เมนู

สัพพทายกเถราปทานที่ 9 (399)


ว่าด้วยผลแห่งการถวายทานทุกสิ่งทุกอย่าง


[401] ภพของเราหยั่งลงถึงมหาสมุทร ตกแต่งดีแล้ว สระ
โบกขรณี ตกแต่งสวยงาม มีนกจากพรากส่งเสียงร้องอยู่.

ดารดาษด้วยบัวขม บัวเผื่อน บัวหลวงและอุบล ในสระ
นั้นมีน้ำไหล มีท่าน้ำราบเรียบ น่ารื่นรมย์ใจ.

มีปลาและเต่าชุกชุม มีเนื้อต่าง ๆ ลงกินน้ำ มีนกยูง
นกกระเรียนและนกดุเหว่าเป็นต้นร่ำร้องด้วยเสียงไพเราะ นก
เขา นกเป็ดน้ำ นกจากพราก นกกาน้ำ นกต้อยตีวิด นก
สาลิกา นกค้อนหอย นกโพระดก หงส์ นกกระเรียน นก
แสก ช้างตระกูลปิงคลา เที่ยวอยู่มากมาย สระโบกขรณี
สมบูรณ์ด้วยแก้ว 7 ประการ มีแก้วมณี ไข่มุกและทราย.
ต้นไม้ทั้งหลายเป็นสีทองทั้งหมด มีกลิ่นหอมต่าง ๆ ฟุ้ง
ขจรไป ส่องภพของเราให้สว่างไสวตลอดกาลทั้งปวง ทั้ง
กลางวันกลางคืน.

นักดนตรีหกหมื่น ประโคมอยู่ทั้งเวลาเย็นเวลาเช้า หญิง
1,600 คนห้อมล้อมเราอยู่ทุกเมื่อ.

เราออกจากภพแล้ว ได้เห็นพระพุทธเจ้าพระนามว่า สุเมธ
ผู้นำของโลก มีจิตเลื่อมรสโสมนัส ได้ถวายบังคมพระองค์
ผู้มียศมาก.

ครั้นถวายบังคมแล้ว ได้ทูลนิมนต์พระองค์พร้อมด้วยศิษย์
พระพุทธเจ้าผู้เป็นนักปราชญ์ พระนามว่า สุเมธ ผู้นำของ
โลก ทรงรับ.

พระมหามุนีทรงกระทำธรรมกถาแก่เราแล้วทรงส่งเราไป
เราถวายบังคมพระสัมพุทธเจ้าแล้วกลับเข้าสู่ภพของเรา.

เราเรียกบริวารชนมากว่า ท่านทั้งหมดจงมาประชุมกัน
เวลาเช้าพระพุทธเจ้าจะเสด็จมาสู่ภพของเรา.

การที่เราทั้งหลายจะได้อยู่ในสำนักของพระองค์ เป็นลาภ
ที่เราทั้งหลายได้ดีหนอ แม้เราทั้งหลายจักทำการบูชาแด่พระ-
พุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด ผู้ศาสดา.

เราตระเตรียมข้าวและน้ำเสร็จแล้ว จึงกราบทูลภัตกาล
พระพุทธเจ้าผู้นำของโลก เสด็จเข้ามาพร้อมด้วยพระอรหันต์
หนึ่งแสน.

เราได้ทำการต้อนรับด้วยสังคีตและดนตรี พระพุทธเจ้า
ผู้เป็นอุดมบุรุษ ประทับนั่งบนตั่งทองคำล้วน.

ในกาลนั้น หลังคาเบื้องบนก็มุงด้วยทองคำล้วน ๆ คน
ทั้งหลายโบกพัดถวายในระหว่างภิกษุสงฆ์.

เราได้อังคาสภิกษุสงฆ์ให้อิ่มหนำด้วยข้าวและน้ำเพียงพอ
ได้ถวายผ้าแก่ภิกษุสงฆ์รูปละ 1 คู่.

พระพุทธเจ้าที่เขาเรียกพระนามว่า สุเมธ ผู้สมควรรับ
เครื่องบูชาของโลก ประทับนั่งในท่ามกลางภิกษุสงฆ์แล้ว ได้
ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า

ผู้ใดอังคาสเราให้อิ่มหนำด้วยข้าวและน้ำทั้งปวง เราจัก
พยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว

ผู้นั้นจักรื่นรมย์อยู่ในเทวโลกตลอด 1,800 กัป จักได้เป็น
พระเจ้าจักรพรรดิราช 1,000 ครั้ง.

ผู้นั้นจะเข้าถึงกำเนิดใด คือ เป็นเทวดาหรือมนุษย์ ใน
กำเนิดนั้น หลังคาทองคำล้วน ๆ จักกั้นร่มให้ในทุกขณะ.

ในสามหมื่นกัป พระศาสดามีพระนามชื่อว่า โคดม ซึ่งมี
สมภพในวงศ์พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จอุบัติในโลก.

ผู้นั้นจักเป็นทายาทในธรรมของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เป็นโอรสอันธรรมนิรมิต จักกำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว เป็น
ผู้ไม่มีอาสวะ นิพพาน.

จักนั่งในท่ามกลางภิกษุสงฆ์แล้วบันลือสีหนาท ชนทั้ง-
หลายจะกั้นฉัตรไว้ที่เชิงตะกอน จักเผาภายใต้ฉัตร.

สามัญผลเราบรรลุแล้วโดยลำดับ กิเลสทั้งหลายเราเผา
แล้ว ความเร่าร้อนไม่มีแก่เราที่มณฑปหรือที่โคนไม้.

ในกัปที่สามหมื่น แต่กัปนี้ เราได้ถวายทานใดในกาลนั้น
ด้วยทานนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งทานทุกสิ่ง.

เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ถอนภพขึ้นได้หมดแล้ว ตัด
กิเลสเครื่องผูกดังช้างตัดเชือกแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่.

การที่เราได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้าของเรานี้ เป็นการ

มาดีแล้วหนอ วิชชา 3 เราบรรลุแล้วโดยลำดับ คำสอนของ
พระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว.

คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และ
อภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว
ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระสัพพทายกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบสัพพทายกเถราปทาน

อชิตเถราปทานที่ 10 (400)


ว่าด้วยผลแห่งการถวายประทีป


[402] พระชินเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ทรงรู้จบธรรมทั้งปวง
ผู้นายกของโลก เสด็จสู่ภูเขาหิมวันต์ แล้วประทับนั่งอยู่.

เราไม่ได้ (เคย) เห็นพระสัมพุทธเจ้า แม้เสียงของ
พระองค์ เราก็ไม่เคยได้ฟัง เราเที่ยวแสวงหาอาหารของเรา
อยู่ในป่า.

ได้เห็นพระสัมพุทธเจ้ามีพระลักษณะอันประเสริฐ 32
ประการในป่านั้น ครั้นเห็นแล้วจึงได้คิดว่า สัตว์นี้ชื่อว่า
อะไร.