สลฬมัณฑปิยเถราปทานที่ 8 (398)
ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยดอกสน
[400] เมื่อพระพุทธเจ้าพระนามว่า กกุสันธะ มีพระชาติเป็น
พราหมณ์ มีธรรมอยู่จบแล้ว นิพพานแล้ว เราได้เก็บเอาพวง
ดอกสนมาทำเป็นมณฑป.
เราเป็นผู้ไปสู่ดาวดึงส์ ย่อมได้วิมานอันอุดม ย่อมครอบงำ
เทวดาเหล่าอื่น นี้เป็นผลแห่งบุญกรรม.
เราเดินจงกรม และขึ้นอยู่ในเวลากลางวันหรือกลางคืน
เป็นผู้อันดอกสนกำบังไว้ นี้เป็นผลแห่งบุญกรรม.
ในกัปนี้เองเราได้บูชาพระพุทธเจ้าใด ด้วยการบูชานั้น
เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา.
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ถอนภพขึ้นได้ทั้งหมดแล้ว ตัด
กิเลสเครื่องผูกดังช้างตัดเชือกแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่.
การที่เราได้มาในสำนักพระพุทธเจ้าของเรานี้ เป็นการ
มาดีแล้วหนอ วิชชา 3 เราบรรลุแล้วโดยลำดับ คำสอนของ
พระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว.
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และ
อภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระสลฬมัณฑปิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านั้น ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบสลฬมัณฑปิยเถราปทาน
สัพพทายกเถราปทานที่ 9 (399)
ว่าด้วยผลแห่งการถวายทานทุกสิ่งทุกอย่าง
[401] ภพของเราหยั่งลงถึงมหาสมุทร ตกแต่งดีแล้ว สระ
โบกขรณี ตกแต่งสวยงาม มีนกจากพรากส่งเสียงร้องอยู่.
ดารดาษด้วยบัวขม บัวเผื่อน บัวหลวงและอุบล ในสระ
นั้นมีน้ำไหล มีท่าน้ำราบเรียบ น่ารื่นรมย์ใจ.
มีปลาและเต่าชุกชุม มีเนื้อต่าง ๆ ลงกินน้ำ มีนกยูง
นกกระเรียนและนกดุเหว่าเป็นต้นร่ำร้องด้วยเสียงไพเราะ นก
เขา นกเป็ดน้ำ นกจากพราก นกกาน้ำ นกต้อยตีวิด นก
สาลิกา นกค้อนหอย นกโพระดก หงส์ นกกระเรียน นก
แสก ช้างตระกูลปิงคลา เที่ยวอยู่มากมาย สระโบกขรณี
สมบูรณ์ด้วยแก้ว 7 ประการ มีแก้วมณี ไข่มุกและทราย.
ต้นไม้ทั้งหลายเป็นสีทองทั้งหมด มีกลิ่นหอมต่าง ๆ ฟุ้ง
ขจรไป ส่องภพของเราให้สว่างไสวตลอดกาลทั้งปวง ทั้ง
กลางวันกลางคืน.
นักดนตรีหกหมื่น ประโคมอยู่ทั้งเวลาเย็นเวลาเช้า หญิง
1,600 คนห้อมล้อมเราอยู่ทุกเมื่อ.
เราออกจากภพแล้ว ได้เห็นพระพุทธเจ้าพระนามว่า สุเมธ
ผู้นำของโลก มีจิตเลื่อมรสโสมนัส ได้ถวายบังคมพระองค์
ผู้มียศมาก.