โฆสสัญญกเถราปทานที่ 8 (518)ว่าด้วยผลแห่งความเลื่อมใสในเสียงแสดงธรรม[108] เมื่อก่อน เราเป็นพรานล่าเนื้อ เที่ยวอยู่ในไพรวัน อันสงัดเงียบ ได้พบพระ พุทธเจ้าผู้ปราศจากกิเลสธุลี อันหมู่เทวดาห้อม- ล้อม กำลังทรงประกาศสัจจะ 4 ทรงแสดงอมตบท เราได้สดับธรรมอันไพเราะของพระพุทธเจ้าผู้เผ่า พันธุ์ของโลกพระนามว่า สิขี เราจิตให้เลื่อมใสในพระสุรเสียง เรา ยังจิตให้เลื่อมใสในพระองค์ท่านผู้ไม่มีบุคคล เปรียบเสมอเหมือนแล้ว ข้ามพ้นภพที่ข้ามได้ ยาก ในกัปที่ 31 แต่กัปนี้ เราได้สัญญาใด ในกาลนั้น ด้วยการได้สัญญานั้น เราไม่รู้จัก ทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งสัญญาในเสียง เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว. . .คำสอน ทราบว่า ท่านพระโฆสสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย ประการฉะนี้แล. จบโฆสสัญญกเถราปทาน
สัพพผลทายกเถราปทานที่ 9 (519)ว่าด้วยผลแห่งการถวายผลไม้ต่าง ๆ[109] ครั้งนั้น เราเป็นพราหมณ์มีนาม ชื่อว่า วรุณะ เป็นผู้เรียนจบมนต์ ทิ้งบุตร 10 คน เข้าไปกลางป่า สร้างอาศรมอย่างสวยงาม สร้าง บรรณศาลาจัดไว้เป็นห้อง ๆ น่ารื่นรมย์ใจ อาศัย อยู่ในป่าใหม่ พระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ทรงรู้ แจ้งโลก ผู้สมควรรับเครื่องบูชา ทรงพระประ- สงค์จะช่วยเหลือเรา พระองค์จึงได้เสด็จมายัง อาศรมของเรา พระรัศมีได้แผ่กว้างใหญ่ตลอดไพรสณฑ์ ครั้งนั้น ป่าใหญ่โพลงไปด้วยพุทธานุภาพ เรา เห็นปาฏิหาริย์ของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด ผู้ คงที่ ได้เก็บเอาไปไม้มาเย็บเป็นกระทง แล้วเอา ผลไม้ใส่จนเต็มหาบ เข้าไปเฝ้าพระสัมมา- พุทธเจ้าแล้วได้ถวายพร้อมทั้งหาบ เพื่อทรง อนุเคราะห์เรา พระพุทธเจ้าได้ตรัสแก่เราว่า ท่านจงถือเอาหาบเดินตามหลังเรามา เมื่อ สงฆ์บริโภคแล้ว บุญจักมีแก่ท่าน |