เราเข้าถึงกำเนิดใด คือ เทวดาหรือมนุษย์ ปาฏิหิรสัญญกเถราปทานที่ 3 (433)ว่าด้วยผลแห่งความเลื่อมใสในปาฏิหาริย์[23] ครั้งนั้น พระพิชิตมารผู้สมควร รับเครื่องบูชาพระนามว่าปทุมุตตระ ได้เสด็จเข้า ไปยังพระนคร พร้อมทั้งภิกษุสงฆ์ผู้มีอินทรีย์อัน สำรวมแล้ว แสนรูป ขณะนั้นได้มีเสียงสนั่นก้อง ไพเราะรับเสด็จพระพุทธเจ้าผู้สงบระงับ คงที่ ซึ่ง
ญาณัตถวิกเถราปทานที่ 4 (434)ว่าด้วยผลแห่งการสดุดีพระพุทธเจ้า[25] เราได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้สูงสุด กว่าสัตว์ ผู้รุ่งเรืองเหมือนต้นกรณิการ์ โชติช่วง ดังดวงประทีป ไพโรจน์ดุจทองคำ เราวางคนโทน้ำ ผ้าเปลือกไม้กรอง ธมกรก ทำหนังเสือเฉวียงบ่า แล้วกล่าวสดุดีพระ- พุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุดว่า ข้าแต่พระมุนี พระองค์ทรงขจัดความ มืดมิด ซึ่งอากูลไปด้วยข่ายคือโมหะ ทรงแสดง แสงสว่าง คือ พระญาณแล้วเสด็จข้ามไป พระองค์ได้ยกโลกนี้ขึ้นแล้ว สิ่งที่ยอด เยี่ยมซึ่งมีอยู่ทั้งหมด จะเปรียบปานกับพระญาณ เป็นประมาณเครื่องไปจากโลกของพระองค์ไม่มี ด้วยพระญาณนั้น โลกจึงขนานนาม พระองค์ว่าสัพพัญญู สัพพัญญู ข้าพระองค์ขอ ถวายบังคมพระองค์ผู้มีความเพียรใหญ่ ทรงทราบ ธรรมทั้งปวง ไม่มีอาสวะ ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ เราได้สดุดีพระ พุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด ด้วยการสดุดีนั้น เราไม่ รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการสดุดีพระญาณ |