เมนู

วิปัสสนาพละ เพราะอรรถว่า พระโยคาวจรย่อมพิจารณาเห็นธรรมที่เกิดใน
ภาวนานั้น ชื่อว่าเสกขพละ เพราะอรรถว่า พระเสขะยังต้องศึกษาในสัมมาทิฏฐิ
เป็นต้นนั้น ชื่อว่าอเสกขพละ เพราะความที่พระอเสขะศึกษาในสัมมาทิฏฐิ
เป็นต้นนั้นเสร็จแล้ว ชื่อว่าขีณาสวพละ เพราะอรรถว่า อาสวะทั้งหลายสิ้น
ไปแล้วด้วยความเห็นด้วยดีนั้น ชื่อว่าอิทธิพละ เพราะอรรถว่า ฤทธิ์ย่อม
สำเร็จเพราะการอธิษฐานเป็นต้น เพราะเหตุแห่งการประกอบโดยชอบในส่วน
นั้น ๆ ชื่อว่าตถาคตพละ เพราะอรรถว่าเป็นกำลังหาประมาณมิได้ ฉะนี้แล.
จบพลกถา

อรรถกถาพลกถา


บัดนี้ จะพรรณนาตามลำดับที่ยังไม่เคยพรรณนาแห่งพลกถา อันมี
พระสูตรเป็นเบื้องต้นอันเป็นโลกุตรกถา ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ใน
ลำดับแห่งโลกุตรกถา. ในพลกถานั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงแสดง
พละ 5 โดยพระสูตรแต่ต้น แล้วมีพระประสงค์จะทรงแสดงพละแม้อื่นจาก
พละ 5 นั้นจึงตรัสพระดำรัสมีอาทิว่า อปิจ อฏฺฐสฏฺฐี พลานิ อีกอย่างหนึ่ง
พละ 68 ประการ ดังนี้. แม้พละ 68 ทั้งหมดก็ชื่อว่าพละ เพราะอรรถว่า
ไม่หวั่นไหวโดยภาวะตรงกันข้ามกับพละ 5 นั้น.
พึงทราบวินิจฉัยในบทมีอาทิว่า หิริพลํ หิริพละดังต่อไปนี้. ชื่อว่า
หิริ เพราะเป็นเหตุละอายต่อบาป. บทนั้นเป็นชื่อของความละอาย. ชื่อว่า
โอตตัปปะ เพราะเป็นเหตุกลัวต่อบาป. บทนั้นเป็นชื่อของความหวาดสะดุ้ง.