เมนู

กณิการวรรคที่ 51



ตีณิกณิการปุปผิยเถราปทานที่ 1 (501)



ว่าด้วยผลแห่งการถวายดอกกรรณิการ์



[91] พระสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สุเมธะ
มีพระมหาปุริสลักษณะอันประเสริฐ 32 ประการ
พระองค์ทรงประสงค์ความสงัด จงเสด็จไปป่า
หิมพานต์
พระมุนีผู้มีเลิศ ประกอบด้วยพระกรุณา
เป็นอุดมบุรุษ เสด็จถึงป่าหิมพานต์แล้ว ประทับ
นั่งขัดสมาธิ
ครั้งนั้น เราเป็นวิทยาธรสัญจรไปใน
อากาศ เราถือตรีศูลซึ่งกระทำไว้ดีแล้วเหาะไปใน
อัมพร
พระพุทธเจ้าส่องสว่างอยู่ในป่า เหมือน
ไฟบนยอดภูเขา เหมือนพระจันทร์ในวันเพ็ญ
และเหมือนต้นพระยารังที่มีดอกบานฉะนั้น
เราออกจากป่าเหาะไปตามพระรัศมีพระ-
พุทธเจ้าเห็นคล้ายกับสีของไฟที่ไหม้อ้อ ยังจิต
ให้เลื่อมใส

เราเลือกเก็บดอกไม้อยู่ ได้เห็นดอก-
กรรณิการ์ที่มีกลิ่นหอมจึงเก็บเอา 3 ดอก บูชา
พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด
ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า ครั้งนั้น
ดอกไม้ของเราทั้ง 3 ดอกเอาขั้วขึ้นเอากลีบลงทำ
เป็นเงา (บัง) แด่พระศาสดา
ด้วยกรรมที่ได้ทำไว้ดีแล้วนั้น และด้วย
การตั้งเจตน์จำนงไว้ เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไป
สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
วิมานของเราสูง 60 โยชน์ กว้าง 30
โยชน์ อันบุญกรรมทำให้อย่างสวยงามในดาวดึงส์
นั้น ปรากฏชื่อว่า กรรณิการ์ แล่งธนูตั้งพัน ลูก
คลีหนัง 7 ลูก คนถือธงสำเร็จด้วยสีเขียวใบไม้
หิ้งแขวนตั้งแสน ปรากฏในปราสาทของเรา
บัลลังก์สำเร็จด้วยทองก็มี สำเร็จด้วย
แก้วมณีก็มี สำเร็จด้วยแก้วทับทิมก็มี สำเร็จ
ด้วยแก้วผลึกก็มี ตามแต่จะต้องการปรารถนา
ที่นอนมีค่ามากยัดด้วยนุ่น มีผ้าลาดลาย
รูปสัตว์ต่างๆ มีราชสีห์เป็นต้น ผ้าลาดมีชายเดียว
มีหมอนพร้อม ปรากฏว่ามีอยู่ในปราสาทของเรา
ในเวลาที่เราปรารถนาจะออกจากภพเที่ยว
จาริกไปในเทวโลก ย่อมเป็นผู้อันหมู่เทวดาแวด-
ล้อมไป

เราสถิตอยู่ภายใต้ดอกไม้ เบื้องบนเรามี
ดอกไม้เป็นเครื่องกำบัง สถานที่โดยรอบร้อย
โยชน์ ถูกคลุมด้วยดอกกรรณิการ์
นักดนตรี 6 หมื่นบำรุงเราทั้งเช้าและเย็น
ไม่เกียจคร้าน แวดล้อมเราเป็นนิตย์ ตลอดคืน
ตลอดวัน
เรารื่นรมย์ด้วยการฟ้อน การขับและ
ด้วยกังสดาล เครื่องประโคม เป็นผู้มักมากด้วย
กาม บันเทิงอยู่ด้วยความยินดีในการเล่น
ครั้งนั้น เราบริโภคและดื่มในวิมานนั้น
บันเทิงอยู่ในไตรทศ เราพร้อมด้วยหมู่นางเทพ
อัปสร บันเทิงอยู่ในวิมานอันสูงสุด
เราได้เสวยราชสมบัติในเทวโลก 500
ครั้ง ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 300 ครั้ง
และได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์
โดยคณานับมิได้ เมื่อเรายังท่องเที่ยวอยู่ในภพ
น้อยภพใหญ่ ย่อมได้โภคทรัพย์มากมาย ความ
บกพร่องในโภคทรัพย์ ไม่มีแก่เราเลย นี้เป็น
ผลแห่งพุทธบูชา
เราท่องเที่ยวอยู่ในสองภพคือ ในความ
เป็นเทวดาและในความเป็นมนุษย์ คติอื่นไม่รู้จัก
นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา

เราเกิดในสองสกุล คือ ในสกุลกษัตริย์
หรือสกุลพราหมณ์ ย่อมไม่เกิดในสกุลอันต่ำทราม
นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา
ยานช้าง ยานม้า และวอคานหาม นี้เรา
ได้ทุกสิ่งทุกอย่างทีเดียว นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา
หมู่ทาส หมู่ทาส และนารีที่ประดับ
ประดาแล้ว เราได้ทุกอย่างทีเดียว นี้เป็นผลแห่ง
พุทธบูชา
ผ้าแพร ผ้าขนสัตว์ ผ้าเปลือกไม้ ผ้า
ฝ้าย เราได้ทุกชนิด นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา
ผ้าใหม่ ผลไม้ใหม่ โภชนะมีรสอันเลิศ
ใหม่ ๆ เราได้ทุกชนิด นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา
คำว่า เชิญเคี้ยวสิ่งนี้ เชิญบริโภคสิ่งนี้
เชิญนอนบนที่นอนนี้ เราได้ทั้งนั้น นี้เป็นผลแห่ง
เราเป็นผู้อันเขาบูชาในที่ทุกสถาน เรา
มียศใหญ่ยิ่ง มีศักดิ์ใหญ่ มีบริษัทไม่แตกแยก
ทุกเมื่อ เราเป็นผู้อุดมกว่าหมู่ญาติ นี้เป็นผลแห่ง
พุทธบูชา
เราไม่รู้จักหนาว ไม่รู้จักร้อน ไม่มีความ
กระวนกระวาย อนึ่ง ทุกข์ทางจิตย่อมไม่มีในหทัย
ของเราเลย

เราเป็นผู้มีผิวพรรณดังทองคำ เที่ยวไป
ในภพน้อยภพใหญ่ ความเป็นผู้มีวรรณะผิดแผก
ไป เราไม่รู้จักเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา
เราอันกุศลมูลตักเตือนแล้ว จึงจุติจาก
เทวโลก มาเกิดในสกุลพราหมณ์มหาศาลอัน
มั่งคั่ง ในพระนครสาวัตถี
ละกามคุณ 5 ออกบวชเป็นบรรพชิต
เรามีอายุได้ 7 ขวบแต่กำเนิ ได้บรรลุอรหัต
พระพุทธเจ้าผู้มีพระปัญญาจักษุ ทรง
ทราบถึงคุณของ เรา จึงรับสั่งให้เราอุปสมบท
เรายังหนุ่ม ก็ควรบูชา นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา
ทิพยจักษุของเราบริสุทธิ์ เราฉลาดใน
สมาธิ ถึงความบริบูรณ์แห่งอภิญญา นี้เป็นผล
แห่งพุทธบูชา
เราบรรลุปฏิสัมภิทา ฉลาดหลักแหลม
ในอิทธิบาท ถึงความบริบูรณ์ในพระสัทธรรม นี้
เป็นผลแห่งพุทธบูชา
ในกัปที่ 3 หมื่น เราได้บูชาพระพุทธเจ้า
ใด ด้วยการบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็น
ผลแห่งพุทธบูชา
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว . . .คำสอน
ของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.

ทราบว่า ท่านพระตีณิกณิการปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบตีณิกณิการปุปผิยเถราปทาน

เอกปัตตทายกเถราปทานที่ 2 (502)



ว่าด้วยผลแห่งการถวายบาตร



[92] ข้าพระองค์เป็นช่างหม้ออยู่ใน
พระนครหังสวดี ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจาก
กิเลสธุลี มีโอฆะอันข้ามได้แล้ว ไม่มีอาสวะ
ข้าพระองค์ได้ถวายบาตรดินที่ทำดีแล้ว
แด่พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด ครั้นถวายบาตร
แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ตรงผู้คงที่แล้ว
เมื่อข้าพระองค์เกิดในภพ ย่อมได้ภาชนะ
ทองและจานที่ทำด้วยเงิน ทำด้วยทอง และทำ
ด้วยแก้วมณี
ข้าพระองค์บริโภคในถาด นี้เป็นผลแห่ง
บุญกรรม ข้าพระองค์เป็นผู้เลิศกว่าชนทั้งหลาย
โดยยศ
พืชแม้ถึงน้อย แต่หว่านลงในนาดี เมื่อฝน
ยังท่อธารให้ตกลงทั่วโดยชอบ ผลย่อมยังชาวนา
ให้ยินดีได้ ฉันใด