เมนู

ทราบว่า ท่านพระเขมาภิกษุณีได้กล่าวคาถาเหล่านั้น ด้วยประการ
ฉะนี้แล.
จบเขมาเถรีอปทาน

อุบลวรรณาเถรีอปทานที่ 9 (19)



บุพจริยาของพระอุบลวรรณาเถรี



[159] พระอุบลวรรณาภิกษุณีถึงความ
สำเร็จแห่งฤทธิ์ ถวายบังคมพระยุคลบาทของ
พระศาสดาแล้วทูลว่า
ข้าแต่พระมหามุนี หม่อมฉันขอกราบ
ทูลว่า หม่อมฉันข้ามาพ้นชาติสงสารได้แล้ว บรรลุ
ถึงอจลบท หมดสิ้นสรรพทุกข์แล้ว
ขอประชุมชนผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
และพวกชนที่หม่อมฉันได้ทำความผิดให้ จงอด
โทษให้หม่อมฉันเฉพาะพระพักตร์พระพิชิตมาร
ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันขอกราบ
ทูลว่า เมื่อหม่อมฉันท่องเที่ยวอยู่ในสงสาร ถ้ามี
ความผิดพลาด ขอพระองค์ได้ทรงโปรดประทาน
โทษแก่หม่อมฉันเถิด.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

ดูก่อนอุบลวรรณา ผู้ทำตามคำสอนของ
เรา ท่านจงแสดงฤทธิ์ ตัดความสงสัยแห่งบริษัท
สี่ในวันนี้เถิด.
พระอุบลวรรณาเถรีกราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้มีความเพียรมาก มีปัญญา
ทรงไว้ซึ่งความรุ่งเรือง หม่อมฉันเป็นธิดาแห่ง
พระองค์ มีกรรมที่ทำยากมาก มีกรรมที่ทำ
แสนยากทำไว้แล้ว ข้าแต่พระมหาวีระผู้มีจักษุ
หม่อมฉันมีนามว่าอุบลวรรณา เพราะมีสีกาย
เหมือนสีดอกอุบล เป็นธิดาแห่งพระองค์ ขอถวาย
บังคมพระบาทยุคล
พระราหุลเถระและหม่อมฉัน เกิดใน
ภพเดียวกันมากหลายร้อยชาติ เป็นผู้มีฉันทจิต
เสมอกัน
มีความเกิดร่วมภพร่วมชาติกัน ในภพนี้
ซึ่งเป็นภพหลัง ก็มีนามเหมือนกันทั้งคู่ พระ-
ราหุลเถระเป็นโอรส หม่อมฉันมีนามว่าอุบล-
วรรณาเป็นธิดา ข้าแต่พระวีรเจ้า ขอเชิญทอด
พระเนตรฤทธิ์ของหม่อมฉันเถิด หม่อมฉันจะ
แสดงกำลังถวายพระศาสดา.
พระอุบลวรรณาเถรีเหยียดมือไปวักเอาน้ำ
ในมหาสมุทรทั้ง 4 มาใส่ไว้ในฝ่ามือเหมือนเด็ก
เป็นน้ำมันที่อยู่ในฝ่ามือ

เหยียดฝ่ามือไปพลิกแผ่นดินแล้ว เอามา
ใส่ไว้บนฝ่ามือเหมือนเด็กหนุ่มฉุดปลาเค้า ฉะนั้น
เอาฝ่ามือบีบครอบจักรวาลแล้ว ยังเม็ด
ฝนสีต่าง ๆ ให้ตกลง ณ เบื้องบนบ่อย ๆ
เอาแผ่นดินทำเป็นครก เอาเม็ดกรวดทำ
เป็นข้าวเปลือก เอาภูเขาสิเนรุทำเป็นสาก แล้ว
ซ้อมอยู่ เหมือนเด็กหญิงซ้อมข้าว ฉะนั้น.
ข้าแต่พระองค์ผู้มีพระจักษุ หม่อนฉันมี
นามว่าอุบลวรรณ เป็นธิดาแห่งพระพุทธเจ้าผู้
ประเสริฐ มีความชำนาญในอภิญญาทั้งหลาย
เป็นผู้ทำตามคำสอนของพระองค์
จักแผลงฤทธิ์ต่าง ๆ ถวายแด่พระองค์ผู้
เป็นนายกของโลก ประกาศนามและโคตรแล้ว
ขอถวายบังคมพระยุคลบาท
ข้าแต่พระมหามุนี หม่อมฉันเป็นผู้
ความชำนาญในที่ ในทิพโสตธาตุ และใน
เจโตปริยญาณ รู้ปุพเพนิวาสญาณ ชำระทิพยจักษุ
บริสุทธิ์ อาสวะทั้งปวงหมดสิ้นแล้ว บัดนี้ภพใหม่
ไม่มีอีก
หม่อมฉันมีญาณในอรรถะ ธรรมะ นิรุตติ
และปฏิภาณ กว้างขวาง หมดจดตามสภาพแห่ง
พระองค์ ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่.

ข้าแต่พระมหามุนี อธิการเป็นอันมาก
ที่หม่อมฉันแสดงแล้วในพระพิชิตมารผู้ประเสริฐ
แล้วทั้งหลายในปางก่อน โดยความพินาศไปแห่ง
มัจฉริยะที่สู้รบกันเพื่อประโยชน์แก่พระองค์.
ข้าแต่พระมหามุนีผู้มีความเพียรมาก ขอ
พระองค์จงทรงระลึกถึงกุศลกรรมเก่าของหม่อม-
ฉัน และบุญที่หม่อมฉันสั่งสมไว้เพื่อประโยชน์
แก่พระองค์.
ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า เมื่อพระองค์ทรง
ละเว้นอนาจารในสถานที่ไม่ควรอบรมพระญาณ
ให้แก่กล้าอยู่ ชีวิตอันสูงสุดหม่อมฉันสละแล้ว
เพื่อประโยชน์แก่พระองค์
ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ได้ประทาน
ชีวิตแก่หม่อมฉันหลายหมื่นโกฏิกัป แม้หม่อมฉัน
ก็บริจาคชีวิตของหม่อมฉัน เพื่อประโยชน์แก่
พระองค์.
ข้าแต่พระองค์ผู้มีฤทธิ์มิได้มีสิ่งอะไร
เปรียบปาน มีพระวิริยะก้าวหน้า ในกาลนั้น
หม่อมฉันอัศจรรย์ใจทุกอย่าง ประนมกรอัญชลี
ด้วยเศียรเกล้า ได้ทูลว่า กรณียกิจนี้หม่อมฉัน
ได้ทำแล้ว.

ในกัปที่แสนแต่ภัทรกัปนี้ ครั้งนั้น
หม่อมฉันเกิดเป็นนางนาคกัญญา มีนามว่าวิมลา
คณะนาคสมมุติว่า เป็นผู้ดีกว่าพวกนาคกัญญา
มหานาคราชนามว่ามโหรคะ เลื่อมใส
ในพระพุทธศาสนา นิมนต์พระพุทธเจ้าพระนาม
ว่าปทุมุตตระผู้มีเดชมาก พร้อมด้วยพระสาวก
ตกแต่งมณฑปสำเร็จด้วยรัตนะ บัลลังก์
สำเร็จด้วยรัตนะ โปรยทรายรัตนะ เครื่องอุปโภค
สำเร็จด้วยรัตนะ และมรรคาก็ประดับด้วยธงรัตนะ
ต้อนรับพระสัมพุทธเจ้า ประโคมด้วยดนตรีหลาย
ชนิด.
พระสัมพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลก ทรง
แผ่ไปด้วยบริษัท 4 ประทับนั่งบนอาสนะอันประ-
เสริฐในภพนาคราชมโหรคะ นาคราชได้ถวาย
ข้าวน้ำและขาทนียโภชนียาหารอย่างดี ๆ มีค่ามาก
แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้มีบริวารมาก พระสัมมา-
สัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ครั้นเสวยเสร็จ ทรงล้าง
บาตรด้วยดีแล้ว ได้ทรงทำกิจคือการอนุโมทนา.
นางนาคกัญญาผู้มีฤทธิ์มาก เห็นพระ-
สัพพัญญูมีรัศมีเปล่งปลั่ง มียศมาก มีจิตเลื่อมใส
มีใจเคารพในพระศาสนา

ในขณะนั้น พระพุทธเจ้าผู้มีความเพียร
มาก พระนามว่าปทุมุตตระทรงทราบวาระจิตของ
หม่อมฉันแล้ว ทรงแสดงภิกษุณีรูปหนึ่งด้วยฤทธิ์
ภิกษุณีนั้นคล่องแคล่ว แสดงฤทธิ์เป็นอเนก
หม่อมฉันเกิดปีติปราโมทย์ได้ทูลถาม
พระศาสดาว่า หม่อมฉันได้เห็นฤทธิ์ทั้งหลายที่
ภิกษุณีรูปนี้แสดงแล้ว ข้าแต่พระธีรเจ้า ภิกษุณี
นั้นเป็นผู้คล่องแคล่วดีด้วยฤทธิ์เพราะเหตุไร.
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นตรัสตอบว่า
ภิกษุณีนั้น เป็นโอรสธิดาเกิดแต่ปากเรา มี
ฤทธิ์มาก ทำตามอนุศาสนีของเรา เป็นผู้คล่อง-
แคล้วดีด้วยฤทธิ์.
หม่อมฉันได้สดับพระพุทธพจน์แล้ว มี
ความยินดีได้ทูลว่า แม้หม่อมฉันก็ขอเป็นผู้คล่อง
แคล่วดีด้วยฤทธิ์ เหมือนภิกษุณีองค์นั้น ข้าแต่
พระองค์ผู้เป็นนายก หม่อมฉันเบิกบานโสมนัส
มีใจอุดมถึงที่แล้ว ขอให้ได้เป็นเช่นภิกษุณีนี้ใน
อนาคตกาล
หม่อมฉันตกแต่งบัลลังก์อันงามด้วยแก้ว
มณีและมณฑปอันผุดผ่องแล้ว ทูลอัญเชิญพระ-
พุทธเจ้าผู้เป็นนายก พร้อมด้วยพระสงฆ์
ให้เสวยและฉัน อิ่มหนำสำราญ ด้วยข้าวและ

น้ำ แล้วได้บูชาพระพุทธเจ้าด้วยดอกอุบลอันเป็น
ดอกไม้อย่างดี ที่พวกนาคเรียกกันในสมัยนั้นว่า
ดอกอรุณ โดยตั้งความปรารถนาว่า ขอให้สีตัว
ของเราจงเป็นเช่นกับสีดอกอุบลนี้
ด้วยบุญกรรมที่ทำไว้ดีแล้วนั้นและด้วย
การตั้งเจตน์จำนงไว้ หม่อมฉันละร่างกายมนุษย์
แล้วได้ไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
จุติจากนั้นแล้วมาเกิดในมนุษย์ ได้ถวาย
บิณฑบาต พร้อมด้วยดอกอุบลเป็นอันมากแก่
พระสยัมภู
ในกัปที่ 91 แต่ภัทรกัปนี้ พระพุทธเจ้า
พระนามว่าวิปัสสี มีพระเนตรงาม มีพระญาณ
จักษุในธรรม เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว
ครั้งนั้น หม่อมฉันเป็นธิดาของเศรษฐี
ในเมืองพาราณสีอันอุดม ได้นิมนต์พระ-
สัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลก พร้อมด้วย
พระสงฆ์
ถวายมหาทานและบูชาพระพุทธเจ้านั้น
ด้วยดอกอุบลเป็นอันมากแล้ว ได้ปรารถนาให้มี
ผิวพรรณงามเหมือนดอกอุบล
ในภัทรกัปนี้ พระพุทธเจ้ามีพระนามว่า
กัสสปะ ผู้เป็นพงศ์พันธุ์แห่งพรหม มีบริวารยศ
มาก ประเสริฐกว่าพวกบัณฑิต เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว

ครั้งนั้น พระเจ้ากาสีพระนามว่ากิกี ใน
เมืองพาราณสีอันอุดม เป็นอิสระกว่าชนทั้งหลาย
เป็นอุปัฏฐากของพระพุทธเจ้าผู้แสวงหาคุณอันยิ่ง
ใหญ่
หม่อมฉันเป็นธิดาคนที่สองของท้าวเธอ
มีนามปรากฏว่าสมณคุตตา ได้ฟังพระธรรมของ
พระพิชิตมารผู้เลิศแล้ว พอใจบรรพชา แต่พระ-
ชนกนาถมิได้ทรงอนุญาตให้พวกหม่อมฉัน
เมื่อต้องอยู่ในอาคารสถาน ในครั้งนั้น
พวกหม่อมฉันผู้เป็นราชกัญญา ตั้งอยู่ในความสุข
มิได้เกียจคร้าน ประพฤติพรหมจรรย์ตั้งแต่เป็น
กุมารอยู่สองหมื่นปี
ราชธิดาทั้ง 7 พระองค์ คือ นางสมณี 1
นางสมณคุตตา 1 นางภิกขุณี 1 นางภิกขุทาสิกา
1 นางธรรมา 1 นางสุธรรมา 1 และนางสังฆ-
ทาสีเป็นที่ 7 เป็นผู้ยินดีพอใจในการบำรุงพระ-
พุทธเจ้า ได้มาเป็นหม่อนฉัน เป็นพระเขมาเถรี
ผู้มีปัญญา เป็นพระปฏาจาราเถรี เป็นพระกุณฑล
เกสีเถรี เป็นพระกิสาโคตมี เป็นพระธรรมทินนา
เถรีและเป็นวิสาขาอุบาสิกาคนที่ 7.
ด้วยบุญกรรมที่ทำไว้ดีนั้น และด้วยการ
ตั้งเจตน์จำนงไว้ หม่อมฉันละร่างกายมนุษย์แล้ว
ได้ไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์

จุติจากนั้นแล้วมาเกิดในสกุลใหญ่ในพวก
มนุษย์ ได้ถวายผ้าอย่างดีมีสีเหลือง เนื้อเกลี้ยง
แก่พระอรหันต์องค์หนึ่ง เคลื่อนจากอัตภาพนั้น
แล้ว ไปเกิดในสกุลพราหมณ์ในเมืองอริฏฐะ เป็น
ธิดาของพราหมณ์ชื่อติริฏิวัจฉะ มีชื่อว่าอุมมาทันตี
มีรูปงามเป็นที่จูงใจให้ยินดี.
เคลื่อนจากอัตภาพนั้นแล้วไปเกิดในสกุล
หนึ่งซึ่งไม่มีความเจริญในชนบท เป็นผู้ขวนขวาย
เฝ้าไร่ข้าวสาลี ในครั้งนั้น หม่อมฉันได้เห็น
พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ได้ถวายข้าวตอก
ห้าร้อยดอกกับดอกปทุม ปรารถนาให้มีบุตร 500
คน เมื่อมีบุตรเท่านั้นแล้ว ได้ถวายน้ำผึ้งแก่
พระปัจเจกพุทธเจ้า เคลื่อนจากอัตภาพนั้นแล้ว
ได้เกิดในดอกปทุมในป่าที่มีสระบัว
ได้เป็นพระมเหสีของพระเจ้ากาสีเป็นที่
ทรงสักการะโปรดปราน มีพระราชโอรสครบ
500 องค์.
เมื่อพระราชบุตรเหล่านั้นทรงเจริญวัย
แล้ว ไปทรงเล่นน้ำ ทรงเห็นดอกบัวเข้าแล้ว
ต่างก็นำมาเฉพาะองค์ละดอก หม่อมฉันนั้นไม่มี
ดอกบัว เพราะพระราชบุตรเหล่านั้นเก็บเสีย ก็
มีความโศก เคลื่อนจากอัตภาพนั้นแล้วไปเกิดใน
หมู่บ้านข้างภูเขาอิสิคิลิ

เมื่อพวกบุตรของหม่อมฉันรู้ธรรมของ
พระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว นำยาคูไปถวาย บุตร
8 คน ได้บวชเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ไปสู่บ้าน
เพื่อภิกษา ในขณะนั้น หม่อมฉันเห็นเข้าแล้ว
ระลึกได้ มีขีรธาราพล่านออกเพราะความรักบุตร
หม่อมฉันมีความเลื่อมใส ได้ถวายยาคู
ด้วยมือของตนแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้น
หม่อมฉันจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว ไปเกิดในนันท-
วัน ในภพดาวดึงส์
ข้าแต่พระมหาวีรเจ้าหม่อมฉันท่องเที่ยว
ไปในภพน้อยภพใหญ่ ได้เสวยสุขและทุกข์และ
บริจาคชีวิตเพื่อประโยชน์แก่พระองค์
หม่อมฉันมีทุกข์ก็มาก มีสมบัติก็มาก
ดังที่กราบทูลมานี้ ในภพหลังสุดที่ถึงแล้วนี้
หม่อมฉันเกิดในสกุลเศรษฐีมีทรัพย์มาก ประกอบ
ด้วยสุขสมบัติ มีความรุ่งเรืองด้วยรัตนะต่าง ๆ
มั่งคั่งด้วยกามสุขทั้งปวงในพระนครสาวัตถี
เป็นที่ประชุมชนสักการะบูชานับถือยำ-
เกรง ประกอบด้วยรูปสมบัติ อันพหุชนในสกุล
ทั้งหลายสักการะและปรารถนาอย่างยิ่ง เพราะรูป
สิริและโภคสมบัติ พวกเศรษฐีบุตรหลายร้อยต่าง
มุ่งหมายกัน

หม่อมฉันละเรือนออกบวช ยังไม่ถึงกึ่ง
เดือนก็ได้บรรลุจตุสัจธรรม หม่อมฉันนิรมิตรถ
เป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสด้วยฤทธิ์แล้ว ขอถวายบังคม
พระยุคลบาทของพระพุทธเจ้า ผู้เป็นพระโลกนาถ
ผู้มีพระสิริ.

มารกล่าวกะหม่อมฉันว่า
ท่านเข้ามาสู่กอไม้ที่มีดอกแย้มบานดี ยืน
อยู่โคนต้นรังผู้เดียว มิได้มีใครเป็นเพื่อน ท่าน
ผู้โง่เขลา ท่านไม่กลัวพวกนักเลงหรือ.

หม่อมฉันกล่าวว่า
พวกนักเลงตั้งแสนคนมาในที่นี้เหมือน
กับท่าน ก็ไม่ทำให้ขนของเราหวั่นไหว ดูก่อน
มาร ท่านผู้เดียวจักทำอะไรเราได้.
เรานี้จักหายไปเสีย หรือว่าเข้าไปในท้อง
ท่าน ท่านจักไม่เห็นเราแม้ยืนอยู่ที่ระหว่างคิ้วท่าน
เรามีความชำนาญในจิต เจริญอิทธิบาท
ดีแล้ว พ้นจากกิเลสเครื่องผูกทั้งปวงแล้ว
ดูก่อนมารผู้มีอายุ เรามิได้กลัวท่าน
กามทั้งหลายเปรียบด้วยหอกและหลาว
แม้ขันธ์ทั้งหลายก็คล้ายกองไฟ ท่านกล่าวถึงความ
ยินดีในกาม

บัดนี้เราไม่มีความยินดีในกาม ความ
เพลินในอารมณ์ทั้งปวง เรากำจัดแล้ว กองมืดเรา
ทำลายแล้ว.
ดูก่อนมารผู้ลามก ท่านจงรู้อย่างนี้ ท่าน
จงหายไปเถิด
พระพิชิตมารผู้เป็นนายกชั้นพิเศษ ทรง
พอพระทัยในคุณสมบัตินั้น จึงทรงตั้งดิฉันไว้ใน
ตำแหน่งเอตทัคคะ ในหมู่บริษัทว่า อุบลวรรณา-
ภิกษุณีเป็นผู้เลิศกว่าพวกภิกษุณีที่มีฤทธิ์
ดิฉันบำรุงพระบรมศาสดาแล้ว ทำตาม
คำสอนของพระพุทธเจ้าเสร็จแล้ว ปลงภาระอัน
หนักลงแล้ว ถอนตัณหาที่นำไปสู่ภพหมดแล้ว
ดิฉันบรรลุถึงประโยชน์ คือ ธรรมเป็น
ที่สิ้นสังโยชน์ทั้งปวง ที่กุลบุตรทั้งหลายออกบวช
เป็นบรรพชิตต้องการนั้นแล้ว พวกทายกน้อมเข้า
มาซึ่งจีวร บิณฑบาต เสนาสนะและเภสัชปัจจัย
โดยขณะหนึ่งมากหลายพัน.
ดิฉันเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำสอน
ของพระพุทธเจ้า ดิฉันได้ทำเสร็จแล้ว.

ทราบว่า ท่านพระอุบลวรรณาภิกษุณีได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบอุบลวรรณาเถรีอปทาน

ปฏาจาราเถรีอปทานที่ 10 (20)



บุพจริยาของพระปฏาจาราเถรี



[160] ในกัปที่หนึ่งแสนแต่ภัทรกัปนี้
พระพิชิตมารผู้นายกของโลกพระนามว่าปทุมุตตระ
ทรงรู้จบธรรมทั้งปวง เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว
ครั้งนั้น ดิฉันเกิดในตระกูลเศรษฐี อัน
มีความรุ่งเรืองถ้วยรัตนะต่าง ๆ ในเมืองหังสวดี
เป็นผู้เพียบพร้อมด้วยความสุขเป็นอันมาก
ดิฉันเข้าไปเฝ้าพระมหาวีรเจ้าพระองค์
นั้นแล้ว ได้ฟังพระธรรมเทศนา มีความเลื่อมใส
อันเกิดในพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ได้ถึงพระองค์
เป็นสรณะ.
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสรรเสริญ
ภิกษุณีองค์หนึ่ง ผู้มีความละอาย คงที่คล่องแคล่ว
ในกิจที่ควรและกิจที่ไม่ควร ว่าเป็นผู้เลิศกว่า
ภิกษุณีทั้งหลาย ฝ่ายทรงวินัย
ดิฉันมีจิตยินดีปรารถนาตำแหน่งนั้น จึง
นิมนต์พระทศพลผู้เป็นนายกพร้อมด้วยพระสงฆ์
ให้เสวยและฉันตลอดสัปดาห์หนึ่ง ถวายบาตร
และจีวรแล้ว ซบศีรษะลงแทบพระบาท แล้ว
ได้กราบทูลว่า