ่ายแห่งโพธิญาณ เพื่อป้องกันรัตนะคือ กุศล อันเหล่าโจรคือ
กิเลสทั้งหลาย คอยปล้นสดมภ์ เพื่อประโยชน์แก่การเปลื้องมหาชนให้พ้น
เครื่องพันธนาการ คือภพ ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสว่า
พระศาสดาพระองค์นั้น ทรงชนะกิเลสทั้งหลาย
แล้ว ทรงบรรลุพระโพธิญาณอันสูงสุด ทรงสร้าง
นคร ชื่อสัทธัมมปุระ อันประเสริฐสูงสุด.

แก้อรรถ
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นิชฺชินิตฺวา ได้แก่ ชนะได้เด็ดขาด.
อธิบายว่า ทรงกำจัดกิเลสมาร และเทวบุตรมาร. บทว่า โส ได้แก่ พระผู้มี
พระภาคเจ้าสุมนะ พระองค์นั้น . ปาฐะว่า วิชินิตฺวา กิเลเสหิ ดังนี้ก็มี. หิ
อักษรเป็นนิบาต ใช้ในอรรถเพียงบทบูรณ์. บทว่า ปตฺวา แปลว่า บรรลุ
แล้ว. ปาฐะว่า ปตฺโต ดังนี้ก็มี. บทว่า นครํ ได้แก่ นครคือพระนิพพาน.
บทว่า สทฺธมฺมปุรวรุตฺตมํ ได้แก่ สูงสุด ประเสริฐสุด เป็นประธาน บรรดา
นครอันประเสริฐทั้งหลาย กล่าวคือสัทธรรมนคร. อีกนัยหนึ่ง บรรดานคร
อันประเสริฐที่สำเร็จด้วยสัทธรรม นิพพานนครสูงสุด จึงชื่อว่าสัทธัมมปุร-
วรุตตมะนคร สูงสุดในบรรดาสัทธรรมนครอันประเสริฐ ในอรรถวิกัปต้น พึง
เห็นคำว่า นคร ว่าเป็นไวพจน์ของพระนิพพานนั้นเท่านั้น. พระนิพพานเป็น
ที่ตั้งแห่งพระอริยบุคคลทั้งหลายที่เป็นพระเสกขะและอเสกขะ ผู้แทงตลอด
สภาวธรรมแล้ว ท่านเรียกว่า นคร เพราะอรรถว่าเป็นโคจรและเป็นที่อยู่ ก็ใน
สัทธรรมนครอันประเสริฐนั้น พระศาสดาพระองค์นั้น ทรงสร้างถนนใหญ่
ที่สำเร็จด้วยสติปัฏฐาน อันไม่ขาด ไม่คด แต่ตรง ทั้งหนาทั้งกว้างไว้ ด้วย
เหตุนั้น จึงตรัสว่า
พระองค์ ทรงสร้างถนนใหญ่ อันไม่ขาดไม่คด
แต่ตรง ที่หนาและกว้าง คือสติปัฏฐานอันประเสริฐ
สูงสุด.

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นิรนฺตรํ ได้แก่ ชื่อว่า ไม่ขาดเพราะ
กุศลชวนจิตสัญจรไปไม่ว่างเว้น. บทว่า อกุฏิลํ ได้แก่ ชื่อว่าไม่คด เพราะ