เมนู

บทว่า กตเวที ความว่า ชื่อว่า กตเวที เพราะย่อมได้ ย่อมเสวยคือย่อมรับ
เฉพาะซึ่งอุปการะที่เขาทำแล้ว. บทว่า ติตฺเถ โยเชติ ปาณิเน ความว่า ย่อม
ประกอบ คือย่อมประกอบพร้อมสรรพ ได้แก่ ย่อมให้สัตว์ทั้งปวงดำรงอยู่
เฉพาะในหนทางแห่งกุศลธรรมคือมรรค อันเป็นอุบายให้เข้าถึงพระนิพพาน
ได้ด้วยการแสดงธรรม. คำที่เหลือมีเนื้อความง่ายทั้งนั้นแล. เนื้อความแห่ง
คาถาอันพรรณนาถึงหนทางเสด็จข้าพเจ้าได้กล่าวไว้แล้วในเถรคาถานั้นนั่นแล.
อรรถกถากาฬุทายีเถราปทาน

อภยเถราปทานที่ 7 (547)



ว่าด้วยบุพจริยาของพระอภยเถระ



[137] ในกัปที่แสนแต่ภัทรกัปนี้ พระ-
พิชิตมารผู้รู้จบธรรมทั้งปวง เป็นพระผู้นำ พระ-
นามว่าปทุมตตระได้เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว พระตถาคต-
เจ้า ยังบุคคลบางพวกให้ตั้งอยู่ในสรณคมน์ ยัง
บุคคลบางพวกให้ตั้งอยู่ในศีล คือ กุศลกรรมบถ
10 อันอุดม
พระธีรเจ้าพระองค์นั้น ทรงประทาน
สามัญผลอันอุดมแก่บุคคลบางคน ทรงประทาน
สมาบัติ 8 และวิชา 3 แก่บุคคลบางคน
พระโลกนาถผู้สูงสุดกว่านรชนพระองค์
นั้น ทรงประกอบสัตว์บางพวกไว้ในอภิญญา ทรง
ประทานปฏิสัมภิทา 4 แก่บุคคลบางคน

พระผู้เป็นสารถีฝึกนระ ทรงเห็นประชา
สัตว์ที่ควรจะนำไปให้ตรัสรู้ได้ แม้ในสถานที่นับ
ด้วยโยชน์ไม่ถ้วน ก็รีบเสด็จไปทรงแนะนำ
ครั้งนั้น เราเป็นบุตรของพราหมณ์ใน
พระนครหังสวดี เป็นผู้เรียนจบทุกเวท เข้าใจ
ไวยากรณ์ ฉลาดในนิรุตติ เฉียบแหลมในคำภีร์
นิฆัณฑุ เข้าใจตัวบท รู้ชัดในคัมภีร์เกฏุตะ ฉลาด
ในฉันท์และกาพย์กลอน
เมื่อเที่ยวเดินพักผ่อน ได้ไปถึงพระวิหาร
หังสาราม ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด
อันมหาชนแวดล้อม
เรามีมติเป็นข้าศึก เข้าไปเฝ้าพระพุทธ-
เจ้า ผู้ปราศจากกิเลสธุลี ซึ่งกำลังทรงแสดงธรรม
ได้สดับพระดำรัสอันงามของพระองค์อันปราศจาก
มลทิน
ไม่ได้พบเห็นพระดำรัส ที่ไร้ประโยชน์
ของพระมุนี คือ คำที่ซักมาผิด คำที่ต้องกล่าวซ้ำ
หรือคำที่ไม่ถูกทาง เพราะฉะนั้นเราจึงได้บวช
โดยเวลาไม่นานเลยเราก็เป็นผู้แกล้วกล้า
ในธรรมทุกอย่าง ได้รับสมมติให้เป็นเจ้าหมู่เจ้า
คณะ ในพระพุทธพจน์อันละเอียด

ครั้งนั้น เราได้ร้อยกรองคาถา 4 คาถา ซึ่ง
มีพยัญชนะสละสลวย ชมเชยพระพุทธเจ้าผู้เลิศ
ในโลก 3 ทรงแสดงธรรมทุกวัน
พระองค์เป็นผู้ปราศจากความกำหนัด มี
ความเพียรมาก ทรงอยู่ในสงสาร ที่มีภัย ไม่
เสด็จนิพพาน ก็เพราะพระกรุณา ฉะนั้นพระ-
มุนีเจ้าจึงชื่อว่าทรงประกอบด้วยพระกรุณา
เพราะเหตุนั้น สัตว์ที่เป็นปุถุชนแต่ไม่
ตกอยู่ในอำนาจกิเลส มีสัมปชัญญะ ประกอบ
ด้วยสตินี้ ไม่ควรจะคิด
กิเลสที่มีกำลังทุรพล อันนอนเนื่องอยู่
ในสันดานของเรา ถูกเผาด้วยไฟคือญาณแล้วไม่
สิ้นไป ข้อนั้นไม่เคยมีเลย
ผู้ใดเป็นที่เคารพของโลกทั้งปวง เป็น
ผู้เลิศในโลก และเป็นอาจารย์ของโลก โลกย่อม
อนุวัตรตามผู้นั้น
เราประกาศพระธรรมเทศนาสดุดีพระ-
สัมพุทธเจ้า ด้วยคาถา มีอาทิ ดังกล่าวมาตราบ
เท่าสิ้นชีวิต จุติจากอัตภาพนั้นแล้วได้ไปสวรรค์.
ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ เรากล่าวสดุดี
พระพุทธเจ้าใด เพราะกล่าวสดุดีนั้น เราไม่รู้จัก
ทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการกล่าวสดุดี

ครั้งนั้น เราได้เสวยราชสมบัติใหญ่อัน
เป็นทิพย์ในโลก ได้เสวยราชสมบัติใหญ่ของ
พระเจ้าจักรพรรดิ ก็มากครั้ง
เราเกิดแต่ในสองภพ คือ ในเทวดาและ
มนุษย์ ไม่รู้จักคติอื่น นี้เป็นผลแห่งการกล่าวสดุดี.
เราเกิดแต่ในสองสกุล คือ สกุลกษัตริย์
และสกุลพราหมณ์ หาเกิดในสกุลที่ต่ำทรามไม่
นี้เป็นผลแห่งการกล่าวสดุดี
ก็ในภพสุดท้าย ในบัดนี้ เราเป็นโอรส
ของพระเจ้าพิมพิสาร ในพระนครราชคฤห์อัน
อุดม มีนามว่า อภัย
เราไปสู่อำนาจของบาปมิตร สมาคมกับ
นิครนถ์ อันนิครนถ์นาฏบุตรส่งไป จึงได้เฝ้า
พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด เราทูลถามปัญหาอัน
ละเอียดสุขุม ได้สดับการฟังพยากรณ์อย่างสูงแล้ว
จึงบวช ไม่นาน ก็ได้บรรลุพระอรหัต
เราเป็นผู้กล่าวสดุดีพระชินวรเจ้าทุกเมื่อ
เพราะกรรมนั้น เราจึงเป็นผู้มีร่างกายและปากมี
กลิ่นหอม เป็นผู้เพียบพร้อมด้วยความสุข
เพราะกรรมนั้นส่งผลให้ เราจึงเป็นคน
มีปัญญากล้า มีปัญญาร่าเริง มีปัญญาเร็ว มี
ปัญญามาก และปฏิภาณอันวิจิตร

เราเป็นผู้มีจิตเลื่อมใส กล่าวสดุดีพระ-
สยัมภู ผู้ไม่มีใครเสมอเหมือน พระนามว่า
ปทุมุตตระ เพราะผลของกรรมนั้น เราจึงไม่ไป
อบายภูมิถึงแสนกัป
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว. . .คำสอน
ของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านอภยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้แล.

จบอภยเถราปทาน

547. อรรถกถาอภยเถราปทาน



พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ 7 ดังต่อไปนี้ :-
อปทานของท่านอภยเถระ มีเริ่มต้นว่า ปทุมุตฺตโร นาม
ชิโน
ดังนี้.
แม้พระเถระรูปนี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้ว ในพระชินวรพุทธ-
เจ้าพระองค์ก่อน ๆ ได้สั่งสมบุญอันเป็นนิสัยแห่งพระนิพพานไว้เป็นอัน
มากในภพนั้น ๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ได้
บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ ในหังสวดีนคร. ท่านได้เจริญวัยแล้ว เป็นผู้
เล่าเรียนจนจบเวทางคศาสตร์ เป็นผู้ฉลาดในลัทธิสมัยของตนและของ
ผู้อื่น วันหนึ่งได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาแล้ว มีใจเลื่อมใส กล่าว