เมนู

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำยมกปาฏิหาริย์ ย่ำยีมานะของเดียรถีย์ ทรงแสดง
ธรรม ณ ภาคพื้นนภากาศ ครั้งนั้น มนุษย์และเทวดาแปดหมื่นโกฏิ บรรลุ
พระอรหัต ผู้ที่ตั้งอยู่ในผล 3 เกินที่จะนับได้ ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสว่า
ครั้งใด พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อทรงย่ำยีพวก
เดียรถีย์ จึงทรงแสดงธรรมโปรด ครั้งนั้น อภิสมัย
การตรัสรู้ธรรมครั้งที่ 3 จึงได้มีแก่สัตว์แปดหมื่นโกฏิ.


แก้อรรถ


พึงนำ ตทา ศัพท์ มาจึงจะเห็นความในคาถานั้นว่า ครั้งใด พระผู้มี
พระภาคเจ้าทรงแสดงธรรม ครั้งนั้น ธรรมาภิสมัยจึงได้มีแก่สัตว์แปดหมื่น
โกฏิ.
ได้ยินว่า พระโกณฑัญญศาสดา ตรัสรู้พระอภิสัมโพธิญาณแล้ว
พรรษาแรก ทรงอาศัย กรุงจันทวดี ประทับอยู่ ณ พระวิหาร จันทาราม
ในที่นั้น ภัททมาณพ บุตรของพราหมณ์มหาศาล ชื่อ สุจินธระ และ
สุภัททมาณพ บุตรของ ยโสธรพราหมณ์ ฟังพระธรรมเทศนาเฉพาะ
พระพักตร์ของพระโกณฑัญญพุทธเจ้า มีใจเลื่อมใส ก็บวชในสำนักของพระองค์
พร้อมกับมาณพหมื่นหนึ่งแล้วบรรลุพระอรหัต.
ครั้งนั้น พระโกณฑัญญศาสดา อันภิกษุแสนโกฏิมีพระสุภัททเถระ
เป็นประธานแวดล้อมแล้ว ทรงยกปาติโมกข์ขึ้นแสดง ณ เพ็ญเดือนเชษฐะ
(เดือน 7) นั้นเป็นการประชุมครั้งที่ 1. ต่อจากนั้น เมื่อพระโอรสของพระ-
โกณฑัญญศาสดา พระนามว่าวิชิตเสนะ ทรงบรรลุพระอรหัต พระผู้มี
พระภาคเจ้า ทรงยกปาติโมกข์ขึ้นแสดง ณ ท่ามกลางภิกษุพันโกฏิมีพระวิชิต-
เสนะนั้นเป็นประธาน นั้นเป็นการประชุมครั้งที่ 2. สมัยต่อมา พระทศพล

เสด็จจาริก ณ ชนบท ทรงยัง พระเจ้าอุเทน ซึ่งมีชนเก้าสิบโกฏิเป็นบริวาร
ให้ทรงผนวชพร้อมด้วยบริษัท เมื่อพระเจ้าอุเทนนั้น ทรงบรรลุพระอรหัตแล้ว
พระผู้มีพระภาคเจ้า อันพระอรหันต์เก้าสิบโกฏิมีพระเจ้าอุเทนนั้นเป็นประธาน
แวดล้อมแล้ว ทรงยกปาติโมกข์ขึ้นแสดง นั้นเป็นการประชุมครั้งที่ 3 ด้วย
เหตุนั้น จึงตรัสว่า
พระโกณฑัญญพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่
ทรงมีการประชุมภิกษุ ผู้เป็นพระขีณาสพ ไร้มลทิน
ผู้มีจิตสงบผู้คงที่ 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 ประชุมภิกษุแสน
โกฏิ ครั้งที่ 2 ประชุมภิกษุพันโกฏิ ครั้งที่ 3 ประ-
ชุมภิกษุเก้าสิบโกฏิ.

ได้ยินว่า ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์ของเรา เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
พระนามว่า วิชิตาวี ประทับอยู่ ณ กรุงจันทวดี เล่ากันว่า พระองค์อันคน
ชั้นดีเป็นอันมากแวดล้อมแล้ว ทรงปกครองแผ่นดิน อันเป็นที่อยู่แห่งน้ำและ
ขุมทรัพย์ พร้อมทั้งขุนเขาสุเมรุและยุคันธร ทรงไว้ซึ่งรัตนะหาประมาณมิได้
โดยธรรม ไม่ใช้อาชญา ไม่ใช้ศัสตรา ครั้งนั้น พระโกณฑัญญพุทธเจ้า อัน
พระขีณาสพแสนโกฏิแวดล้อมแล้ว เสด็จจาริก ณ ชนบท เสด็จถึงกรุงจันทวดี
โดยลำดับ.
เล่ากันว่า พระเจ้าวิชิตาวี ทรงสดับข่าวว่า เขาว่า พระสัมมาสัม-
พุทธเจ้า เสด็จถึงนครของเราแล้ว จึงออกไปรับเสด็จ จัดแจงสถานที่ประทับ
ของพระผู้มีพระภาคเจ้า นิมนต์เพื่อเสวยภัตตาหาร ณ วันรุ่งขึ้นพร้อมด้วยภิกษุ
สงฆ์. วันรุ่งขึ้น ก็ทรงให้เขาจัดภัตตาหารเป็นอย่างดีแล้ว ได้ถวายมหาทาน
แก่ภิกษุสงฆ์นับได้แสนโกฏิ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน. พระโพธิสัตว์ ทรง

ให้พระผู้มีพระภาคเจ้าเสวยแล้ว จบอนุโมทนา ทรงทูลขอว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ พระองค์เมื่อจะทรงทำการสงเคราะห์มหาชน ขอโปรดประทับอยู่ในนคร
นี้นี่แหละตลอดไตรมาส ได้ทรงถวายอสทิสทานแก่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็น
ประธาน เป็นนิตย์ ตลอดไตรมาส.
ครั้งนั้น พระศาสดาทรงพยากรณ์พระโพธิสัตว์ว่าจักเป็นพระพุทธ-
เจ้าพระนามว่า โคตมะ ในอนาคตกาล แล้วทรงแสดงธรรมแก่พระองค์
ท้าวเธอทรงสดับธรรมกถาของพระศาสดาแล้ว ทรงมอบราชสมบัติ ออกทรง
ผนวช ทรงเล่าเรียนพระไตรปิฎก ทำสมาบัติ 8 และอภิญญา 5 ให้เกิดแล้ว
มีฌานไม่เสื่อม ก็บังเกิดในพรหมโลก ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสว่า
สมัยนั้น เราเป็นกษัตริย์นามว่าวิชิตาวี เป็นใหญ่
เหนือปฐพี มีสมุทรสาครเป็นที่สุด.
เรายังพระขีณาสพ ผู้ไร้มลทิน ผู้แสวงคุณอันยิ่ง
ใหญ่แสนโกฏิ พร้อมด้วยพระผู้ทรงเป็นนาถะเลิศแห่ง
โลก ให้อิ่มหนำด้วยข้าวนำอันประณีต.
พระโกณฑัญญพุทธเจ้า ผู้นำโลก แม้พระองค์
นั้น ก็ทรงพยากรณ์เราว่า จักเป็นพระพุทธเจ้าผู้มีคุณ
ที่ประมาณมิได้ในโลก ในกัปต่อจากกัปนี้.
พระตถาคต จักออกทรงผนวช จากกรุงกบิล-
พัสดุ์อันรื่นรมย์ ทรงกระทำความเพียร คือ กระทำ
ทุกกรกิริยา.
พระตถาคต จักประทับนั่งที่โคนต้นอชปาลนิ-
โครธ รับมธุปายาส ณ ที่นั้น แล้วเสด็จไปสู่ฝั่งแห่ง
แม่น้ำเนรัญชรา.

พระชินเจ้า พระองค์นั้น ครั้นเสวยมธุปายาส
ที่ฝั่งเนรัญชรานั้นแล้ว ก็เสด็จไปที่ควงโพธิพฤกษ์
ตามเส้นทางที่มีผู้จัดแจงไว้.
ลำดับนั้น พระองค์ผู้ทรงพระยศใหญ่ ทรงทำประทักษิณโพธิมณฑ์
อันประเสริฐสุด จักตรัสรู้ (พระสัมมาสัมโพธิญาณ) ณ ควงไม้อัสสัตถพฤกษ์.
ท่านผู้นี้ จักมีพระชนนีพุทธมารดา พระนามว่า
มายา มีพระชนกพุทธบิดา พระนามว่า สุทโธทนะ
ท่านผู้นี้จักมีพระนามว่า โคตมะ
จักมีอัครสาวก ชื่อว่า โกลิตะและอุปติสสะ
ผู้ไม่มีอาสวะ ผู้ปราศจากราคะ ผู้มีจิตสงบและมั่นคง
จักมีพุทธอุปัฏฐากชื่อ อานันทะ บำรุงพระชินะนั้น.
จักมีอัครสาวิกา ชื่อว่าเขมา และอุบลวรรณา
ผู้ไม่มีอาสวะ ผู้ปราศจากราคะ ผู้มีจิตสงบและมั่นคง.
ต้นไม้ที่ตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นเรียก
ว่า อัสสัตถะ ต้นโพธิใบ.
จักมีอัครอุปัฏจาก ชื่อว่าจิตตะ และหัตถะและอาฬวกะ
จักมีอัครอุปัฏฐายิกา ชื่อว่า นันทมาตา และอุตตรา
พระชนมายุของพระโคตมะผู้มียศพระองค์นั้น ประ-
มาณ 100 ปี.
มนุษย์และเทวดาทั้งหลายฟังพระดำรัสของพระ
ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ ไม่มีผู้เสมอนี้แล้ว ก็พากันปลื้มใจ
ว่า ผู้นี้เป็นหน่อพุทธางกูร.
เทวดาในหมื่นโลกธาตุ พากันโห่ร้องปรบมือ
หัวร่อร่าเริง ประคองอัญชลีนมัสการ กล่าวว่า

ผิว่า พวกเราพลาดคำสอน ของพระโลกนาถ
พระองค์นี้ไซร้ ในอนาคตกาล พวกเราก็จักอยู่ต่อหน้า
ท่านผู้นี้.
มนุษย์ทั้งหลาย เมื่อจะข้ามแม่น้ำ พลาดท่าน้ำ
ตรงหน้า ก็ถือท่าน้ำข้างหลังข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉันใด.
พวกเราทุกคน ผิว่า พ้นพระชินเจ้าพระองค์นี้
ไป ในอนาคตกาล ก็จักอยู่ต่อหน้าท่านผู้นี้ ฉันนั้น.
เราได้ฟังพระดำรัสของพระองค์แล้ว ก็ยังจิตให้
เลื่อมใสยิ่งๆ ขึ้นไป เมื่อจะให้สำเร็จประโยชน์นั้น นั่น
แล จึงถวายมหาราชสมบัติแด่พระชินเจ้า ครั้นถวาย
มหาราชสมบัติแล้ว ก็บวชในสำนักของพระองค์.
เราเล่าเรียนพระสูตร พระวินัย นวังคสัตถุศาสน์
ทุกอย่าง ยังศาสนาของพระชินเจ้าให้งดงาม.
เราอยู่อย่างไม่ประมาท ในพระศาสนานั้น ใน
อิริยาบถนั่งนอนและเดิน ก็ถึงฝั่งแห่งอภิญญาเข้าถึง
พรหมโลก.


แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อหํ เตน สมเยน ได้แก่ เราใน
สมัยนั้น. บทว่า วิชิตาวี นาม ได้แก่ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มีพระนาม
อย่างนี้. ในบทว่า สมุทฺทํ อนฺตมนฺเตน นี้ ความว่า เราเป็นใหญ่ ตลอด
ปฐพีที่ตั้งจักรวาลบรรพต ทำจักรวาลบรรพตเป็นเขตแดน ทำสมุทรสาครเป็น
ที่สุด ความเป็นใหญ่มิใช่ปรากฏด้วยเหตุมีประมาณเพียงเท่านี้.