เมนู

นิปันนัญชลิกเถราปทานที่ 3 (83)


ว่าด้วยผลแห่งการประนมอัญชลีด้วยจิตเลื่อมใส


[85] เราเป็นไข้หนักนั่งอยู่ที่โคนไม้ในป่าชัฏใหญ่ เป็นผู้ควร
ได้รับความกรุณาอย่างยิ่ง.

พระศาสดาพระนามว่าติสสะ ทรงอนุเคราะห์เสด็จมาหา
เรา เรานั้นนอนอยู่ ได้ประนมอัญชลีเหนือเศียรเกล้า.

เรามีจิตเลื่อมใส มีจิตโสมนัส ถวายบังคมพระสัมพุทธเจ้า
ผู้สูงสุดกว่าสรรพสัตว์ แล้วได้ทำกาละ ณ ที่นั้น.

ในกัปที่ 92 แต่กัปนี้ เราถวายบังคมพระพุทธเจ้าผู้อุดม
บุรุษ ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการ
ถวายบังคม.

ในกัปที่ 5 แต่กัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 5 ครั้ง
มีพระนามว่า มหาสิขะ ทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ว 7 ประการ.
มีพละมาก.

คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และ
อภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว
ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระนิปันนัญชลิกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบนิปันนัญชลิกเถราปทาน

83. อรรถกถานิปันนัญชลิกเถราปทาน


อปทานของท่านพระนิปันนัญชลิกเถระ มีคำเริมต้นว่า รุกขมูเล
นิสินฺโนหํ
ดังนี้.
พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญกุศลสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ
สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแก่พระนิพพานในภพนั้น ๆ ในกาลแห่ง
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าติสสะ เจริญวัยแล้วบวชบำเพ็ญรุกขมูลิกังค-
ธุดงค์อยู่ในป่า. สมัยนั้นอาพาธกล้าเกิดขึ้น ท่านถูกอาพาธนั้นบีบคั้น
เป็นผู้น่าสงสารอย่างยิ่ง. ในกาลนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้เสด็จไป ณ ที่นั้น
ด้วยมีพระกรุณาแก่ท่าน. ขณะนั้นท่านนอนอยู่นั่นแล ไม่สามารถจะลุกได้
จึงประคองอัญชลีเหนือเศียรแล้ว ได้กระทำการนอบน้อมพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า. ท่านจุติจากอัตภาพนั้นแล้วเกิดในภพชั้นดุสิต เสวยสมบัติใน
ภพนั้น แล้วเสวยสมบัติในชั้นกามาวจรสวรรค์ 6 ชั้นด้วยอาการอย่างนี้
ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในเรือนมีตระกูลแห่งหนึ่ง เจริญวัยแล้ว
เลื่อมใสในพระศาสดา บวชแล้วไม่นานนักก็ได้เป็นพระอรหันต์. ด้วย
อำนาจบุญกรรมที่ตนทำไว้ในกาลก่อน ท่านจึงปรากฏโดยนามว่า นิปัน-
นัญชลิกถระ ดังนี้.
ครั้นภายหลัง ท่านตรวจดูบุญสมบัติของตน เกิดโสมนัส เมื่อจะ
ประกาศปุพพจริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า รุกฺขมูเล นิสินฺโนหํ
ดังนี้.
ในบทเหล่านั้น มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ ชื่อว่า รุกขะ เพราะงอกคือ
ชูขึ้นเบื้องบน ๆ อธิบายว่า ที่โคนคือที่ใกล้แห่งควงต้นไม้นั้น. บทว่า