เมนู

อรรถะของตนให้เป็นอรรถะอื่น คือ ให้ไหลออก ได้แก่ ทำให้ชัดเจน
บทว่า มารมสนา มีวิเคราะห์ว่า ชื่อว่า มารมสนะ เพราะถูกต้อง ลูบคลำ
ทำลายมาร 5 มีขันธมารเป็นต้นได้. บทว่า ทิฏฺฐสูทนา มีวิเคราะห์ว่า
ชื่อว่า ทิฏฐิสูทนะ เพราะความเห็นตามทิฏฐิคือจริงตามที่โลกกล่าว ย่อม
หลั่งไหลออก คือแสดงถึงความไหลออก. บทว่า วิสฺสามภูมิ สนฺตานํ
ความว่า ภูมิเป็นที่พัก ที่เป็นที่หยุดอยู่ ได้แก่เป็นที่เข้าไปสงบของสัตว์ผู้
ต้องสืบต่อ ผู้ลำบากอยู่ในสงสารสาครทั้งสิ้น ด้วยการบรรลุมรรคมีโสดาปัตติ-
มรรคเป็นต้น. บทว่า ตโตหํ วิหตารมฺโก ความว่า เพราะได้เห็นพระสรีระ
ของพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์นั้น เราฆ่าความหัวดื้อ ทำความแข่งดีให้
พินาศไป กำจัดมานะเสียไม่มัวเมาแล้ว จึงอ้อนวอนขอการบวชแล้ว. คำที่
เหลือมีเนื้อความพอจะรู้ได้โดยง่ายทีเดียวแล.
จบอรรถกถาวังคีสเถราทาน

นันทกเถราปทานที่ 5 (545)



ว่าด้วยบุพจริยาของพระนันทกเถระ



[135] ในกัปที่แสนแต่ภัทรกัปนี้ พระ-
พิชิตมารพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้มีจักษุในธรรม
ทั้งปวง เป็นพระผู้นำ ได้เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว พระ-
องค์ประเสริฐกว่านักปราชญ์ทั้งหลาย เป็นบุรุษ
อาชาไนย ทรงปฏิบัติเพื่อเกื้อกูล เพื่อประโยชน์
เพื่อสุขแก่สรรพสัตว์ ในโลกพร้อมด้วยเทวโลก.

ถึงความเป็นผู้เลิศด้วยยศ มีสิริ มี
เกียรติคุณเป็นเครื่องอลังการ ทรงชำนะมาร ได้
รับการบูชาทั่วโลก ปรากฏทั่วไปทุกทิศ
พระองค์ทรงข้ามพ้นวิจิกิจฉา ล่วงพ้น
ความสงสัย มีความดำริชอบเต็มเปี่ยม ทรงบรรลุ
สัมโพธิญาณอันอุดม
ทรงยังหนทางที่ยังไม่เกิดให้เกิด เป็น
ผู้สูงสุดกว่านรชน ตรัสบอกสิ่งที่คนอื่นยังไม่ได้
บอก และทรงยังสิ่งที่ยังไม่เกิดให้เกิดมีพร้อม
ทรงรู้จักหนทาง ทรงเข้าใจหนทางแจ้ง
ชัด ตรัสบอกหนทางให้ ประเสริฐกว่านรชน
ทรงฉลาดในหนทาง เป็นครู เป็นพระผู้สูงสุดกว่า
นายสารถีทั้งหลาย
ครั้งนั้น พระโลกนายกผู้ประกอบด้วย
พระมหากรุณา ได้ตรัสพระธรรมเทศนา ทรงฉุด
ขึ้นซึ่งสัตว์ทั้งหลาย ผู้จมลงแล้วในหล่มคือโมหะ
พระมหามุนีทรงสรรเสริญพระสาวกผู้มี
สมมติว่าเลิศในการให้โอวาทแก่นางภิกษุณีทั้ง
หลาย ได้ทรงแต่งตั้งไว้ตำแหน่งเอตทัคคะ
เราได้ฟังพระพุทธดำรัสนั้นแล้ว ก็ชอบใจ
จึงนิมนต์พระตถาคตพร้อมด้วยพระสงฆ์ให้เสวย
และฉันภัตตาหาร แล้วปรารถนาฐานันดรนั้น

ครั้งนั้น พระโลกนาถผู้แสวงหาคุณอัน
ยิ่งใหญ่ ทรงเบิกบานพระทัยได้ตรัสกะเราว่า
ท่านจงมีความสุข อายุยืนเถิด ท่านจักได้ฐานัน-
ดรนี้ สมมโนรถปรารถนา
ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ พระศาสดามีพระ-
นามว่าโคดม ผู้ทรงสมภพในวงศ์พระเจ้าโอก-
กากราช จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ท่านจักเป็น
ธรรมทายาทของพระศาสดาพระองค์นั้น จักเป็น
โอรสอันธรรมเนรมิต จักได้เป็นสาวกของพระ
ศาสดา มีนามว่านันทกะ
เพราะกรรมที่ได้ทำไว้ดีนั้น และเพราะ
การตั้งเจตน์จำนงไว้ เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไป
สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ก็ในภพสุดท้ายในบัดนี้ เราเกิดในสกุล
เศรษฐี อันมั่งคั่งสมบูรณ์ มีทรัพย์มากมาย ใน
พระนครสาวัตถี
เราได้พบพระสุคตเจ้า ในวันที่พระองค์
เสด็จเข้าพระนคร เป็นผู้มีใจอัศจรรย์ได้ออกบวช
เป็นบรรพชิต ในวันที่พระพุทธองค์ทรงรับพระ-
เชตวนาราม.
ได้บรรลุอรหัตผลโดยกาลไม่นานเลย
ครั้งนั้นเราอันพระศาสดาผู้ทรงเห็นธรรมทั้งปวง
ทรงพร่ำสอน จึงข้ามพ้นสังสารวัฏไปได้

เราสอนธรรมแก่พระภิกษุทั้งหลาย
พระภิกษุณีที่เราสอนนั้นรวม 500 รูปด้วยกัน
ล้วนเป็นผู้ไม่มีอาสวะ
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้มีประโยชน์
เกื้อกูลใหญ่ ทรงพอพระทัย จึงทรงตั้งเราไว้ใน
ตำแหน่งแห่งภิกษุผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายให้
โอวาทพระภิกษุณี
กรรมที่เราทำไว้ในกัปที่แสน แสดงผล
แก่เราในอัตภาพนี้แล้ว เราเป็นผู้พ้นจากกิเลส
ด้วยดี เหมือนลูกศรที่พ้นไปจากแล่ง ฉะนั้น เรา
เผากิเลสเสียแลแล้ว
เราเผากิเลสทั้งหลาย. . .คำสอน
ของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระนันทกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้แล.

จบนันทกเถราปทาน

545. อรรถกถานันทกเถราปทาน



พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ 5 ดังต่อไปนี้ :-
อปทานของท่านพระนันทกเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตฺตโร นาม
ชิโน
ดังนี้.