เมนู

พวกเห็นว่าตนและโลกเกิดขึ้นลอย ๆ กล่าวว่า ไม่มีที่สุดด้วยขันธ์ส่วนอนาคต.
บทว่า อนฺตวา จ อนนฺตวา จ มีที่สุดก็มี ไม่มีที่สุดก็มี คือทิฏฐิของ
ผู้มีกสิณขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่เจริญ เจริญไปอย่างขวาง ๆ. บทว่า เนว อนฺตวา
น อนนฺตวา
มีที่สุดก็หามิได้ ไม่มีที่สุดก็หามิได้ ต่อทิฏฐิของผู้มีความซัดส่าย
ไม่ตายตัว.
จบอรรถกถาโลกวาทปฏิสังยุตตทิฏฐินิเทศ

อรรถกถาภววิภวทิฏฐินิเทศ


พระสารีบุตรเถระ ไม่ทำการนิเทศภวทิฏฐิและวิภวทิฏฐิไว้ต่างหาก
เพราะไม่มีการถือผิดต่างหากจากทิฏฐิตามที่กล่าวแล้ว และไม่ทำการถามเพื่อ
แสดงอาการอย่างหนึ่ง ๆ คือ ความติดอยู่ ความแล่นเลยไป ด้วยอำนาจแห่ง
ทิฏฐิตามที่กล่าวแล้วนั่นแล แล้วจึงกล่าวว่า ความถือผิดด้วยความติดอยู่เป็น
ภวทิฏฐิ. ความถือผิดด้วยความแล่นเลยไปเป็นวิภวทิฏฐิ ดังนี้.
พึงทราบความในบทนั้นดังต่อไปนี้. การถือผิดด้วยความติดอยู่
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า เมื่อตถาคตแสดงธรรมเพื่อความดับภพ จิตของ
เทวดาและมนุษย์เหล่านั้นย่อมไม่แล่นไป ความว่า การถือผิดด้วยความเบื่อหน่าย
จากนิพพาน ด้วยความสำคัญว่าเที่ยง. การถือผิดด้วยความแล่นเลยไป ดังที่
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า เทวดาและมนุษย์บางพวกอึดอัด ระอา เกลียดชัง
ด้วยภพนั่นเเล ย่อมเพลิดเพลินความขาดสูญ ความว่า การถือผิดด้วยความ
ละเลยปฏิปทาอันนำไปสู่ความดับทุกข์ ด้วยสำคัญว่าสูญ.