เมนู

อัฑฒกาสีเถรีอปทานที่ 7 (37)


ว่าด้วยบุพจริยาของพระอัฑฒกาสีเถรี


[177] ในภัตรกัปนี้ พระพุทธเจ้าผู้เป็น
พงศ์พันธุ์แห่งพราหมณ์ ทรงพระยศมาก พระ
นามว่ากัสสปะ ประเสริฐ กว่าพวกบัณฑิต เสด็จ
อุบัติขึ้นแล้ว
ครั้งนั้น ดิฉันบวชในศาสนาของพระ-
องค์ สำรวมในปาติโมกข์และอินทรีย์ รู้จัก
ประมาณในอาสนะต่ำ ประกอบความเพียรในความ
เป็นผู้ตื่นอยู่ บำเพ็ญเพียร
มีจิตชั่ว ได้ด่าภิกษุณีองค์หนึ่งผู้ปราศจาก
อาสวะครั้งเดียวว่านางแพศยา ด้วยบาปกรรมนั้น
นั่นแหละ ดิฉันต้องหมกไหม้อยู่ในนรก
ด้วยกรรมที่ยังเหลืออยู่นั้น ดิฉันเกิดใน
สกุลหญิงแพศยา ถูกขายให้บุรุษอื่นอยู่โดยมาก
ในชาติหลัง
ดิฉันเกิดในสกุลเศรษฐีในแคว้นกาสี มี
ความถึงพร้อมด้วยรูป ดุจดังนางเทพอัปสรในหมู่
เทวดา ด้วยผลแห่งพรหมจรรย์

ประชุมชนเห็นดิฉันมีรูปน่าชม จึงตั้ง
ดิฉันไว้ในความเป็นหญิงแพศยา ในพระนคร
ราชคฤห์ที่อุดม ด้วยผลที่ด่าภิกษุณีนั้น
ดิฉันได้ฟังพระสัทธรรมที่พระพุทธเจ้าผู้
ประเสริฐตรัสแล้ว เป็นผู้ประกอบด้วยบุพวาสนา
ได้บวชเป็นภิกษุณี
แต่เมื่อไปสู่สำนักพระพิชิตมารเพื่อจะ
อปสมบท พบพวกนักเลงดักอยู่ที่หนทาง ได้แล้ว
ซึ่งทูตอุปสมบท
ดิฉันมีธรรมทุกอย่างทั้งบุญและบาปหมด
สิ้นไปแล้ว ข้ามพ้นสงสารทั้งปวงแล้ว และความ
เป็นหญิงแพศยาก็สิ้นไปแล้ว
ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันมีญาณ
ในอรรถะ ธรรมะ นิรุตติ และปฏิภาณ เกิดขึ้น
แล้วในสำนักของพระองค์
ดิฉันเผากิเลสทั้งหลายแล้ว... คำสอน
ของพระพุทธเจ้าดิฉันได้ทำเสร็จแล้ว.

ทราบว่า ท่านพระอัฑฒกาสีภิกษุณีได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้แล.
จบอัฑฒกาสีเถรีอปทาน

ปุณณิกาเถรีอปทานที่ 8 (38)


ว่าด้วยบุพจริยาของพระปุณณิกาเถรี


[178] ดิฉันบวชเป็นภิกษุณีในศาสนา
ของพระพุทธเจ้า 6 พระองค์คือ พระวิปัสสี
พระสิขี พระเวสสภู พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะ
ผู้คงที่ และพระกัสสปะ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยยศ
มีปัญญา สำรวมอินทรีย์
เป็นพหสูต ทรงธรรม สอบถามอรรถ
แห่งธรรม ศึกษาธรรมแล้ว มีพระแสธรรม เป็น
ผู้นั่งใกล้ แสงพุทธศาสนาในท่ามกลางประชุม-
ชน ดิฉันมีศีลเป็นที่รัก แต่ถือตัวจัดเพราะความ
เป็นพหูสูตนั้น.
ในภพครั้งหลังนี้ ดิฉันเกิดในเรือนแห่ง
นางกุมภทาสี ของอนาถบิณฑิกเศรษฐีในพระนคร
สาวัตถีอันอุดม
ดิฉันไปตักน้ำ ได้เห็นโสตถิยพราหมณ์
หนาวสั่นอยู่ในกลางน้ำ ครั้นเห็นแล้วได้กล่าวว่า
ดิฉันมาตักน้ำในคราวหนาว กลัวภัยแต่
อาชญา และระแวงภัยคือการด่าด้วยวาจาของเจ้า
นาย จึงต้องลงน้ำร่ำไป