เมนู

ทั้งหมดแล้ว ตัดกิเลสเครื่องผูก ดังช้างตัดเชือก
แล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่
การที่ข้าพระองค์ไม่มาในสำนักของพระ-
พุทธเจ้าของข้าพระองค์นี้ เป็นการมาดีแล้ว,
วิชชา 3 ข้าพระองค์บรรลุแล้วโดยลำดับ คำสอน
ของพระพุทธเจ้า ข้าพระองค์ได้ทำสำเร็จแล้ว
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4
วิโมกข ์ 8 และอภิญญา 6 ข้าพระองค์ทำให้แจ้ง
แล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพระองค์ได้
กระทำเสร็จแล้ว ดังนี้
ทราบว่า ท่านพระเอกฉัตติยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล
จบเอกฉัตตติยเถราปทาน


ติณสูลกฉาทนิยเถรปทานที่ 3 (413)



ว่าด้วยผลแห่งการถวายดอกมะลิซ้อนเป็นพุทธบูชา



[3] ครั้งนั้น เราได้พิจารณาถึงความ
เกิด ความแก่ และความตาย ผู้เดียว ได้ออกบวช
เป็นบรรพชิต

เราเที่ยวไปโดยลำพัง ได้ไปถึงฝั่งแม่น้ำ
คงคา ได้เห็นพื้นแผ่นดินที่ฝั่งแม่น้ำคงคานั้น
เรียบราบ สม่ำเสมอ

จึงได้สร้างอาศรมขึ้นที่ฝั่งแม่น้ำคงคานั้น
อยู่ในอาศรมของเรา ที่จงกรม ซึ่งประกอบด้วย
หมู่นกนานาชนิด เราได้ทำไว้อย่างสวยงาม
สัตว์ทั้งหลายอยู่ใกล้เรา และส่งเสียง
รื่นรมย์ เรารื่นรมย์อยู่กับสัตว์เหล่านั้นอยู่ใน
อาศรม
ที่ใกล้อาศรมของเรามีมฤคราชสี่เท้าออก
จากที่อยู่แล้ว มันคำรามเหมือนอสนีบาต
ก็เมื่อมฤคราชคำราม เราเกิดความร่าเริง
เราค้นหามฤคราชอยู่ ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้นำโลก
ครั้นได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้นำชั้นเลิศของ
โลกพระนามว่าติสสะ ผู้ประเสริฐกว่าเทวดาแล้ว
เป็นผู้ร่าเริง มีจิตบันเทิง เอาดอกกากะทิงบูชา
พระองค์
ได้ชมเชยพระผู้นำโลก ผู้เด่นเหมือน
พระอาทิตย์ บานเหมือนดอกไม้พญารัง รุ่งโรจน์
เหมือนดาวประกายพฤกษ์ว่า
พระองค์ผู้สัพพัญญู ทำให้พระองค์พร้อม
ทั้งเทพยดาให้สว่าง ด้วยพระญาณของพระองค์
บุคคลทำให้พระองค์โปรดปรานแล้ว ย่อมพ้นจาก
ชาติได้
เพราะไม่ได้เฝ้าพระสัพพัญญูพุทธเจ้า
ผู้เห็นธรรมทั้งปวง สัตว์ทั้งหลายที่ถูกราคะและ
โทสะทับถม จึงพากันตกนรกอเวจี

เพราะอาศัยการได้เข้าเฝ้าพระองค์ผู้สัพ-
พัญญูนายกของโลก สัตว์ทั้งปวงจึงหลุดพ้นจากภพ
ย่อมถูกต้องอมตบท
เมื่อใด พระพุทธเจ้าผู้มีพระปัญญาจักษุ
เปล่งรัศมี อุบัติขึ้น เมื่อนั้น พระองค์ทรงเผา
กิเลสแล้ว ทรงแสดงแสงสว่าง
เราได้กล่าวสดุดีพระสัมพุทธเจ้าพระนาม
ว่าติสสะ ผู้เป็นนายกชั้นเลิศของโลกแล้ว เป็น
ผู้ร่าเริงมีจิตบันเทิง เอาดอกมะลิซ้อนบูชาพระองค์
พระพุทธเจ้าพระนามว่าติสสะผู้นำชั้น
เลิศของโลกทรงทราบความดำริของเรา ประทับ
นั่งบนอาสนะของพระองค์แล้ว ได้ตรัสพระคาถา
เหล่านี้ว่า
ผู้ใดเป็นผู้เลื่อมใส ได้เอาดอกไม้บังเรา
ด้วยมือของตน เราจักพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้ง
หลายจงฟังเรากล่าว
ผู้นั้นจักเสวยทิพยสมบัติในเทวโลก 25
ครั้ง จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 75 ครั้ง จักได้
เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์โดยคณนานับ
มิได้ ผลแห่งกรรมนั้นเป็นผลแห่งการบูชาด้วย
ดอกไม้
ก็บุรุษที่ได้เอาดอกไม้บังเราทั้งเย็นและ
เช้า เป็นผู้ประกอบด้วยบุญกรรม จักปรากฏต่อไป
ข้างหน้า

เขาปรารถนาสิ่งใด ๆ สิ่งนั้น ๆ จักปรากฏ
ตามความในประสงค์ เขาทำความดำริชอบให้
บริบูรณ์แล้ว จักเป็นผู้ไม่มีอาสวะ ปรินิพพาน
เขาเผากิเลส มีสติสัมปชัญญะ นั่งบน
อาสนะเดียว บรรลุอรหัตได้
เราเมื่อเดินยืน นั่ง หรือนอน ย่อมระลึก
ถึงพระพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐสุด อยู่ทุกขณะ
ความพร่องในปัจจัยนั้น ๆ คือ จีวร
บิณฑบาต ที่นอน ที่นั่ง และคิลานปัจจัย มิได้มี
แก่เรา นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา
บัดนี้ เราบรรลุอมตบท อันสงบระงับ
เป็นธรรมยอดเยี่ยม กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว
เป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่
ในกัปที่ 92 แต่กัปนี้ เราได้บูชาพระ-
พุทธเจ้าอันใด ด้วยการบูชานั้น เราจึงไม่รู้จัก
ทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ถอนภพขึ้นได้
ทั้งหมดแล้ว ตัดกิเลสเครื่องผูกดังช้างตัดเชือก
แล้ว เป็นผู้ไม่มี อาสวะอยู่
การที่เราได้มาในสำนักพระพุทธเจ้าของ
เรานี้ เป็นการมาดีแล้วหนอ วิชชา 3 เราได้
บรรลุแล้วโดยลำดับ คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว

คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4
วิโมกข์ 8 และอภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ว
คำสอนของพระพุทธเจ้าเราทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระติณสูลกฉาทนิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล
จบติณสูลกฉาทนิยเถราปทาน


411. - 413.อรรถกถาภัททาลิวรรคที่ 42



อุปทานที่ 1 อปทานที่ 2 และอุปทานที่ 3 ในวรรคที่ 42 มีเนื้อ
ความพอจะกำหนดรู้ได้โดยง่าย คามลำดับ แห่งนัยนั่นแล.
จบอรรถกถาภัตทาลิวรรคที่ 42

มธุมังสทายกเถรปทานที่ 4 (414)



[4] เราเป็นคนฆ่าหมูอยู่ในนครพันธุมดี
เราเลือกเอาเนื้อดี ๆ มาเทลงแช่น้ำผึ้ง เราได้ไป
สู่ที่ประชุมสงฆ์ ถือเอาบาตรมาใบหนึ่ง เอาเนื้อ
ใส่บาตรนั้นให้เต็มแล้วได้ถวายแก่พระภิกษุสงฆ์
ครั้งนั้น เราได้ถวายแก่พระสงฆ์เถระ
ด้วยคิดว่า เพราะเอาเนื้อใส่บาตรให้เต็มนี้ เราจัก
ได้สุขอันไพบูลย์