เมนู

มหากัจจายนเถราปทานที่ 3 (33)


ว่าด้วยผลแห่งการทาทองพระเจดีย์


[35] เราได้ให้ทำแผ่นศิลาไว้แล้ว ได้เอาทองฉาบทาพระเจดีย์
ชื่อปทุม ของพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นที่พึงของโลก พระ-
นามว่าปทุมุตตระ และได้กั้นฉัตรอันสำเร็จด้วยแก้ว แล้วเอา
พัดวาลวิชนีพัดถวายพระพุทธเจ้า ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก ผู้
คงที่.

ภุมเทวดามีประมาณเท่าไร มาประชุมกันทั้งหมดในเวลา
นั้น ด้วยความหวังว่า พระศาสดาจักตรัสผลแห่งอาสนะและ
ฉัตรแก้ว.

พวกเราจักฟังพระศาสดาตรัสทั้งหมดนั้น พึงยังคาน
ร่าเริงให้เกิดอย่างยิ่ง ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า.

พระสยัมภูผู้อัครบุคคล ประทับนั่งบนอาสนะทองแล้ว
แวดล้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า ผู้ใดได้
ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว.

ผู้นั้นจักเป็นจอมเทวดาเสวยเทวรัชสมบัติอยู่ 10 กัป จักมี
รัศมีแผ่ไปโดยรอบตลอดร้อยโยชน์ มาสู้มนุษย์โลกแล้ว จักได้
เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่า ปภัสสระ จักเป็นผู้มีเดช
อันรุ่งเรือง จักรได้เป็นกษัตริย์มีรัตนะ 8 ประการโชติช่วงอยู่
โดยรอบ ทั้งกลางคืนกลางวัน ดังพระอาทิตย์อุทัยฉะนั้น.

ในกัปที่แสน พระศาสดาพระนามว่าโคดม ซึ่งทรงสมภพ
ในวงศ์พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จอุบัติในโลก ผู้นั้นอัน

กุศลมูลตักเตือนแล้ว จักเคลื่อนจากภพดุสิด จักเป็นบุตร
พราหมณ์ มีนามชื่อว่ากัจจานะ ภายหลังเขาบวชแล้ว จักตรัสรู้
ไม่มีอาสวะอยู่ พระโคดมผู้ส่องโลกให้โชติช่วง จักทรงตั้งไว้
ในตำแหน่งอันเลิศ.

ผู้นั้นจักกล่าวปัญหาที่ถูกถามแล้งโดยย่อให้พิสดาร และ
เมื่อกล่าวปัญหานั้น จักยังอัธยาศัยให้เต็ม พราหมณ์ผู้เป็น
อภิชาตบุตรในสกุลอันมั่งคั่ง เรียนจบมนต์ ละทรัพย์และ
ข้าวเปลือกแล้ว บวชเป็นบรรพชิต.

เมื่อถูกถามปัญหาแม้โดยย่อ เราก็กล่าวแก้ได้โดยพิสดาร
เราย่อมยังอัธยาศัยของชนเหล่านั้นให้เต็ม ย่อมยังพระผู้มี
พระภาคเจ้าผู้สูงสุดกว่าสัตว์ให้โปรดปราน.

พระมหาวีรเจ้าผู้ตรัสรู้เอง เป็นอัครบุคคล ทรงโปรดปราน
เรา ประทับนั่ง ณ ท่ามกลางสงฆ์แล้ว ทรงตั้งเราไว้ในเอต-
ทัคคสถาน.

คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และ
อภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว
ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระมหากัจจายนเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล
จบมหากัจจายนเถราปทาน

33. อรรถกถามหากัจจานเถราปทาน


อปทานของท่านพระมหากัจจานเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตตระ
นาถสฺส
ดังนี้.
พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญบุญญาธิการไว้ ในพระพุทธเจ้าองค์
ก่อน ๆ สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแก่พระนิพพานในภพนั้น ๆ ใน
กาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ บังเกิดในตระกูลคฤห-
บดีมหาศาล เจริญวัยแล้ว วันหนึ่ง ฟังธรรมในสำนักพระศาสดา เห็น
ภิกษุรูปหนึ่ง อันพระศาสดาทรงคงไว้ในตำแหน่งอันเลิศแห่งภิกษุผู้จำแนก
อรรถแห่งคำที่พระองค์ตรัสโดยย่อให้พิสดารได้ แม้ตนเองก็ปรารถนา
ตำแหน่งนั้น ตั้งปณิธานแล้ว บำเพ็ญบุญมีทานเป็นต้น ท่องเที่ยวไป
ในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ในกาลแห่งพระผู้มีภาคเจ้าพระนามว่า
สุเมธะ เป็นวิทยาธรไปโดยอากาศ เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่ง
ณ ไพรสณฑ์ มีจิตเลื่อมใส ได้กระทำการบูชาด้วยดอกกรรณิการ์.
ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านท่องเที่ยวไป ๆ มา ๆ ในสุคตินั่นเอง
ในกาลแห่งพระทศพล พระนามว่ากัสสปะ บังเกิดในเรือนมีตระกูลใน
กรุงพาราณสี เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานแล้ว ได้กระทำการบูชา
ด้วยแผ่นอิฐอันสำเร็จด้วยทอง มีค่าแสนหนึ่ง ที่ฐานอันเป็นที่กระทำ
สุวรรณเจดีย์ ดังความปรารถนาว่า ด้วยวิบากเป็นเครื่องไหลออกแห่ง
บุญกรรมนี้ ขอสรีระของเราจงมีวรรณะเพียงดังว่าสีแห่งทอง ในที่ ๆ ตน
เกิดแล้ว. แต่นั้นกระทำกุศลกรรมตลอดชีวิต ท่องเที่ยวไปในเทวดาและ
มนุษย์ทั้งหลาย สิ้นพุทธันดรหนึ่ง ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในเรือน