เมนู

สูจิทายกเถราปทานที่ 4 (94)


ว่าด้วยผลแห่งการถวายเข็ม


[96] เมื่อก่อนเราเป็นช่างทองอยู่ในพระนครพันธุมะ อันประ-
เสริฐสุด เราได้ถวายเข็มแด่พระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
ญาณของเราเสมอด้วยแก้ววิเชียรอันเลิศ เป็นเช่นนี้นั้นเพราะ
กรรม เราเป็นผู้ปราศจากราคะ พ้นวิเศษแล้วบรรลุถึงธรรม
เป็นที่สิ้นอาสวะ ภพทั้งปวงทั้งที่เป็นอดีตอนาคตและปัจจุบัน
เราค้นคว้า (พิจารณา) ได้ด้วยญาณ นี้เป็นผลแห่งการถวาย
เข็ม ในกัปที่ 91 แต่กัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 7 ครั้ง
ทรงพระนามว่า วชิราสมะ ทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ว 7 ประการ
มีพละมาก.

คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และ
อภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว ฉะนี้แล.

ทราบว่า ท่านพระสูจิตายกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบสูจิทายกเถราปทาน

94. อรรถกถาสูจิทายกเถราปทาน


อปทานของท่านพระสูจิทายกเถระ มีคำเริ่มต้นว่า กมฺมาโรหํ ปุเร
อาสึ
ดังนี้.
พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญกุศลสมภารในพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ
บำเพ็ญพืชคือกุศลในระหว่าง ๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนาม
ว่า วิปัสสี บังเกิดในตระกูลแห่งช่างทอง เพราะถูกกรรมอย่างหนึ่งที่ตน
กระทำไว้ในระหว่าง ๆ ตัดรอน. เจริญวัยแล้ว ถึงความสำเร็จในศิลปะ
ด้วยตนเอง ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาแล้วมีใจเลื่อมใสได้ถวาย
เข็มสำหรับเย็บจีวร. ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านเสวยทิพยสมบัติ ครั้นภายหลัง
เกิดในมนุษย์ เสวยสมบัติทั้งหลายมีจักรพรรดิสมบัติเป็นต้น เป็นผู้มีปัญญา
หลักแหลม มีญาณดังเพชรในภพที่คนเกิดแล้ว ๆ. ในพุทธุปบาทกาลนี้
ท่านบังเกิดโดยลำดับ เจริญวัยแล้วมีทรัพย์มาก เกิดศรัทธามีปัญญา
หลักแหลม. วันหนึ่งท่านฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดา ส่งญาณไป
ตามกระแสแห่งธรรม ได้เป็นพระอรหันต์บนอาสนะที่ตนนั่งนั่นแล.
ท่านเป็นพระอรหันต์แล้วระลึกถึงบุพกรรมของตน เกิดโสมนัส
เมื่อจะประกาศปุพพจริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า กมฺมาโรหํ ปุเร อาสึ
ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กมฺมาโร ความว่า ช่างทองเป็นอยู่
งอกงาม ถึงความเจริญไพบูลย์ด้วยการงาน มีการงานที่ทำด้วยเหล็กและ
การงานที่ทำด้วยโลหะเป็นต้น ความว่า ในกาลก่อน คือในกาลบำเพ็ญบุญ
เราได้เป็นช่างทอง. คำที่เหลือในบททั้งปวงมีอรรถตื้นทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาสูจิทายกเถราปทาน