เมนู

3. วงศ์พระมงคลพุทธเจ้าที่ 3



ว่าด้วยพระประวัติของพระมงคลพุทธเจ้า


[4] ต่อมาจากสมัย ของพระโกณฑัญญพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าพระนามว่า มงคล ผู้นำโลก ทรงกำจัด
ความมืดในโลก ทรงชูประทีปธรรม.
รัศมีของพระองค์ไม่มีใครเทียบ ยิ่งกว่าพระชิน-
พุทธเจ้าพระองค์อื่น ๆ ข่มรัศมีของดวงจันทร์และดวง
อาทิตย์ ทำหมื่นโลกธาตุให้สว่างจ้า.
พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงประกาศสัจจะ 4
อันประเสริฐสูงสุด. สัตว์นั้น ๆ ก็ดื่มรสสัจจะบรรเทา
ความมืดใหญ่ลงได้,
ในการที่ทรงบรรลุพระโพธิญาณ อันหาที่เทียบ
มิได้ แล้วทรงแสดงธรรมครั้งแรก ธรรมาภิสมัย ครั้ง
ที่ 1 ก็ได้มีแก่สัตว์แสนโกฏิ.
พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมโปรด ในภพของ
ท้าวสักกะเทวราชจอมเทพ ครั้งนั้น ธรรมาภิสมัย
ครั้งที่ 2 ได้มีแก่เทวดาแสนโกฏิ.
ครั้ง พระเจ้าสุนันทจักรพรรดิราช เข้าเฝ้าพระ-
สัมพุทธเจ้า พระสัมพุทธเจ้า ก็ทรงลั่นธรรมเถรีอัน
ประเสริฐสูงสุด.

ครั้งนั้น ข้าราชบริพารตามเสด็จพระเจ้าสุนันท-
จักรพรรดิราช มีจำนวนเก้าสิบโกฏิ ชนเหล่านั้น ก็ได้
เป็นผู้บวชด้วยเอหิภิกษุอุปสัมปทาทั้งหมด ไม่เหลือ
เลย.
สมัยพระมงคลพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ มี
สันนิบาตการประชุม 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 เป็นการประ-
ชุมสาวกแสนโกฏิ ครั้งที่ 2 ก็เป็นการประชุมสาวก
แสนโกฏิ ครั้งที่ 3 เป็นการประชุมสาวกเก้าสิบโกฏิ
ครั้งนั้น เป็นการประชุมสาวกผู้เป็นพระขีณาสพ ผู้ไร้
มลทิน.
สมัยนั้น เราเป็นพราหมณ์ชื่อสุรุจิ เป็นผู้คงแก่
เรียน ทรงมนต์ จบไตรเพท เราเข้าเฝ้า ถึงพระศาสดา
เป็นสรณะ บูชาพระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน
ด้วยของหอมและดอกไม้ ครั้นบูชาด้วยของหอมและ
ดอกไม้แล้ว ก็เลี้ยงให้อิ่มหนำสำราญด้วยควปานะ
ขนมแป้งผสมน้ำนมโค.
พระมงคลพุทธเจ้า ผู้เป็นยอดแห่งสัตว์สองเท้า
พระองค์นั้น ทรงพยากรณ์เราว่า ท่านผู้นี้จักเป็นพระ-
พุทธเจ้าในกัปที่นับไม่ได้ นับแต่กัปนี้ไป.
พระตถาคตเสด็จออกอภิเนษกรมณ์ จากกรุง-
กบิลพัศดุ์ที่น่ารื่นรมย์ ทรงตั้งความเพียรทำทุกกรกิริยา.

พระตถาคต ประทับ ณ โคนต้นอชปาลนิโครธ
ทรงรับข้าวมธุปายาส เสด็จเข้าไปยังแม่น้ำเนรัญชรา.
พระชินเจ้าพระองค์นั้น เสวยข้าวมธุปายาสที่ริม
ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เสด็จดำเนินตามทางอันดีที่เขาจัด
ตกแต่งไว้ ไปที่โคนโพธิพฤกษ์.
แต่นั้น พระผู้มียศใหญ่ทรงทำประทักษิณโพธิ-
มัณฑสถานอันยอดเยี่ยมแล้วตรัสรู้ ณ โคนต้นโพธิ-
พฤกษ์ ชื่อว่าอัสสัตถะ ต้นโพธิใบ.
ท่านผู้นี้ จักมีพระชนนีพระนามว่า มายา พระ-
ชนกพระนามว่า สุทโธทนะ ท่านผู้นี้จักมีนามว่าพระ
โคตมะ.
จักมีคู่อัครสาวก ชื่อว่าพระโกลิตะและพระอุป-
ติสสะ ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ ตั้ง
มั่น พุทธอุปัฏฐาก ชื่อว่าอานันทะ จักบำรุงพระชินเจ้า
ผู้นี้.
จักมีคู่อัครสาวิกา ชื่อว่าพระเขมา และพระอุบล-
วรรณา ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ
ตั้งมั่น ต้นโพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์
นั้น เรียกว่าอัสสัตถพฤกษ์.
จักมีอัครอุปัฏฐาก ชื่อว่า จิตตะ และหัตถะ
อาฬวกะ จักมีอัครอุปัฎฐายิกา ชื่อว่า นันทมาตาและ

อุตตรา พระโคตมพุทธเจ้าผู้มียศพระองค์นั้น จักมี
พระชนมายุ ประมาณ 100 ปี.
มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย สดับพระดำรัสของ
พระมงคลพุทธเจ้า ผู้ไม่มีผู้เสมอ ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่
นี้แล้ว ก็พากันปลาบปลื้มใจว่า ท่านผู้นี้เป็นหน่อ
พุทธางกูร.
หมื่นโลกธาตุ พร้อมทั้งเทวโลก ก็ส่งเสียงโห่
ร้อง ปรบมือ หัวร่อร่าเริง ประคองอัญชลีนมัสการ
กล่าวว่า
ผิว่า พวกเราจักพลาดคำสั่งสอนของพระโลกนาถ
พระองค์นี้ ในอนาคตกาล พวกเราก็จักอยู่ต่อหน้า
ของท่านผู้นี้.
มนุษย์ทั้งหลาย เมื่อข้ามแม่น้ำ พลาดท่าน้ำ
เฉพาะหน้า ก็ถือเอาท่าน้ำทางหลัง ข้ามมหานทีฉันใด.
พวกเราทั้งหมด ผิว่าจะละพ้นพระชินเจ้าพระ-
องค์นี้ไซร้ ในอนาคตกาลพวกเราก็จักอยู่ต่อหน้าของ
ท่านผู้นี้ ฉันนั้นเหมือนกัน.
เราฟังพระดำรัสของพระมงคลพุทธเจ้า พระองค์
นั้นแล้ว ก็ยังจิตให้เลื่อมใสมากขึ้น อธิษฐานวัตรยิ่ง
ยวดขึ้น เพื่อบำเพ็ญบารมี 10 ให้เต็มบริบูรณ์.

ครั้งนั้น เราเพิ่มพูนปีติ เพื่อบรรลุพระสัมโพธิ-
ญาณอันประเสริฐ จึงถวายเคหสมบัติของเรา แด่พระ
มงคลพุทธเจ้า แล้วก็บวชในสำนักของพระองค์.
เราเล่าเรียนพระสูตร พระวินัยและนวังคสัตถุ-
สาสน์ได้หมด ยังศาสนาของพระชินเจ้าให้งดงาม.
เราเมื่ออยู่ในพระศาสนานั้น ไม่ประมาท เจริญ
พรหมวิหารภาวนา ถึงฝั่งในอภิญญา 5 ก็ไปพรหมโลก.
พระมงคลพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ทรงมี
พระนคร ชื่อว่าอุตตระ มีพระชนกพระนามว่า พระเจ้า
อุตตระ พระชนนีพระนามว่า พระนางอุตตรา.
พระองค์ทรงครองฆราวาสวิสัยอยู่เก้าพันปี ทรง
มีปราสาทเยี่ยมยอด 3 หลัง ชื่อ ยสวา สุจิมา สิริมา
ทรงมีพระสนมนารีสามหมื่นถ้วน มีพระอัครมเหสี
พระนามว่ายสวดี พระโอรสพระนามว่า สีวละ.
พระชินเจ้าทรงเห็นนิมิต 4 เสด็จออกอภิเนษ-
กรมณ์ด้วยยานคือม้า ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ 8 เดือนเต็ม.
พระมหาวีระมงคลพุทธเจ้า ผู้นำโลก ผู้เป็นยอด
แห่งสัตว์สองเท้า ผู้สงบ อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว
ทรงประกาศพระธรรมจักรเสด็จจาริกไป.
พระมงคลพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ ทรงมี
อัครสาวกชื่อว่า พระสุเทวะ พระธรรมเสนะ มีพุทธ-
อุปัฏฐาก ชื่อว่า พระปาลิตะ.

ทรงมีอัครสาวิกา ชื่อว่า พระสีวลาและพระ-
อโสกา โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
เรียกว่าต้นนาคะ คือต้นกากะทิง.
ทรงมีอัครอุปัฏฐาก ชื่อว่า นันทะ และวิสาขะ มี
อัครอุปัฏฐายิกา ชื่อว่า อนุฬา และ สุมนา.
พระมหามุนี สูง 88 ศอก พระรัศมีหลายแสน
แล่นออกจากพระสรีระนั้น.
สมัยนั้น ทรงมีพระชนมายุเก้าหมื่นปี พระองค์
ทรงพระชนม์อยู่ถึงเพียงนั้น ก็ทรงยังหมู่ชนเป็นอัน
มากให้ข้ามโอฆสงสาร.
คลื่นทั้งหลายในมหาสมุทร ใครๆ ก็ไม่อาจนับ
คลื่นเหล่านั้นได้ ฉันใด สาวกทั้งหลายของพระมงคล-
พุทธเจ้าพระองค์นั้น ใครๆ ก็ไม่อาจนับสาวกเหล่า
นั้นได้ ฉันนั้น.
พระมงคลสัมพุทธเจ้า ผู้นำโลก ยังดำรงอยู่
ตราบใด ในศาสนาของพระองค์ ก็ไม่มีการตายของ
สาวกผู้ยังมีกิเลส ตราบนั้น.
พระผู้มียศใหญ่พระองค์นั้น ทรงชูประทีปธรรม
ยังมหาชนให้ข้ามโอฆสงสาร ทรงรุ่งเรืองแล้ว ก็เสด็จ
ดับขันธปรินิพพาน เหมือนดวงไฟ.

ทรงแสดงความที่สังขารทั้งหลายเป็นสภาวธรรม
แก่โลกพร้อมทั้งเทวโลก รุ่งเรืองแล้วก็เสด็จดับขันธ-
ปรินิพพาน เหมือนกองไฟดับ ประดุจดวงอาทิตย์
อัสดงคต ฉะนั้น.
พระมงคลพุทธเจ้า ปรินิพพาน ณ อุทยาน ชื่อ
เวสสระ ชินสถูปของพระองค์ ณ อุทยานนั้น สูงสาม
สิบโยชน์.
จบวงศ์พระมงคลพุทธเจ้าที่ 3

พรรณาวงศ์พระมงคลพุทธเจ้าที่ 3



ดังได้สดับมา เมื่อพระโกณฑัญญศาสดา เสด็จดับขันธปรินิพพาน
แล้ว ศาสนาของพระองค์ดำรงอยู่แสนปี เพราะพระสาวกของพระพุทธะและ
อนุพุทธะอันตรธาน ศาสนาของพระองค์ก็อันตรธาน. ต่อจากสมัยของพระ-
โกณฑัญญพุทธเจ้า ล่วงไปอสงไขยหนึ่ง ในกัปเดียวกันนี่แล ก็บังเกิดพระ
พุทธเจ้า 4 พระองค์ คือ พระมังคละ พระสุมนะ พระเรวตะ พระโสภิตะ
ใน 4 พระองค์นั้น พระมงคลพุทธเจ้า ผู้นำโลก ทรงบำเพ็ญบารมีสิบหก
อสงไขยกำไรแสนกัป ก็บังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต ทรงดำรงตลอดอายุในสวรรค์
ชั้นนั้น เมื่อบุพนิมิต 5 ประการ เกิดขึ้นแล้ว ก็เกิดพุทธโกลาหลขึ้น ครั้งนั้น
เทวดาในหมื่นจักรวาลก็ประชุมกันในจักรวาลนั้น จึงพากันอ้อนวอนว่า