เมนู

สกจิตตนิยวรรคที่ 7


สกจิตตนิยเถราปทานที่ 1 (61)


ว่าด้วยผลแห่งถวายสถูป


[63] เราได้เห็นป่าชัฏใหญ่สงัดเสียง ปราศจากอันตราย เป็น
ที่อยู่อาศัยของพวกฤๅษี ดังกับจะรับเครื่องบูชา เราจึงเอา
ไม้ไผ่มาทำเป็นสถูป แล้วเกลี่ย (โปรย) ดอกไม้ต่าง ๆ ได้
ไหว้พระสถูป ดุจถวายบังคมพระสัมพุทธเจ้า ซึ่งยังทรง
พระชนม์อยู่เฉพาะพระพักตร์.

เราได้เป็นพระราชาสมบูรณ์ด้วยรัตนะ 7 ประการ เป็น
ใหญ่ในแว่นแคว้น ยินดียิ่งในกรรมของตน นี้เป็นผลแห่ง
การบูชาด้วยดอกไม้.

ในกัปที่ แต่กัปนี้ เราโปรยดอกไม้ใด ด้วยกรรมนั้น
เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา ในกัปที่ 80 เรา
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มียศอันต์ สมบูรณ์ด้วยแก้ว
ประการ เป็นใหญ่ในทวีปทั้ง 4.

คุณวิเศษเหล่านี้ คือปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และ
อภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว
ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระสกจิตตนิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านั้น ด้วยประการ
ฉะนี้แล
จบสกจิตตนิยเถราปทาน

สกจิตตนิยวรรคที่ 7


61. อรรถกถาสกจิตตนิยเถราปทาน


อปทานของท่านพระสกจิตตนิยเถระ นี้ มีคำเริ่มต้นว่า ปวนํ
กานนํ ทิสฺวา
ดังนี้.
พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญบุญสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ
สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแก่พระนิพพานในภพนั้น ๆ ในกาลแห่ง
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ท่านบังเกิดในเรือนมีตระกูลแห่งหนึ่ง
เจริญวัยแล้ว เกิดขึ้นในกาลเป็นที่สิ้นพระชนมายุของพระผู้มีพระภาคเจ้า
พระองค์นั้น ยังไม่ทันได้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อยังดำรงพระชนมายุ
อยู่. ในกาลที่พระองค์ปรินิพพาน ได้บวชเป็นฤาษี อยู่ในหิมวันตประเทศ
ถึงป่าแห่งหนึ่งอันวิเวกน่ารื่นรมย์ ก่อเจดีย์ทรายที่ซอกเขาแห่งหนึ่ง ทีนั้น
เอาใจใส่ดังในพระผู้มีพระภาคเจ้า และเอาใจใส่ดังพระธาตุของพระองค์
บูชาด้วยดอกไม้ในป่า เที่ยวนมัสการอยู่. ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านจึงท่อง
เที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เสวยสวรรค์สมบัติอันเลิศ ในเทวดา
และมนุษย์ทั้งสองนั้น และจักรพรรดิสมบัติอันเลิศ ในพุทธุปบาทกาลนี้
บังเกิดในเรือนมีตระกูลแห่งหนึ่ง สมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบิติ เพียบพร้อม
ด้วยศรัทธาเลื่อมใสในพระศาสดา บวชได้เป็นพระอรหันต์ ผู้มีอภิญญา 6.
ท่านระลึกถึงบุพกรรมของตน เกิดโสมนัส เมื่อจะประกาศปุพพ-
จริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า ปวนํ กานนํ ทิสฺวา ดังนี้. บรรดาบท
เหล่านั้น บทว่า ปวนํ ความว่า ชื่อว่า ปวนะ เพราะอรรถว่า เป็นป่า
โดยประการ ป่าแผ่กว้าง เป็นรกชัฏ. ชื่อว่า กานนะ เพราะอรรถว่า
เป็นคง เป็นป่าทึบ หนาแน่นไปด้วยสัตว์ร้ายเช่น สีหะ เสือโคร่ง ยักษ์