เมนู

ต่อมาในวันมีมหรสพวันหนึ่ง หญิงคณิกาคนหนึ่ง นั่งรถไปกับ
พราหมณ์คนหนึ่ง เธอมองเห็นพระเถระเข้า จึงหัวเราะจนมองเห็นฟัน.
พระเถระถือเอากระดูกฟันของหญิงคนนั้นมาเป็นนิมิต ทำฌานให้บังเกิดขึ้น
แล้ว ทำฌานนั้นให้เป็นพื้นฐานเจริญวิปัสสนา ได้เป็นพระอนาคามี. ท่าน
อยู่ด้วยสติเป็นไปในกายเนือง ๆ วันหนึ่งท่านได้รับคำแนะนำพร่ำสอนจาก
ท่านพระธรรมเสนาบดี จนถึงได้ดำรงอยู่ในพระอรหัต. ภิกษุแสะสามเณรบาง
พวก ไม่รู้ว่าท่านได้บรรลุพระอรหัตแล้ว แกล้งดึงหูท่านเสียบ้าง จับศีรษะ
จับแขน หรือจับมือและเท้าเป็นต้นสั่นเล่น เบียดเบียนบ้าง.
ท่านเป็นพระอรหัตแล้ว เกิดความโสมนัสใจ เมื่อจะประกาศถึง
เรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติมาแล้วในกาลก่อนของตน จึงกล่าวคำเริ่มต้นว่า
ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน ดังนี้ . บทว่า มญฺชุนาภินิกูชหํ ความว่า เราได้พูด
ได้เปล่งเสียงด้วยเสียงอัน ไพเราะน่ารัก คำที่เหลือในเรื่องนี้ พอจะกำหนดรู้
ได้โดยง่ายทีเดียวแล.
จบอรรถกถาลกุณฏกภัททิยเถราปทาน

กังขาเรวตเถราปทานที่ 2 (245)



ว่าด้วยบุพจริยาของพระกังขาเรวตเถระ



[132] ในกัปที่แสนแต่ภัทรกัปนี้ พระ-
พิชิตมารมีพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้มีพระจักษุใน
ธรรมทั้งปวง เป็นพระผู้นำ มีพระหนุเหมือนคาง
ราชสีห์ พระดำรัสเหมือนเสียงพรหม พระสุร-

เสียงคล้ายเสียงหงส์และกลองใหญ่ เสด็จดำเนิน
ดุจช้าง มีพระรัศมีประหนึ่งรัศมีของจันทเทพบุตร
เป็นต้น
มีพระปรีชาใหญ่ มีความเพียรมากมี
ความเพ่งพินิจมาก มีคติใหญ่ ประกอบด้วยพระ-
มหากรุณาเป็นที่พึ่งสัตว์ กำจัดความมืดใหญ่ ได้
เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว
คราวหนึ่ง พระสัมพุทธเจ้าผู้เลิศกว่า
ไตรโลก เป็นมุนี ทรงรู้จักวาระจิตของสัตว์พระ-
องค์นั้น ทรงแนะนำเวไนยสัตว์เป็นอันมาก ทรง
แสดงพระธรรมเทศนาอยู่
พระพิชิตมารตรัสสรรเสริญภิกษุผู้มีปกติ
เพ่งพินิจ ยินดีในฌาน มีความเพียรสงบระงับ
ไม่ขุ่นมัวในท่ามกลางบริษัท ทรงทำให้ประชาชน
ยินดี
ครั้งนั้น เราเป็นพราหมณ์เรียน. ไตรเพท
อยู่ในพระนครหังสวดี ได้สดับพระธรรมเทศนาก็
ชอบใจ จึงปรารถนาฐานันดรนั้น
ครั้งนั้น พระพิชิตมารผู้ทรงเป็นพระ
ผู้นำชั้นพิเศษได้ตรัสพยากรณ์ในท่ามกลางสงฆ์ว่า
จงดีใจเถิดพราหมณ์ ท่านจักได้ฐานันดรนี้ สมดัง
มโนรถความปรารถนา

ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ พระศาสดามี
พระนามชื่อว่าโคดม ซึ่งสมภพในวงศ์พระเจ้า
โอกกากราช จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ท่านจัก
ได้เป็นธรรมทายาทของพระศาสดาพระองค์นั้น
เป็นโอรสอันธรรมเนรมิต เป็นสาวกของพระ-
ศาสดา มีนามชื่อว่าเรวตะ
เพราะกรรมที่ทำไว้ดี และเพราะการตั้ง
เจตน์จำนงไว้ เราละร่างมนุษย์แล้วได้ไปยังสวรรค์
ชั้นดาวดึงส์
ในภพสุดท้ายในบัดนี้ เราเกิดในสกุล
กษัตริย์อันมั่งคั่งสมบูรณ์ มีทรัพย์มากมาย ใน
โลกิยนคร
ในคราวที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรม
เทศนาในพระนครกบิลพัสดุ์ เราเลื่อมใสในพระ-
สุคตเจ้า จึงออกบวชเป็นบรรพชิต
ความสงสัยของเราในสิ่งที่เป็นกัปปิยะ
และอกัปปิยะนั้น ๆ มีมากมายพระพุทธเจ้าได้ทรง
แสดงธรรมอันอุดม แนะนำข้อสงสัยทั้งปวงนั้น
แต่ต่อนั้น เราก็ข้ามพ้นสงสารได้ เป็น
ผู้ยินดีด้วยความสุขในฌานอยู่ ในครั้งนั้น
พระพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็นเรา จึงได้ตรัส
พระพุทธภาษิตว่า

ความสงสัยในโลกนี้หรือโลกอื่น ใน
ความรู้ของตนหรือในความรู้ของผู้อื่นอย่างใด
อย่างหนึ่งนั้น อันบุคคลผู้มีปรกติเพ่งพินิจ มี
ความเพียรเผากิเลสประพฤติพรหมจรรย์ ย่อมละ
ได้ทั้งสิ้น
กรรมที่ทำไว้ในกัปที่แสน ได้แสดงผล
แก่เราแล้วในอัตภาพนี้ เราพ้นกิเลสแล้วเหมือน
ลูกศรพ้นจากแล่ง ได้เผากิเลสของเราเสียแล้ว
ลำดับนั้น พระมุนีผู้มีปรีชาใหญ่ เสด็จ
ถึงที่สุดของโลก ทรงเห็นว่าเรายินดีในฌาน จึง
ทรงแต่งตั้งว่าเป็นเลิศกว่าภิกษุทั้ง หลายฝ่ายที่ได้
ฌาน
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว . . . คำสอน
ของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระกังขาเรวตเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประ-
การฉะนี้แล.

จบกังขาเรวตเถราปทาน

542. อรรถกถากังขาเรวตเถราปทาน



พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ 2 ดังต่อไปนี้ :-
อปทานของท่านพระกังขาเรวตเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตฺตโร
นาม ชิโน
ดังนี้.