เมนู

อุรุเวทกัสสปเถราปทานที่ 8 (538)


. .

ว่าด้วยบุพจริยาของพระอุรุเวลกัสสปเถระ



[128] ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ พระพิชิต
มาร พระนามว่าปทุมุตตระ ผู้รู้แจ้งโลกทั้งปวง
เป็นนักปราชญ์มีจักษุ ได้เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว พระ-
องค์เป็นผู้ตรัสสอน ทรงแสดงให้สัตว์รู้ชัด ได้ยัง
สรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นวัฏสงสาร ฉลาดในเทศนา
เป็นผู้เบิกบาน ทรงช่วยประชุมชนให้ข้ามพ้นไป
เสียเป็นอันมาก
พระองค์เป็นผู้อนุเคราะห์ประกอบด้วย
พระกรุณา แสวงหาประโยชน์ให้สรรพสัตว์ ยัง
เดียรถีย์ที่มาเฝ้าให้ดำรงอยู่ในเบญจศีลได้ทุกคน
เมื่อเป็นเช่นนี้ พระศาสนาจึงไม่มีความ
อากูล ว่างสูญจากเดียรถีย์ วิจิตรด้วยพระอรหันต์
ผู้คงที่มีความชำนิชำนาญ
พระมหามุนีพระองค์นั้น สูงประมาณ
58 ศอก มีพระฉวีวรรณงามคล้ายทองคำอันล้ำค่า
มีพระลักษณะอันประเสริฐ 32 ประการ
ครั้งนั้น อายุของสัตว์แสนปี พระชิน-
สีห์พระองค์นั้น เมื่อดำรงพระชนม์อยู่โดยกาล

ประมาณเท่านั้น ได้ทรงยังประชุมชนเป็นอันมาก
ให้ข้ามพ้นวัฏสงสารไปได้
ครั้งนั้นเราเป็นพราหมณ์ชาวเมื่อหังสวดี
อันชนสมมติว่าเป็นคนประเสริฐ ได้เข้าไปเฝ้า
พระพุทธเจ้าผู้ส่องโลก แล้วสดับพระธรรมเทศนา
ครั้งนั้น เราได้ฟังพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงตั้งสาวกของพระองค์ในตำแหน่งเอตทัคคะ
ในที่ประชุมใหญ่ ก็ชอบใจจึงนิมนต์พระมหาชิน-
เจ้ากับบริวารเป็นอันมาก แล้วได้ถวายทานพร้อม
กันกับพราหมณ์อีก 1,000 คน
ครั้นแล้วเราได้ถวายบังคมพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า ผู้นายก ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
เป็นผู้ร่าเริง ได้กราบทูลว่า
ข้าแต่พระมหาวีรเจ้าด้วยความเชื่อใน
พระองค์และด้วยอธิการคุณ ขอให้ข้าพระองค์
ผู้เกิดในภพนั้น ๆ มีบริษัทมากเถิด
ครั้งนั้น พระศาสดาผู้มีพระสุรเสียง
เหมือนคชสารคำรณ มีพระสำเนียงเหมือนนก
การเวกได้ตรัสกะบริษัทว่า จงดูพราหมณ์ผู้นี้ ผู้มี
วรรณะเหมือนทองคำ แขนใหญ่ ปากและตา

เหมือนดอกบัวมีกายและใจสูงเพราะปีติ ร่าเริง
มีความเชื่อในคุณของเรา
เขาปรารถนาตำแหน่งแห่งภิกษุผู้มีเสียง
เหมือนราสีห์ ในอนาคตกาล เขาจักได้
ตำแหน่งนี้สมดังมโนรถปรารถนา
ในกัปนับแต่นั้นไปหนึ่งแสน พระ-
ศาสดามีพระนามชื่อว่า โคดม ซึ่งสมภพในวงศ์
พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก
พราหมณ์นี้จักเป็นธรรมทายาทของพระ-
ศาสดาพระองค์นั้น เป็นโอรสอันธรรมเนรมิต
จักเป็นสาวกของพระศาสดา มีนามชื่อว่ากัสสปะ
พระอัครนายกของโลกพระนามว่าผุสสะ
ผู้เป็นศาสดาอย่างยอดเยี่ยม หาผู้เปรียบมิได้ ไม่
มีใครจะเสมอเหมือน ได้เสด็จอุบัติขึ้นแล้วในกัป
ที่ 92 แต่ภัทรกัปนี้
พระศาสดาพระนามว่าผุสสะพระองค์นั้น
แล ทรงกำจัดความมืดทั้งปวง สางรกชัฏใหญ่
ทรงยังฝนคืออมตธรรมให้ตกลง ให้มนุษย์และ
ทวยเทพอิ่มหนำ
ครั้งนั้น เราสามคนพี่น้องเป็นราชมหา-
อำมาตย์ในพระนครพาราณสี ล้วนแต่เป็นที่ไว้

วางพระทัยของพระมหากษัตริย์รูปร่างองอาจแกล้ว
กล้า สมบูรณ์ด้วยกำลัง ไม่พ่ายแพ้ใครเลยใน
สงครามครั้งนั้น พระเจ้าแผ่นดินผู้มีเมืองชายแดน
ก่อการกำเริบ ได้ตรัสสั่งเราว่า ท่านทั้งหลายจง
ไปชนบทชายแดน
พวกท่านจงยังกำลังของแผ่นดินให้เรียบ-
ร้อย ทำแว่นแคว้นของเราให้เกษม แล้วกลับมา
เถิด
ลำดับนั้น เราได้กราบทูลว่า ถ้าพระองค์
จะพึงพระราชทานพระนายกเจ้าเพื่อให้ข้าพระองค์
ทั้งหลายอุปัฏฐากไซร้ ข้าพระองค์ทั้งหลายก็จัก
ทำกิจของพระองค์ให้สำเร็จ
ลำดับนั้น พวกเราผู้ได้รับพระราชทานพร
อันสมเด็จพระภูมิบาลส่งไป ทำชนบทชายแดน
ให้วางอาวุธแล้ว กลับมายังพระนครนั้น
เราทูลขอการอุปัฏฐากพระศาสดาแด่พระ
ราชา ได้พระศาสดาผู้เป็นนายกของโลกผู้ประ-
เสริฐกว่ามุนีแล้ว ได้บูชาพระองค์ตราบเท่าสิ้น
ชีวิต
เราทั้งหลายเป็นผู้มีศีล ประกอบด้วย
กรุณา มีใจประกอบด้วยภาวนาได้ด้วยผ้ามีค่า

มาก ภัตมีรสอันประณีต เสนาสนะอันน่ารื่นรมย์
และเภสัชที่เป็นประโยชน์ ที่ตนให้เกิดขึ้นโดย
ชอบธรรมแก่พระมุนีพร้อมทั้งพระสงฆ์ อุปัฏฐาก
พระองค์ด้วยจิตเมตตาตลอดกาล ครั้นพระศาสดา
ผู้เลิศพระองค์นั้นเสด็จนิพพานแล้ว เราได้ทำการ
บูชาตามลำพัง
เราทุกคนจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว ไปสู่
สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เสวยมหันต์สุขในดาวดึงส์นั้น
นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา
เมื่อเรากำลังท่องเที่ยวอยู่ในภพเป็นเหมือน
นายช่างดอกไม้ ได้ดอกไม้แล้วแสดงชนิดแห่ง
ดอกไม้แปลก ๆ มากมายฉะนั้น ได้เกิดเป็น
พระเจ้าวิเทหราช
เพราะถ้อยคำของคุณาเจลก เราจึงมี
อัธยาศัยอันมิจาฉาทิฏฐิกำจัดแล้วขึ้นสู่ทางนรก ไม่
เอื้อเฟื้อโอวาทของธิดาเราผู้ชื่อว่ารุจา
เมื่อถูกพรหมนารทะสั่งสอนเสียมากมาย
จึงละความเห็นที่ชั่วช้าเสียได้
บำเพ็ญกุศลกรรมบถ 10 ให้บริบูรณ์โดย
พิเศษ ละทิ้งร่างกายแล้วได้ไปสวรรค์เหมือนไป
ที่อยู่ของตัว ฉะนั้น

เมื่อถึงภพสุดท้ายเราเป็นบุตรของพราหมณ์
เกิดในสกุลที่สมบูรณ์ในพระนครพาราณสี
เรากลัวต่อความตายความเจ็บไข้และ
ความแก่ชราจึงเข้าป่าใหญ่ แสวงหาหนทาง
นิพพาน ได้บวชในสำนักของชฎิล
ครั้งนั้น น้องชายทั้งสองของเราก็ได้
บวชพร้อมกับเรา เราได้สร้างอาศรมอาศัยอยู่ที่
ตำบลอุรุเวลา
เรามีนามตามโคตรว่ากัสสปะ แต่เพราะ
อาศัยอยู่ที่ตำบลอุรุเวลาเราจึงมีนามบัญญัติว่า
อุรุเวลกัสสปะ
เพราะน้องชายของเราอาศัยอยู่ที่ชายแม่น้ำ
เขาจึงได้นามว่านทีกัสสปะ เพราะน้องชายของ
เรา อีกคนหนึ่ง อาศัยอยู่ที่ตำบลคยา เขาจึงถูก
ประกาศนามว่าคยากัสสปะ
น้องชายคนเล็กมีศิษย์ 200 คน น้องชาย
คนกลางมี 300 คน เรามี 500 คนถ้วน ศิษย์ทุกคน
ล้วนแต่ประพฤติตามเรา
ครั้งนั้นพระพุทธเจ้าผู้เลิศในโลกเป็น
สารถีฝึกนรชน ได้เสด็จมาหาเรา ทรงทำ
ปาฏิหาริย์ต่าง ๆ แก่เราแล้วทรงแนะนำ

เรากับบริวารพันหนึ่งได้อุปสมบทด้วย
เอหิภิกขุ ได้บรรลุอรหัตพร้อมกับภิกษุเหล่านั้น
ทุกองค์
ภิกษุเหล่านั้นและภิกษุพวกอื่นเป็นอันมาก
แวดล้อมเราเป็นยศบริวาร และเราก็สามารถที่จะ
สั่งสอนได้เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าสูงสุด
จึงทรงตั้งเราไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะความเป็นผู้มี
บริษัทมาก โอ สักการะที่ได้ทำไว้ในพระพุทธเจ้า
ได้ก่อให้เกิดสิ่งที่มีผลแก่เราแล้ว
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว . . . คำสอน
ของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระอุรุเวลกัสสปเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบอุรุเวลกัสสปเถราปทาน

538. อรรถกถาอุรุเวลกัสสปเถราปทาน



พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ 8 ดังต่อไปนี้:-
อปทานของท่านพระอุรุเวลกัสสปเถระ อันมีคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตฺตโร
นาม ชิโน
ดังนี้.
แม้พระเถระรูปนี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้ว ในพระพุทธเจ้าพระองค์
ก่อน ๆ ได้สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้เป็นอันมากในภพนั้น ๆ