เมนู

มิลักขุผลทายกเถราปทานที่ 8 (468)



ว่าด้วยผลแห่งการถวายผลไม่มิลักขุ



[58] เราได้เห็นพระพุทธเจ้าพระนาม
ว่าอัตถทัสสี ผู้มีพระยศใหญ่ เป็นผู้มีจิตเลื่อมใส
มีใจโสมนัส ได้ถวายผลไม้มิลักขุ
ในกัปที่ 1,800 เราได้ถวายผลไม้ใดใน
กาลนั้น ด้วยทานนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็น
ผลแห่งการถวายผลไม้
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว. . . คำสอน
ของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระมิลักขุผลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบลักขุผลทายกเถราปทาน


สยัมปฏิภาณิยเถราปทานที่ 9 (469)



ว่าด้วยการสดุดีพระพุทธเจ้าด้วยปฏิภาณ



[58] ใครได้เห็นพระนราสภผู้ประเสริฐ
กว่าเทวดา งามเหมือนดอกรกฟ้าขาว กำลังเสด็จ
ดำเนินอยู่ที่ถนนแล้วจะไม่เลื่อมใสเล่า ใครได้ได้เห็น
พระพุทธเจ้าผู้กำจัดความมืดมิดให้พินาศ

ทรงช่วยเหลือนรชนให้ข้ามพ้นไปได้เป็น
อันมาก ยังโลกให้โชติช่วงด้วยแสงสว่างคือพระ-
ญาณแล้วจะไม่เลื่อมใสเล่า
ใครได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของ
โลก กำลังเสด็จออกไปพร้อมกับพระขีณาสพผู้มี
อำนาจตั้งแสน ผู้ทรงรื้อขนสัตว์ไปเสียมากมาย
แล้ว จะไม่เลื่อมใสเล่า
ใครได้เห็นพระพุทธเจ้า ผู้ตีกลองคือ
พระธรรมทรงย่ำยีหมู่เดียรถีย์ บันลือสีหนาทแล้ว
จะไม่เลื่อมใสเล่า
ทวยเทพพร้อมด้วยพรหม พากันมาจาก
เทวโลกตราบเท่าพรหมโลก แล้วทูลถามปัญหา
อันลุ่มลึกกะพระพุทธเจ้าพระองค์ใด พระพุทธเจ้า
พระองค์นั้น ใครได้เห็นเข้าแล้วจะไม่เลื่อมใสเล่า
มนุษย์พร้อมด้วยเทวดาประนมกรอัญชลี
แด่พระพุทธเจ้าพระองค์ใด ย่อมได้เสวยบุญด้วย
การประนมกรอัญชลีนั้น พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ใครได้เห็นเข้าแล้วจะไม่เลื่อมใสเล่า
ชนทั้งปวงมาประชุมพร้อมห้อมล้อมพระผู้มี
ปัญญาจักษุ พระผู้มีปัญญาจักษุพระองค์ใดได้รับ
อาราธนาแล้วไม่ทรงหวั่นไหว พระผู้มีปัญญาจักษุ
พระองค์นั้น ใครได้เห็นแล้วจะไม่เลื่อมใสเล่า

เมื่อพระนราสภพระองค์ใดเสด็จเข้าพระ
นคร กลองเป็นอันมากประโคมกึกก้อง คชสาร
ที่ตกมันพากันบันลือ พระนราสภพระองค์นั้น
ใครได้เห็นเข้าแล้วจะไม่เลื่อมใสเล่า
เมื่อพระนราสภพระองค์ใดเสด็จดำเนิน
ไปในถนน พระรัศมีย่อมส่องสว่างไสวทุกเมื่อ
ที่ซึ่งลุ่ม ๆ ดอน ๆ ย่อมสม่ำเสมอ พระนราสภ
พระองค์นั้น ใครได้เห็นเข้าแล้วจะไม่เลื่อมใสเล่า
เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสอยู่ ประชาสัตว์ใน
จักรวาลได้ยินทั่วกัน พระพุทธเจ้าพระองค์ใดยัง
สัตว์ให้รู้ชัดได้ทั่วกัน พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ใครได้เห็นแล้วจะไม่เลื่อมใสเล่า
ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ เราได้สดุดีพระ-
พุทธเจ้า ด้วยการสดุดีนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการสดุดี
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว . . . คำสอน
ของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระสยัมปฏิภาณิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบสยัมปฏิภาณิยเถราปทาน

นิมิตพยากรณิยเถราปทานที่ 10 (470)



ว่าด้วยผลแห่งการพยากรณ์นิมิต



[60] ครั้งนั้น เราได้เข้าไปป่าหิมวันต์
บอกมนต์ ศิษย์ 5,400 คนได้อุปัฏฐากเรา
ศิษย์เหล่านั้นล้วนเป็นนักศึกษา รู้จบ
ไตรเทพถึงความเต็มเปี่ยมในธรรมมีองค์ 6 พวก
เขาถือตัวจัดเพราะวิทยาของคน อยู่ในป่าหิมวันต์
เทพบุตรผู้มียศใหญ่ เป็นผู้มีสติสัมป-
ชัญญะ จุติจากชั้นดุสิตอุบัติในครรภ์แห่งมารดา
เมื่อพระสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้น หมื่น
โลกธาตุก็หวั่นไหว คนตาบอดก็มองเห็นได้
ในเมื่อพระผู้นำเสด็จอุบัติขึ้น
พื้นพสุธานี้ทั้งสิ้นสั่นสะเทือน 6 ประการ
มหาชนได้สดับเสียงกึกก้องแล้ว พากันแย้มสรวล
ชนทั้งปวงประชุมกันแล้ว ได้พากัน ไป
ยังสำนักของเรา ถามว่า พื้นพสุธานี้สั่นสะเทือน
จักมีผลเป็นอย่างไร
ครั้งนั้นเราได้พยากรณ์แก่เขาทั้งหลายว่า
อย่ากลัวเลย ไม่มีภัยแก่ท่านทั้งหลาย ท่านทุกๆ
คนจงเบาใจเถิด ความเกิดนี้ประกอบด้วยสุข
ประโยชน์