เมนู

ปัญจังคุลิยเถราปทานที่ 10 (170)


ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยของหอม


[172] เราได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้ามหามุนี พระนามว่าติสสะ
ผู้เป็นนาถะของโลก ประเสริฐกว่านระ กำลังเสด็จเข้าพระ-
คันธกุฎี อันเป็นพระวิหารสวยงาม.

จึงถือเอาของหอมและพวงดอกไม้ไปสู่สำนักพระชินเจ้า
และเราเป็นผู้มีศรัทธาน้อยในพระสัมพุทธเจ้า ได้ถวายบังคม.

ในกัปที่ 92 แต่กัปนี้ เราได้บูชาพระพุทธเจ้าด้วยของ
หอมใด ด้วยการบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่ง
การถวายบังคม.

ในกัปที่ 72 แต่กัปนี้ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช
มีนามว่าสยัมปกะ สมบูรณ์ด้วยแก้ว 7 ประการ มีพละมาก.

คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และ
อภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว
ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระปัญจังคุลิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้แล.
จบปัญจังคุลิยเถราปทาน

170. อรรถกถาปัญจังคุลิยเถราปทาน


อปทานของท่านพระปัญจังคุลิยเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ติสฺโส นามาสิ
ภควา
ดังนี้.
พระเถระแม้นี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้วในพระพุทธเจ้าพระองค์
ก่อน ๆ ทุก ๆ ภพนั้นจะสั่งสมแต่บุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานเป็น
ประจำเสมอ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า ติสสะ
ท่านได้เกิดในตระกูลแห่งหนึ่ง เจริญวัยแล้ว ดำรงอยู่ในเพศฆราวาส
สมบูรณ์ด้วยสมบัติ มีศรัทธาเลื่อมใส เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จ
พระราชดำเนินไปตามหนทางเข้าไปยังพระวิหาร ได้ถือเอาดอกไม้ที่มีกลิ่น
หอมหลากชนิดเช่นดอกมะลิเป็นต้น และเครื่องลูบไล้มีผงไม้จันทร์เป็นต้น
แล้ว ไปยังพระวิหาร เอาดอกไม้ทั้งหลายบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว
เอานิ้วทั้ง 5 แตะเครื่องลูบไล้ ลูบทาที่พระสรีระของพระผู้มีพระภาคเจ้า
แล้ว ถวายบังคมหลีกไป.
ด้วยบุญอันนั้น เขาจึงได้เสวยสมบัติทั้งสองในเทวโลกและมนุษย-
โลกแล้ว ในพุทธุปบาทกาลนี้ เขาได้เกิดในตระกูลแห่งหนึ่งซึ่งสมบูรณ์
ด้วยสมบัติ เจริญวัยแล้ว ได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาแล้ว มี
ใจเลื่อมใส บวชแล้วไม่นานก็ได้เป็นพระอรหันต์ เมื่อจะระลึกถึงบุพกรรม
ของตน ก็ทราบได้อย่างแจ่มชัด เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้
ประพฤติมาแล้วในกาลก่อนว่า เราได้บำเพ็ญกุศลกรรมชื่อนี้ไว้ จึงได้รับ
โลกุตรสมบัติเช่นนี้แล จึงกล่าวคำเริ่มต้นว่า ติสฺโส นามาสิ ภควา ดังนี้.
คำที่เหลือทั้งหมดนั้นมีเนื้อความง่ายทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาปัญจังคุลิยเถราปทาน
จบอรรถกถาสุปาริจริยวรรคที่ 17