เมนู

สปริวารฉัตตทายกเถราปทานที่ 10(330)


ว่าด้วยผลแห่งการถวายฉัตร


[332] พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ทรงรู้แจ้ง
โลก สมควรรับเครื่องบูชา ทรงยังฝนคือธรรมให้ตกอยู่
เหมือนน้ำฝนในอากาศ.

ข้าพระองค์ได้เห็นพระสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นทรงแสดง
อมตบทอยู่ ยังจิตของตนให้เลื่อมใสแล้วได้ไปสู่เรือนของตน.

ข้าพระองค์ถือเอาฉัตรที่ประดับแล้ว เข้าไปเฝ้าพระสัม-
พุทธเจ้าผู้อุดมกว่านระ ข้าพระองค์มีจิตโสมนัสยินดีโยนฉัตร
ขึ้นไปบนอากาศ.

พระสาวกผู้อุดมฝึกตนแล้ว เสมือนยานที่สงเคราะห์ดีแล้ว
เข้าไปเฝ้าพระสัมพุทธเจ้าแล้ว ตั้งฉัตรไว้เหนือพระเศียร.

พระพุทธเจ้าผู้อนุเคราะห์ กอปรด้วยพระกรุณา อัครนายก
ของโลก ประทับนั่งท่ามกลางภิกษุสงฆ์แล้ว ได้ตรัสพระ-
คาถาเหล่านี้ว่า

ผู้ใดถวายฉัตรอันประดับแล้วเป็นที่รื่นรมย์ใจนี้ ด้วยจิตที่
เลื่อมใสนั้น ผู้นั้นจะไม่ไปสู่ทุคติเลย.

จักได้เสวยเทวรัชสมบัติในเทวดา 7 ครั้ง และจักได้เป็น
พระเจ้าจักรพรรดิ 32 ครั้ง.

ในแสนกัปแต่กัปนี้ พระศาสดามีพระนามว่า โคดม
ซึ่งมีสมภพในวงศ์พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จอุบัติในโลก.

ผู้นั้นจักเป็นโอรสผู้รับมรดกในธรรมของพระศาสดาพระ-
องค์นั้น อันธรรมนิรมิต จักรู้ทั่วถึงพระดำรัสที่พระพุทธเจ้า-
เปล่งเป็นอาสภิวาจา กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว จักเป็นผู้
ไม่มีอาสวะ นิพพาน ข้าพระองค์มีจิตเลื่อมใสโสมนัส ยัง
ความยินดีให้เกิดโดยยิ่ง.

ข้าพระองค์ละกำเนิดมนุษย์แล้ว ได้ไปสู่กำเนิดทิพย์
วิมานของข้าพระองค์สวยงาม สูงเยี่ยม เป็นที่รื่นรมย์ใจ.

เมื่อข้าพระองค์ออกจากวิมาน เทวดาทั้งหลายย่อมกั้นฉัตร
ขาวให้ ข้าพระองค์กลับได้สัญญาในกาลนั้น นี้เป็นผลแห่ง
บุรพกรรม.

ข้าพระองค์จุติจากเทวโลกแล้ว ได้มาสู่ความเป็นมนุษย์
ในกัปที่ 700 แต่กัปนี้ ข้าพระองค์ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
36 ครั้ง

จุติจากกายนั้นแล้ว ได้ไปสู่ไตรทศบุรี ท่องเที่ยวไปโดย
ลำดับแล้ว ได้มาสู่ความเป็นมนุษย์อีก.

ชนทั้งหลายได้กั้นฉัตรขาวให้ข้าพระองค์ผู้ลงสู่ครรภ์มารดา
ข้าพระองค์มีอายุ 7 ปี แต่กำเนิด ออกบวชเป็นบรรพชิต.

พราหมณ์มีนามว่า สุนันทะ รู้จบมนต์ เขาได้ถือเอา
ฉัตรมีสีดังแก้วผลึกมาถวายแก่พระอัครสาวก.

พระสารีบุตรมหาวีระ ผู้มีวาจาน่าบูชา อนุโมทนา
ข้าพระองค์ฟังอนุโมทนาของท่านแล้วระลึกถึงบุรพกรรมได้.

จึงประนมกรอัญชลี ยังจิตของตนให้เลื่อมใส ระลึกถึง

กรรมเก่าได้แล้ว ได้บรรลุถึงพระอรหัต.
ลุกจากอาสนะนั้นแล้ว ประนมกรอัญชลีเหนือเศียร ถวาย
บังคมพระสัมพุทธเจ้าแล้ว เปล่งวาจานี้ว่า

ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ ข้าพระองค์ได้ถวายฉัตรอันวิจิตร
ประดับสวยงามแด่พระพุทธเจ้า ผู้ยอดเยี่ยมในโลก พระนาม
ว่า ปทุมตตระ ทรงรู้แจ้งโลก สมควรรับเครื่องบูชา.

พระสยัมภูอัครบุคคล ทรงรับฉัตรอันวิจิตรตกแต่งดีแล้ว
ที่ข้าพระองค์ถวายแด่พระองค์ ด้วยพระหัตถ์ทั้งสอง.

โอ พระพุทธเจ้า โอ พระธรรมเจ้า โอ ความถึงพร้อม
แห่งพระศาสดา ได้มีแก่ข้าพระองค์ ด้วยการถวายฉัตรคันหนึ่ง
ข้าพระองค์ไม่เข้าถึงทุคติเลย.

ข้าพระองค์เผากิเลสทั้งหลายแล้ว ถอนภพทั้งปวงขึ้นได้
แล้ว กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่แล้ว.

คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และ
อภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว
ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระสปริวารฉัตตทายกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านั้น ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบสปริวารฉัตตทายกเถราปทาน

330. อรรถกถาปริวารฉัตตทายกเถราปทานที่ 10 เป็นต้น


อปทานที่ 8, 9, 10 มีเนื้อความปรากฏชัดดีแล้วทีเดียวแล.
จบอรรถกถาอุมมาปุปผิยวรรคที่ 33

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ


1. อุมมาปุปผิยเถราปทาน 2. ปุฬินปูชกเถราปทาน 3. หาสชนก-
เถราปทาน 4. ยัญญสามิกเถราปทาน 5. นิมิตตสัญญกเถราปทาน
6. อันนสังสาวกเถราปทาน 7. นิคคุณฑิปุปผิยเถราปทาน 8.สุมนาเวฬิย-
เถราปทาน 9. ปุปผฉัตติยเถราปทาน 10. สปริวารฉัตตทายกเถราปทาน
มีคาถา 107 คาถา.
จบอุมมาปุปผิยวรรคที่ 33