เมนู

ทิศทั้ง 4 ดังจะรู้ความดำริของเรา ย่อมเกิดเป็น
ต้นกัลปพฤกษ์ขึ้น
เราได้เป็นจอมเทวดาเสวยราชสมบัติใน
เทวโลก 50 ครั้ง ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 51
ครั้ง ได้เป็นพระเจ้าประเทศราอันไพบูลย์ โดย
คณนานับไม่ถ้วน
ในกัปที่ 94 แต่กัปนี้ เราได้ให้ทานใด
ในกาลนั้น ด้วยทานนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งขี้ตะกอนเปรียง
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว . . . คำสอน
ของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระฆฏมัณฑทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.

จบฆฏมัณฑทายกเถราปทาน

เอกธัมมสวนิยเถราปทานที่ 7 (427)



ว่าด้วยผลแห่งการฟังธรรมครั้งเดียว



[17] พระพิชิตมารพระนามว่าปทุมุตตระ
ทรงรู้จบธรรมทั้งปวงประกาศสัจจะ 4 ทรงยังชน
เป็นอันมากให้ข้ามพ้นดีแล้ว
สมัยนั้น เราเป็นชฎิลมีตบะใหญ่ สลัด
ผ้าคากรองเปลือกไม้เหาะไปอัมพรในกาลนั้น

เราไม่สามารถจะเหาะไปได้เหนือพระ-
พุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด เราเหาะไปไม่ได้ เหมือน
นกเข้าไปใกล้ภูเขาแล้วไปไม่ได้ฉะนั้น
เราบังหวนเป็นไอน้ำลอยอยู่ในอัมพร
เช่นนี้ ด้วยคิดว่า เหตุเครื่องทำให้อิริยาบถกำเริบ
เช่นนี้ มิได้เคยมีแก่เรา
เอาละ เราจักค้นหาเหตุนั้น บางทีเรา
จะพึงได้ผล เราลงจากอากาศ ก็ได้สดับพระ
สุรเสียงของพระศาสดา
เมื่อพระศาสดาตรัสถึงว่าสังขารไม่เที่ยง
ด้วยพระสุรเสียงที่น่ายินดี น่าฟัง กลมกล่อม
ขณะนั้นเราได้เรียนเอาอนิจจลักษณะนั่นแหละ
ครั้นเรียนอนิจจลักษณะได้แล้ว ก็ไปสู่
อาศรมของตน เราอยู่ในอาศรมนั้นแหละ ตราบ
เท่าสิ้นอายุ ตายไปแล้ว
เมื่อกาลที่สุดกำลังเป็นไป เราระลึกถึง
การฟังพระสัทธรรม เพราะกรรมที่เราได้ทำไว้ดี
แล้วนั้น และเพราะความตั้งเจตนาไว้
เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปสู่ดาวดึงส-
พิภพ รื่นรมย์อยู่ในเทวโลก 3 หมื่นกัป
ได้เสวยราชสมบัติในเทวโลก 51 ครั้ง
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 31 ครั้ง


และได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์
โดยคณนานับมิได้ เราเสวยบุญของตน ถึงความ
สุขในภพน้อยใหญ่
เราท่องเที่ยวไปในภพน้อยภพใหญ่ ก็ยัง
ระลึกได้ถึงสัญญานั้น บทอันไม่เคลื่อน คือ
นิพพาน เราหาได้แทงตลอดด้วยธรรมอันหนึ่งไม่
สมณะผู้มีอินทรีย์อันอบรมแล้ว นั่งในเรือนบิดา
เมื่อจะแสดงธรรมกถาท่านได้ยกอนิจจ-
ลักษณะขึ้นมาในธรรมกถานั้น
พร้อมกับที่ได้ฟังคาถาว่า สังขารทั้งหลาย
ไม่เที่ยงหนอ มีความเกิดขึ้นและความเสื่อมไป
เป็นธรรมดา เกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป ความที่
สังขารเหล่านั้นสงบระงับ เป็นความสุข ดังนี้
เราจึงนึกถึงสัญญาขึ้นได้ทุกอย่าง เรานั่ง
ณ อาสนะเดียว บรรลุอรหัตแล้ว
เราได้บรรลุอรหัต โดยเกิดได้ 7 ปี พระ
พุทธเจ้าทรงให้เราอุปสมบทแล้ว นี้เป็นผลแห่ง
การฟังธรรม
ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ เราได้ฟังธรรมใด
ในกาลนั้น ด้วยการฟังธรรมนั้น เราไม่รู้จัก
ทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการฟังธรรม
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว . . . คำสอน
ของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.

ทราบว่า ท่านพระเอกธัมมสวนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบเอกธัมมสวนิยเถราปทาน


สุจินติตเถราปทานที่ 8 (428)



ว่าด้วยผลแห่งการถวายข้าวใหม่



[18 ] ครั้งนั้น เราเป็นชาวนา อยู่ในพระ
นครหังสวดี เลี้ยงชีพด้วยกสิกรรม เลี้ยงดูเด็ก ๆ
ก็ด้วยกสิกรรมนั้น ครั้งนั้น นาของเราสมบูรณ์ดี
ข้าวของเราออกรวงแล้ว เมื่อถึงเวลาข้าวแก่ดีแล้ว
เราคิดอย่างนี้ในกาลนั้นว่า
เป็นการไม่เหมาะไม่สมควรแก่เราผู้รู้คุณ
น้อยใหญ่ ที่เราไม่ถวายทานในสงฆ์แล้ว พึง
บริโภคส่วนอันเลิศด้วยตน
พระสัมพุทธเจ้าผู้ไม่มีใครเสนอเหมือน
ในโลก มีพระลักษณะอันประเสริฐ 32 ประการ
และพระสงฆ์ผู้ตนอันอบรมแล้ว เป็นนาบุญของ
โลก ไม่มีนาบุญอื่นจะยิ่งไปกว่า
เราจักถวายทาน คือ ข้าวกล้าใหม่ในพระ
พุทธเจ้าและพระสงฆ์นั้น เสียก่อน ครั้นคิดเช่นนี้
แล้ว เราเป็นผู้ร่าเริง มีใจประกอบด้วยปีติ