เมนู

ภัททิยวรรคที่ 55



ลกุณฏกภัททิยเถราปทานที่ 1 (541)



ว่าด้วยบุพจริยาของพระลกุณฏกเถระ



[131] ในกัปที่แสนแต่ภัทรกัปนี้ พระ-
พิชิตมาร พระนามว่าปทุมุตตระ ทรงรู้จบธรรม
ทั้งปวง เป็นพระผู้นำ ได้เสด็จอุบัติขึ้นในโลก
ครั้งนั้น เราเป็นบุตรเศรษฐี มีทรัพย์มาก
ในพระนครหังสวดี เที่ยวเดินพักผ่อนอยู่ ได้ไป
ถึงสังฆาราม
คราวนั้น พระผู้นำ ผู้ส่องโลกให้โชติช่วง
พระองค์นั้น ทรงแสดงธรรมเทศนา ได้ตรัส
สรรเสริญพระสาวกผู้ประเสริฐกว่าภิกษุทั้งหลาย
ที่มีเสียงไพเราะ
เราได้สดับพระธรรมเทศนานั้นแล้วก็
ชอบใจ จึงได้ทำสักการะแก่พระองค์ผู้แสวงหา
คุณอันใหญ่ ถวายบังคมพระบาททั้งสองของ
พระศาสดาแล้ว ปรารถนาฐานันดรนั้น
ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าซึ่งเป็นผู้นำชั้น
พิเศษ ได้ตรัสพยากรณ์ในท่ามกลางพระสงฆ์ว่า
ในอนาคตกาล ท่านจักได้ฐานันดรนี้สมดังมโนรถ
ความปรารถนา

ในกัปที่แสนแต่ภัทรกัปนี้ พระศาสดา
พระนามชื่อว่าโคดม ซึ่งสมภพในวงศ์พระเจ้า
โอกกากราช จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก เศรษฐีบุตร
ผู้นี้ จักได้เป็นธรรมทายาทของพระศาสดาพระ-
องค์นั้น เป็นโอรสอันธรรมเนรมิต เป็นสาวก
ของพระศาสดา มีนามชื่อว่า ภัตทิยะ
เพราะกรรมที่ทำไว้ดีนั้น และเพราะการ
ตั้งเจตน์จำนงไว้ เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไป
สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ในกัปที่ 92 แต่ภัทรกัปนี้พระพิชิตมาร
พระนามว่าผุสสะ เป็นผู้นำยากที่จะหาผู้เสนอ
ยากที่จะข่มขี่ได้ สูงสุดกว่าโลกทั้งปวงได้เสด็จ
อุบัติขึ้นแล้ว
และพระพุทธองค์ทรงสมบูรณ์ด้วยจรณะ
เป็นผู้ประเสริฐเที่ยงตรง ทรงมีความเพียรเผา
กิเลสทรงแสวงหาประโยชน์เกื้อกูลแก่สรรพสัตว์
ทรงเปลื้องสัตว์เป็นอันมากจากกิเลสเครื่องจองจำ
เราเกิดเป็นนกดุเหว่าขาวในพระอาราม
อันน่าเพลิดเพลินเจริญใจ ของพระผุสสสัมมา-
สัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น เราอยู่ที่ต้นมะม่วงใกล้
พระคันธกุฎี
ครั้งนั้น เราเห็นพระพิชิตมารผู้สูงสุด
เป็นพระทักขิไณยบุคคล เสด็จพระราชดำเนินไป

บิณฑบาต จึงทำจิตให้เลื่อมใส แล้วร้องด้วย
เสียงอันไพเราะ
ครั้งนั้น เราบินไปสวนหลวง คาบผล
มะม่วงที่สุกดีมีเปลือกเหมือนทองคำมาแล้ว น้อม
เข้าไปถวายแด่พระสัมพุทธเจ้า
เวลานั้นพระพิชิตมารผู้ประกอบด้วยพระ-
กรุณา ทรงทราบวาระจิตของเรา จึงทรงรับบาตร
จากมือของภิกษุอุปัฏฐาก
เรามีจิตร่าเริงถวายผลมะม่วงแด่พระมหา-
มุนี เราใส่บาตรแล้วก็ประนมปีก ร้องด้วยเสียง
อันไพเราะ น่ายินดี เสนาะน่าฟัง เพื่อบูชา
พระพุทธเจ้า แล้วไปนอนหลับ
ครั้งนั้น นกเหยี่ยวผู้มีใจชั่วช้าได้โฉบ
เอาเรา ผู้มีจิตเบิกบาน มีอัธยาศัยไปสู่ความรัก
พระพุทธเจ้า แล้วไปนอนหลับ
เราจุติจากอัตภาพนั้นไปเสวยมหันตสุข
ในสวรรค์ชั้นดุสิต แล้วมาสู่กำเนิดมนุษย์ เพราะ
กรรมนั้นพาไป
ในภัทรกัปนี้ พระพุทธเจ้าผู้มีพระนาม
ตามพระโคตรว่ากัสสปะ เป็นเผ่าพันธุ์พรหม มี
พระยศใหญ่ ประเสริฐกว่านักปราชญ์ ได้เสด็จ
อุบัติขึ้นแล้ว

พระองค์ทรงยังพระศาสนาให้โชติช่วง
ครอบงำเดียรถีย์ผู้หลอกลวง ทรงแนะนำเวไนย-
สัตว์ พระองค์พร้อมทั้งพระสาวกปรินิพพานแล้ว
เมื่อพระพุทธองค์ผู้เลิศในโลกปรินิพพาน
แล้ว ประชุมชนเป็นอันมากที่เลื่อมใส จักทำ
พระสถูปของพระศาสด เพื่อต้องการจะบูชา
พระพุทธเจ้า
เขาปรึกษากันอย่างนี้ว่า จักช่วยกันทำ
พระสถูปของพระศาสดา ผู้แสวงหาพระคุณ
อันใหญ่ ให้สูงเจ็ดโยชน์ ประดับด้วยแก้ว 7
ประการ
ครั้งนั้น เราเป็นจอมทัพของพระเจ้า
แผ่นดินแคว้นกาสี พระนามว่ากิกี ได้พูดลด
ประมาณ ที่พระเจดีย์ของพระพุทธเจ้า ผู้ไม่มี
ประมาณเสีย
ครั้งนั้น ชนเหล่านั้นได้ช่วยกันทำเจดีย์
ของพระศาสดา ผู้มีพระปัญญากว่านรชน สูง
โยชน์เดียว ประดับด้วยรัตนะนานาชนิด ตาม
ถ้อยคำของเรา
เพราะกรรมที่ทำไว้ดีนั้น และเพราะการ
ตั้งเจตน์จำนงไว้ เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไป
สวรรค์ชั้นดาวดึงส์

ในภพสุดท้ายในบัดนี้ เราเกิดในสกุล
เศรษฐีอันมั่งคั่งสมบูรณ์ มีทรัพย์มากมาย ใน
พระนครสาววัตถีอันประเสริฐ
เราได้เห็นพระสุคต เจ้าในเวลาเสด็จเข้า
พระนครก็อัศจรรย์ใจ จึงบรรพชา ไม่นานก็ได้
บรรลุอรหัต
เพราะกรรมคือการลดประมาณ ของพระ-
เจดีย์เราได้ทำไว้ เราจึงมีร่างกายต่ำเตี้ย ควรจะ
เป็นร่างกายกลม
เราบูชาพระพุทธเจ้าสูงสุดด้วยเสียงอัน
ไพเราะจึงได้ถึงความเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย
ที่มีเสยงไพเราะ
เพราะการถวายผลไม้แด่พระพุทธเจ้า
และเพราะการอนุสรณ์ถึงพระพุทธคุณ เราจึง
สมบูรณ์ด้วยสามัญผล ไม่มีอาสวะอยู่
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว...คำสอนของ
พระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระลกุณฏกภัททิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.

จบลกุณฏกภัททิยเถราปทาน

ภัททิยาวรรคที่ 55



541. อรรถกถาลกุณฏกภัททิยเถราปทาน



พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ 1 วรรคที่ 55 ดังต่อไปนี้ :-
อปทานของท่านพระลกุณฏกภัททิยเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตฺตโร
นาม ชิโน
ดังนี้.
แม้พระเถระรูปนี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้ว ในพระพุทธเจ้าพระ-
องก์ก่อน ๆ ได้สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้เป็นอันมากในภพ
นั้นๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ท่านได้บังเกิด
ในตระกูลที่มีโภคะมากมาย ในหังสวดีนคร บรรลุนิติภาวะแล้ว กำลังนั่ง
ฟังธรรมของพระศาสดา ได้มองเห็นภิกษุรูปหนึ่ง ซึ่งพระศาสดาทรงสถาปนา
ท่านไว้ในตำแหน่งที่เลิศกว่าพวกภิกษุผู้มีเสียงไพเราะ แม้ตนเองก็ปรารถนา
ตำแหน่งนั้นบ้างได้ถวายมหาทานอันเจือปนด้วยรสหวาน เช่น เนยใส และ
น้ำตาลกรวดเป็นต้น แต่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขแล้ว ตั้งปณิธาน
ไว้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในอนาคตกาล แม้ข้าพระองค์ก็พึงเป็นเหมือน
ภิกษุรูปนี้ คือพึงเป็นผู้เลิศกว่าพวกภิกษุผู้มีเสียงไพเราะ ในพระศาสนาของ
พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นว่าเขาไม่มีอันตราย
จึงทรงพยากรณ์แล้ว เสด็จหลีกไป.
เขาทำบุญไว้เป็นอันมากจนตลอดอายุแล้ว ท่องเที่ยวไปในเทวโลก
และมนุษยโลก ได้เสวยสมบัติในโลกทั้ง 2 แล้ว ในกาลแห่งพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าพระนามว่า ผุสสะ เขาได้บังเกิดเป็นนกดุเหว่าสวยงาม บินมาโฉบเอา