เมนู

ญาณัตถวิกเถราปทานที่ 4 (434)



ว่าด้วยผลแห่งการสดุดีพระพุทธเจ้า



[25] เราได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้สูงสุด
กว่าสัตว์ ผู้รุ่งเรืองเหมือนต้นกรณิการ์ โชติช่วง
ดังดวงประทีป ไพโรจน์ดุจทองคำ
เราวางคนโทน้ำ ผ้าเปลือกไม้กรอง
ธมกรก ทำหนังเสือเฉวียงบ่า แล้วกล่าวสดุดีพระ-
พุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุดว่า
ข้าแต่พระมุนี พระองค์ทรงขจัดความ
มืดมิด ซึ่งอากูลไปด้วยข่ายคือโมหะ ทรงแสดง
แสงสว่าง คือ พระญาณแล้วเสด็จข้ามไป
พระองค์ได้ยกโลกนี้ขึ้นแล้ว สิ่งที่ยอด
เยี่ยมซึ่งมีอยู่ทั้งหมด จะเปรียบปานกับพระญาณ
เป็นประมาณเครื่องไปจากโลกของพระองค์ไม่มี
ด้วยพระญาณนั้น โลกจึงขนานนาม
พระองค์ว่าสัพพัญญู สัพพัญญู ข้าพระองค์ขอ
ถวายบังคมพระองค์ผู้มีความเพียรใหญ่ ทรงทราบ
ธรรมทั้งปวง ไม่มีอาสวะ
ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ เราได้สดุดีพระ
พุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด ด้วยการสดุดีนั้น เราไม่
รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการสดุดีพระญาณ

เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว . . . คำสอน
ของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระญาณัตถวิกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.

จบญาณัตถวิกเถราปทาน

อุจฉขัณฑิกเถราปทานที่ 5 (435)



ว่าด้วยผลแห่งการถวายท่อนอ้อย



[25] เราเป็นคนเฝ้าประตูอยู่ในพระ-
นครพันธุมดี ได้เห็นพระพุทธเจ้า ผู้ปราศจากธุลี
ทรงรู้จบธรรมทั้งปวง
เรามิจิตเลื่อมใสโสมนัส ไดถือเอาท่อน
อ้อยมาถวาย แด่พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุดพระ
นามว่าวิปัสสี ผู้แสวงทาคุณอันยิ่งใหญ่
ในกัปที่ 91 แต่กัปนี้เราได้ถวายอ้อยใด
ในกาลนั้น ด้วยการถวายอ้อยนั้น เราไม่รู้จัก
ทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายท่อนอ้อย
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว . . . คำสอน
ของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระอุจฉุขัณฑิกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบอุจฉุขัณฑิกเถราปทาน