เมนู

มหากัปปิยเถราปทานที่ 3 (533)



ว่าด้วยบุพจริยาของมหากัปปินเถระ



[123] พระพิชิตมารผู้ทรงรู้จักธรรม
ทั้งปวงพระนามว่า ปทุมุตตระ ปรากฏในอัชฎากาศ
เหมือนพระอาทิตย์ ปรากฏในอากาศในสรทกาล
ฉะนั้น
พระองค์ยังดอกบัวคือเวไนยสัตว์ให้บาน
ด้วยพระญาณนี้คือพระดำรัส สมเด็จพระโลกนายก
ทรงยังเปือกตม คือกิเลสให้แห่งไปด้วยพระรัศมี
คือพระปรีชา
ทรงกำจัดยศของพวกเดียรถีย์เสียด้วย
พระญาณปานดังเพชร เหมือนพระอาทิตย์กำจัด
ความมืด ฉะนั้นสมเด็จพระทิพากรเจ้าทรงส่อง
แสงสว่างจ้าทั้งกลางคืน และกลางวัน ในที่ทุก
หนทุกแห่ง
เป็นบ่อเกิดแห่งคุณเหมือนสาครเป็นบ่อ
เกิดแห่งรัตนะ ทรงยังเมฆ คือ ธรรมให้ตกลง
เพื่อหมู่สัตว์ เหมือนเมฆยังฝนให้ตก ฉะนั้น
ครั้งนั้น เราเป็นผู้พิพากษาอยู่ในพระ
นครหังสวดี ได้เข้าไปฟังธรรมของพระพุทธเจ้า
ผู้มีพระนามว่า ปทุมุตตระ ซึ่งกำลังประกาศคุณ

ของพระสาวกผู้มีสติ ผู้กล่าวสอนภิกษุทั้งหลาย
อยู่ ทรงยังใจของเราให้ยินดี
เราได้ฟังแล้วเกิดปีติโสมนัส นิมนต์
พระตถาคตพร้อมด้วยศิษย์ ให้เสวยและฉันแล้ว
ปรารถนาฐานนันดรนั้น
ครั้งนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีส่วนเสมอ
ด้วยหงส์ มีพระสุรเสียงเหมือนหงส์และมโหรทึก
ได้ตรัสว่า จงดูมหาอำมาตย์ผู้นี้ ผู้แกล้วกล้าใน
การตัดสินหมอบอยู่แทบเท้าของเรา มีประกายดุจ
ลอยขึ้นและมีใจสูงด้วยปีติ วรรณะเหมือนแสง
แห่งแก้วมุกดา งดงาม นัยน์ตาและหน้าผ่องใส
มีบริวารเป็นอันมาก ทำราชการ มียศ
ใหญ่ มหาอำมาตย์นี้เขาปรารถนาตำแหน่งภิกษุ
ผู้ให้โอวาทแก่ภิกษุ เพราะพลอยยินดีด้วย
ด้วยการบริจาคบิณฑบาตนี้ และด้วยการ
ตั้งเจตน์จำนงไว้ เขาจักไม่เข้าถึงทุคติเลยตลอด
แสนกัป
จักเสวยความเป็นผู้มีโชคดีในหมู่ทวยเทพ
และจักเสวยความเป็นใหญ่ในหมู่มนุษย์ จักบรรลุ
ถึงนิพพาน ด้วยผลกรรมส่วนที่เหลือ
ในแสนกัปแต่กัปนี้ พระศาสดามีพระ-
นามชื่อว่า โคดม ทรงสมภพในวงศ์พระเจ้า
โอกกากราช จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก

มหาอำมาตย์นี้ จักเป็นธรรมทายาทของ
พระศาสดาพระองค์นั้นจักเป็นโอรสอันธรรม
เนรมิต จักมีนามว่า กัปปินะ เป็นสาวกของพระ-
ศาสดา
ต่อแต่นั้น เราก็ได้ทำสักการะด้วยดีใน
พระศาสนาของพระชินสีห์ ละร่างมนุษย์แล้ว
ได้ไปสวรรค์ชั้นดุสิต
เราครองราชย์ในเทวดาและมนุษย์โดย
เป็นส่วน ๆ แล้วเกิดในสกุลช่างหูก ที่ตำบลบ้าน
ใกล้พระนครพาราณสี
เรากับภรรยามีบริวารแสนคน ได้อุปัฏ-
ฐากพระปัจเจกพุทธเจ้า 500 องค์
ได้ถวายโภชนาหารตลอดไตรมาส แล้ว
ให้ครองไตรจีวร เราทั้งหมดจุติจากอัตภาพนั้น
แล้ว ได้เข้าถึงสวรรค์ชั้นไตรทส
เราทั้งหมดจุติจากสวรรค์นั้นแล้ว กลับมา
เป็นมนุษย์อีก พวกเราเกิดในกุกกุฏบุรี ข้างป่า
หิมพานต์
เราได้เป็นราชโอรสผู้มียศใหญ่ พระนาม
ว่ากัปปินะ พวกที่เหลือเกิดในสกุลอำมาตย์ เป็น
บริวารของเรา

เราเป็นผู้ถึงความสุขอันเกิดแต่ความเป็น
มหาราชา ได้สำเร็จสิ่งที่ต้องประสงค์ทุกประการ
ได้สดับข่าวการอุบัติของพระพุทธเจ้าที่พวกพ่อค้า
บอกดังนี้ว่า
พระพุทธเจ้าผู้เอกอัครบุคคลไม่มีใคร
เสมอเสมือน เสด็จอุบัติขึ้นแล้วในโลก พระองค์
ทรงประกาศพระสัทธรรมอันเป็นธรรมไม่ตาย
เป็นอุดมสุข
และสาวกของพระองค์เป็นผู้หมั่นขยัน
พ้นทุกข์ไม่มีอาสวกิเลส ครั้นเราได้สดับคำของ
พ่อค้าเหล่านั้นแล้ว ได้ทำการสักการะพวกพ่อค้า
สละราชสมบัติพร้อมด้วยอำมาตย์ เป็น
พุทธมามกะ พากันออกเดินทาง ได้พบแม่น้ำ
มหาจันทานที มีน้ำเต็มเปี่ยมเสมอขอบฝั่ง ทั้ง
ไม่มีท่าน้ำ ไม่มีแพ ข้ามได้ยาก มีกระแสน้ำไหล
เชี่ยว เราระลึกถึงพระพุทธคุณแล้ว ข้ามแม่น้ำ
ไปไดโดยสวัสดี
ถ้าพระพุทธองค์ทรงข้ามกระแสน้ำคือภพ
ไปได้ ถึงที่สุดแห่งโลก ทรงรู้แจ้งชัดไซร้ ด้วย
สัจวาจานี้ ขอให้การไปของเราจงสำเร็จ
ถ้ามรรคเป็นเครื่องให้สัตว์ถึงความสงบ
ได้ เป็นเครื่องให้โมกขธรรม เป็นธรรมอันสงบระงับ

นำความสุขมาให้ได้ไซร้ ด้วยสัจวาจานี้ ก็
ขอให้การไปของเราจงสำเร็จ
ถ้าพระสงฆ์เป็นผู้ข้ามพ้นทางกันดารไป
ได้ เป็นเนื้อนาบุญอันเยี่ยมไซร้ ด้วยสัจวาจานี้
ขอให้การไปของเราจงสำเร็จ
พร้อมกับที่เราได้ทำสัจจะอันประเสริฐ
ดังนี้ น้ำได้ไหลหลีกออกไปจากหนทาง ลำดับ
นั้น เราได้ข้ามไปขึ้นฝั่งแม่น้ำอันน่ารื่นรมย์ใจได้
โดยสะดวก
ได้พบพระพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่เหมือน
พระอาทิตย์ที่กำลังอุทัย ดังภูเขาทองที่ลุกโพลง
ฉะนั้น
เหมือนประทีปด้ามที่ถูกไฟไหม้โชติช่วง
อันสาวกแวดล้อมเปรียบดังพระจันทร์ที่ประกอบ
ด้วยดวงดาว ยังเทวดาและมนุษย์ให้เพลิดเพลิน
ปานท้าววาสวะ ผู้ยังฝนคือรัตนะให้ตกลงฉะนั้น
เราพร้อมด้วยอำมาตย์ถวายบังคมแล้ว
เฝ้าอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ลำดับนั้น พระ-
พุทธเจ้าทรงทราบอัธยาศัยของเราได้แสดงพระ-
ธรรมเทศนา
เราฟังธรรมอันปราศจากมลทินแล้ว ได้
กราบทูลพระพิชิตมารว่า ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า ขอ

ได้ทรงโปรดให้พวกข้าพระองค์ได้บรรพชาเถิด
พวกข้าพระองค์เป็นผู้ลงสู่ภพแล้ว
พระมหามุนีผู้สูงสุดได้ตรัสว่า ท่าน
ทั้งหลายจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดี
แล้ว ท่านทั้งหลายจงประพฤติพรหมจรรย์เพื่อทำ
ที่สุดแห่งทุกข์เถิด
พร้อมกันกับพระพุทธดำรัส เราทุกคน
ล้วนทรงเพศเป็นภิกษุ เราทั้งหลายอุปสมบทแล้ว
เป็นภิกษุผู้โสดาบันในพระศาสนา
ต่อแต่นั้นมา พระผู้นำชั้นพิเศษได้เสด็จ
เข้าพระเชตวันมหาวิหารแล้วทรงสั่งสอน เราอัน
พระพิชิตมารทรงสั่งสอนแล้ว ได้บรรลุอรหัต
ลำดับนั้น เราได้สั่งสอนภิกษุพันรูป แม้
พวกเขาทำตามคำสอนของเรา ก็เป็นผู้ไม่มีอาสวะ
พระพิชิตมารทรงพอพระทัยในคุณข้อนั้น
จึงทรงตั้งเราไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ ณ ท่ามกลาง
มหาชนว่า ภิกษุกัปปินะ เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย
ผู้ให้โอวาทแก่ภิกษุ
กรรมที่ได้ทำไว้ในแสนกัป ได้แสดงผล
ให้เราในครั้งนี้ เราพ้นจากกิเลส ดุจดังลูกศรที่
พ้นจากแล่ง

เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว. . .คำสอน
ของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระมหากัปปินเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประ-
การฉะนี้แล.

จบมหากัปปินเถราปทาน

533. อรรถกถามหากัปปินเถราปทาน



อปทานของท่านพระมหากัปปีนเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตฺตโร
นาม ชิโน
ดังนี้.
แม้พระเถระรูปนี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้ว ในพระพุทธเจ้าพระ-
องค์ก่อน ๆ ได้สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้มากในภพนั้น ๆ
ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเข้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ท่านได้บังเกิดในเรือน
อันมีสกุล ในหังสวดีนคร บรรลุนิติภาวะแล้ว เมื่อกำลังฟังพระธรรมเทศนา
ในสำนักของพระศาสดา ได้มองเห็นภิกษุรูปหนึ่ง ที่พระศาสดาทรงสถาปนา
ไว้ในตำแหน่งที่เลิศกว่าพวกภิกษุผู้ให้โอวาทแล้ว ได้กระทำกรรมที่สูงยิ่งขึ้น
ไป แล้วปรารถนาตำแหน่งนั้น .
เขาได้กระทำกุศลกรรมไว้ในมนุษยโลกนั้น จนตลอดชีวิตแล้วท่อง-
เที่ยวไปในเทวโลกและมนุษย์โลก ได้มาบังเกิดในเรือนของท่านหัวหน้าช่าง
หูก ในหมู่บ้านช่างหูกแห่งหนึ่ง ในที่อันไม่ไกลจากกรุงสาวัตถีนัก ในคราว
นั้น พระปัจเจกพุทธเจ้าประมาณ 1,000 องค์ อยู่ที่ภูเขาหิมวันต์ 8 เดือน
เวลาจะเข้าพรรษาก็มาอยู่ในชนบท 4 เดือน พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้น
ครั้งแรกก็ลงมาในที่อันไม่ไกลกรุงพาราณสีแล้ว ส่งพระปัจเจกพุทธเจ้า 8 องค์