ธัมมสวนิยเถราปทานที่ 9 (339)
ว่าด้วยผลแห่งการฟังธรรม
[341] พระชินเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ทรงรู้จบธรรมทั้งปวง
ทรงประกาศสัจจะ 4 ยังชนเป็นอันมากให้ข้ามพ้น (ทุกข์)
สมัยนั้น เราเป็นชฎิลผู้มีตบะอันสูงเด่น สลัดผ้าเปลือกไม้
กรอง (ผ้าคากรอง) เหาะไปในอัมพรในบัดนั้น.
แต่เราไม่อาจจะไปในเบื้องบนแห่งพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ
สุดได้ เวลานั้น เราเป็นเหมือนนกกระทบหินไปไม่ได้.
ความเป็นไปที่ผิดแปลกเช่นนี้ ไม่เคยมีแก่เราเลย เรา
เหาะไปในอัมพร เหมือนดังหลังคาไปในน้ำ.
ก็มนุษย์ซึ่งเป็นผู้ประเสริฐ จักมีอยู่ภายใต้นี้กระมังหนอ
ถ้าเช่นนั้น เราจักค้นหาเขา บางทีจะพึงได้ประโยชน์บ้าง.
เมื่อเราลงจากอากาศ ได้ฟังเสียงของพระศาสดาซึ่งกำลัง
ตรัสอนิจจตาอยู่ เราจึงเรียนอนิจจตานั้นในขณะนั้น.
ครั้นเรียนอนิจจสัญญาแล้ว ได้กลับไปสู่อาศรมของเรา
เราอยู่ตลอดกำหนดอายุแล้ว ทำกาลกิริยา ณ ที่นั้น.
เมื่อภพที่สุดยังเป็นไปอยู่ เราระลึกถึงการฟังธรรมนั้นได้
ด้วยกุศลกรรมที่เราทำแล้วนั้น เราไปสู่ดาวดึงส์.
เรารื่นรมย์อยู่ในเทวโลกตลอดสามหมื่นกัป ได้เสวยรัช-
สมบัติในเทวโลก 51 ครั้ง.
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 71 ครั้ง และได้เป็นพระเจ้า
ประเทศราชอันไพบูลย์ โดยจะคณนานับมิได้.
พระสมณะผู้มีอินทรีย์อันอบรมแล้ว นั่งบนเรือนของบิดา
แสดงคาถาเปล่งวาจาถึงความไม่เที่ยง.
เราระลึกถึงสัญญานั้นได้ ท่องเที่ยวอยู่ในภพน้อยภพใหญ่
ยังไม่ได้แทงตลอดซึ่งที่สุด คือนิพพานอันเป็นบทไม่เคลื่อน.
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีความเกิดขึ้นและเสื่อมไป
เป็นธรรมดา เกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป ความที่สังขารเหล่านั้น
สงบระงับเป็นสุข.
เราระลึกถึงบุรพกรรมได้ พร้อมกับได้ฟังคาถา เรานั่งอยู่
บนอาสนะเดียวนั่นเอง ได้บรรลุพระอรหัต.
เรามีอายุ 7 ปีแต่กำเนิด ได้บรรลุพระอรหัต พระพุทธเจ้า
ผู้มีพระจักษุทรงรู้คุณแล้ว ให้เราอุปสมบท.
กิจอะไรที่เราพึงทำในวันนี้ ในศาสนาของพระศากยบุตร
เรายังเป็นเด็กอยู่เทียว ได้ทำกิจที่พึงทำนั้นสำเร็จแล้ว.
ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ เราทำกรรมใด ในกาลนั้น ด้วย
กรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลเพราะการฟังธรรม.
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และ
อภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระธัมมสวนิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบธัมมสวนิยเถราปทาน
อุกขิตตปทุมิยเถราปทานที่ 10 (340)
ว่าด้วยผลแห่งดอกปทุมดอกเดียว
[342] ในกาลนั้น เราเป็นช่างดอกไม้อยู่ในพระนครหังสวดี
เราลงสู่สระปทุมเลือกเก็บดอกบัวอยู่.
พระชินเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ทรงรู้จบธรรมทั้งปวง
เป็นอุดมบุรุษ ทรงแสวงหาความเจริญแก่เรา จึงเสด็จมา
พร้อมด้วยพระขีณาสพตั้งแสน ผู้มีจิตสงบระงับ ผู้คงที่
บริสุทธิ์ ได้อภิญญา 6 เพ่งฌาน.
เราได้เห็นพระสยัมภู ผู้ประเสริฐกว่าเทวดา เป็นนายก
ของโลก จึงเก็บดอกบัวที่ก้านแล้วโยนขึ้นไป [ บูชา ] ใน
อากาศ.
ในขณะนั้น [ด้วยเปล่งวาจาว่า] ข้าแต่พระธีรเจ้า ถ้าพระ-
องค์เป็นพระพุทธเจ้าเชษฐบุรุษของโลก ประเสริฐกว่านระไซร้
ขอดอกบัวจงไปตั้งอยู่เหนือพระเศียรของพระพุทธเจ้าเองเถิด.
พระมหาวีรเจ้า เชษฐบุรุษของโลก ผู้ประเสริฐกว่านระ
ทรงอธิษฐานแล้ว ดอกบัวเหล่านั้นได้ตั้งอยู่เหนือพระเศียรด้วย
พระพุทธานุภาพ.
ด้วยกุศลกรรมที่เราทำมาแล้วนั้น และด้วยการตั้งจิตมั่น
เราละกายมนุษย์แล้ว ได้ไปสู่ชั้นดาวดึงส์.
ในชั้นดาวดึงส์นั้น วิมานของเราบุญกรรมสร้างให้อย่าง
สวยงาม เรียกชื่อว่า สัตตปัตตะ สูง 60 โยชน์ กว้าง
30 โยชน์.