เมนู

สุภัททเถราปทานที่ 9 (49)


ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยผอบไม้จันทน์


[51] พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ทรงรู้แจ้งโลก
ผู้ควรรับเครื่องบูชา ผู้มียศมาก ทรงถอนหมู่ชนขึ้นแล้ว จะ
เสด็จนิพพาน.

ก็เมื่อพระสัมพุทธเจ้า ทรงยังหมื่นโลกธาตุให้หวั่นไหว
แล้ว จะเสด็จนิพพาน หมู่ชนและเทวดาเป็นอันมากได้
ประชุมกันในเวลานั้น.

เราเอากฤษณาและดอกมะลิซ้อน ใส่ผอบไม้จันทน์เต็ม
แล้ว ร่าเริง มีจิตโสมนัส ยกขึ้นบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้า
ผู้เป็นระอุดม.

พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ยอดเยี่ยมในโลก ทรง
ทราบความดำริของเรา ทรงบรรทมอยู่นั่นแล ได้ตรัสพระ-
คาถาเหล่านี้ว่า

ผู้ใดเอาร่ม กฤษณาและมะลิซ้อน บังร่มให้เราในกาล
ที่สุดเราจักพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว

บุคคลผู้นี้เคลื่อนจากโลกนี้แล้ว จักไปสู่หมู่เทวดาชั้นดุสิต
เขาได้เสวยรัชสมบัติในชั้นดุสิตนั้นแล้ว จักไปสู่ชั้นนิมมา-
นรดี เขาถวายดอกมะลิซ้อนอันประเสริฐสุด ด้วยอุบายนี้แล้ว
จักปรารภกรรมของตนเสวยสมบัติ บุคคลผู้นิจักบังเกิดในชั้น
ดุสิตนั้นอีก เคลื่อนจากชั้นนั้นแล้ว จักไปสู่ความเป็นมนุษย์.

พระมหานาคศากยบุตรผู้เลิศในโลก พร้อมทั้งเทวโลก ผู้
มีพระจักษุ ทรงยังสัตว์ให้ตรัสรู้เป็นอันมากแล้ว จักเสด็จ
นิพพาน ในกาลนั้น เขาอันกุศลมูลตักเตือนแล้ว จักเข้าไป
เฝ้า ครั้นเข้าไปเฝ้าพระสัมพุทธเจ้าแล้ว จักทูลถามปัญหาใน
กาลนั้น

พระสัพพัญญูสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นนายกของโลก ทรงให้
ร่าเริง ทรงทราบบุพกรรมแล้ว จักทรงเปิดเผย (แสดง)
สัจจะทั้งหลาย เขายินดีว่า ปัญหานี้พระศาสดาทรงปรารภ
แก้แล้ว มีใจชื่นชม ถวายบังคมพระศาสดาแล้วจักทูลขอ
บวช.

พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นทรงฉลาดในธรรมอันเลิศ ทรง
เห็นว่าเขามีใจเลื่อมใส ยินดีด้วยกรรมของตน จักทรงให้บวช
บุคคลผู้นี้พยายามแล้ว จักกำหนดรู้อาสวะทั้งปวงได้ แล้วจัก
ไม่มีอาสวะ นิพพานในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า.

จบภาณวารที่ 5
เราประกอบด้วยบุพกรรม มีจิตชื่นชม ตั้งมั่นด้วยดี เป็น
บุตรผู้เกิดแต่พระหทัยของพระพุทธเจ้า อันธรรมนิรมิตดีแล้ว
เราเข้าไปเฝ้าพระธรรมราชาแล้ว ได้ทูลถามปัญหาอันสูงสุด
และเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าจะทรงแก้ปัญหาของเรา ได้ตรัส
กระแสธรรม เรารู้ทั่วถึงธรรมของพระองค์แล้ว ยินดีใน
ศาสนาอยู่ กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว ไม่มีอาสวะอยู่.

ในแสนกัปแต่กัปนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า
ปทุมุตตระผู้นายกอุดม ไม่ทรงมีอุปาทาน เสด็จนิพพานแล้ว
ดังประทีปดับเพราะสิ้นน้ำมันฉะนั้น พระสถูปแก้วของพระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าสูงประมาณ 7 โยชน์ เราได้ทำธงสวยงาม
กว่าธงทั้งปวงเป็นที่รื่นรมย์ใจ บูชาไว้ที่พระสถูปนั้น พระ-
อัครสาวกชื่อติสสะของพระพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสปะ เป็น
บุตรผู้เกิดครั้นหทัยของเรา เป็นทายาทในพระพุทธศาสนา

เรามีใจเลวทราม ได้กล่าววาจาอันไม่เจริญแก่พระอัคร-
สาวกนั้นด้วยผลแห่งกรรมนั้น แต่ในภายหลัง ความเจริญ
จึงได้มีแก่เรา.

พระมุนีมหาวีรชินเจ้า ผู้ทรงเกื้อกูลประกอบด้วยพระกรุณา
ทรงประทานบรรพชาแก่เราบนที่บรรทมครั้งสุดท้าย ณ สาลวัน
อันเป็นที่เวียนมาแห่งมัลลกษัตริย์ทั้งหลาย

บรรพชาก็มีในวันนี้เดี๋ยวนี้เอง อุปสมบทก็ในวันนี้เอง
ปรินิพพานก็ในวันนี้เอง เฉพาะพระพักตร์ของพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าผู้สูงสุดกว่าสัตว์สองเท้า.

คุณวิเศษเหล่านี้ คือปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และ
อภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว
ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระสุภัททเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้แล.
จบสถภัททเถราปทาน

49. อรรถกถาสุภัททเถราปทาน


อปทานของท่านพระสุภัททเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตฺตโร
โลกวิทู
ดังนี้.
พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญบุญญาธิการไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ
สั่งสมบุญเพื่อบรรลุพระนิพพานในภพนั้น ๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระ
ภาคเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ บังเกิดในเรือนมีตระกูลแห่งหนึ่ง ผู้สมบูรณ์
ด้วยสมบัติ เพียบพร้อมด้วยศรัทธา บรรลุนิติภาวะแล้ว ถูกตบแต่งให้
มีเหย้าเรือน เลื่อมใสในพระรัตนตรัย เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า
ปทุมุตตระ ทรงบรรทมบนพระแท่นเป็นที่ปรินิพพาน และเห็นเทวดา
ในหมื่นจักรวาลประชุมกัน มีใจเลื่อมใส บูชาด้วยดอกไม้มีกลิ่นหอม
มีดอกคนทิสอ ดอกลำเจียก และดอกอโศกเขียว และขาวเป็นต้น เป็นอเนก.
ด้วยบุญกรรมนั้นท่านดำรงอยู่จนสิ้นอายุ จุติจากอัตภาพนั้นแล้ว เสวย
ทิพยสมบัติในภพชั้นดุสิตเป็นต้น จากนั้นเสวยมนุษย์สมบัติในหมู่มนุษย์
ได้เป็นผู้อันเขาบูชาด้วย ดอกไม้ทั้งหลาย อันไปดีในที่ ๆ ตนเกิดแล้ว.
ก็ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในตระกูลที่สมบูรณ์ด้วยสมบัติตระกูลหนึ่ง
บรรลุนิติภาวะแล้ว แม้เห็นโทษในกามทั้งหลายแล้ว ก็ไม่ได้เห็นพระ-
พุทธเจ้า ตราบจนถึงเวลาที่พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าจะปรินิพพาน. บวช
ในเวลาที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงบรรทมบนพระแท่นเป็นที่ปรินิพพาน
นั้นเอง บรรลุพระอรหัตแล้ว. ท่านได้ปรากฏโดยนามแห่งบุญที่บำเพ็ญไว้
ในกาลก่อนว่าสุภัททะ ดังนี้.