เมนู

ยุคนัทธวรรค สัจจกถา


นิทานในกถาบริบูรณ์


ว่าด้วยสัจจะ 4


[544] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัจจะ 4 ประการนี้ เป็นของแท้
เป็นของไม่ผิด ไม่เป็นอย่างอื่น 4 ประการเป็นไฉน ? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
สัจจะว่านี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เป็น
ของเเท้ เป็นของไม่ผิด ไม่เป็นอย่างอื่น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัจจะ 4
ประการนี้แล เป็นของแท้ เป็นของไม่ผิด ไม่เป็นอย่างอื่น.
[545] ทุกข์เป็นสัจจะด้วยอรรถว่าเป็นของแท้อย่างไร ?
สภาพแห่งทุกข์เป็นทุกข์ 4 ประการ เป็นของแท้ เป็นของไม่ผิด
ไม่เป็นอย่างอื่น คือ สภาพที่บีบคั้นแห่งทุกข์ 1 สภาพแห่งทุกข์ อันปัจจัย
ปรุงแต่ง 1 สภาพที่ให้เดือดร้อน 1 สภาพที่แปรไป 1 สภาพแห่งทุกข์เป็น
ทุกข์ 4 ประการนี้ เป็นของแท้ เป็นของไม่ผิด ไม่เป็นอย่างอื่น ทุกข์เป็น
สัจจะด้วยอรรถว่าเป็นของแท้อย่างนี้.
สมุทัยเป็นสัจจะด้วยอรรถว่าเป็นของแท้อย่างไร ?
สภาพแห่งสมุทัยเป็นเหตุเกิด 4 ประการ เป็นของแท้ เป็นของไม่ผิด
ไม่เป็นอย่างอื่น คือ สภาพที่ประมวลมาแห่งสมุทัย 1 สภาพที่เป็นเหตุ 1
สภาพที่ประกอบไว้ 1 สภาพพัวพัน 1 สภาพแห่งสมุทัยเป็นเหตุเกิด 4
ประการนี้ เป็นของแท้ เป็นของไม่ผิด ไม่เป็นอย่างอื่น สมุทัยเป็นสัจจะ
ด้วยอรรถว่าเป็นของแท้อย่างนี้.

นิโรธเป็นสัจจะด้วยอรรถว่าเป็นของแท้อย่างไร ?
สภาพดับแห่งนิโรธ 4 ประการ เป็นของแท้ เป็นของไม่ผิด ไม่เป็น
อย่างอื่น คือ สภาพสลัดออกแห่งนิโรธ 1 สภาพสงัด 1 สภาพที่ปัจจัย
ไม่ปรุงแต่ง 1 สภาพเป็นอมตะ 1 สภาพดับแห่งนิโรธ ประการนี้ เป็น
ของแท้ เป็นของไม่ผิด ไม่เป็นอย่างอื่น นิโรธเป็นสัจจะด้วยอรรถว่าเป็น
ของแท้อย่างนี้.
มรรคเป็นสัจจะด้วยอรรถว่าเป็นของแท้อย่างไร ?
สภาพเป็นทางเเห่งมรรค 4 ประการ เป็นของแท้ เป็นของไม่ผิด
ไม่เป็นอย่างอื่น คือ สภาพนำออกแห่งมรรค 1 สภาพเป็นเหตุ 1 สภาพที่
เห็น 1 สภาพเป็นใหญ่ 1 สภาพเป็นทางแห่งมรรค 4 ประการนี้ เป็นของแท้
เป็นของไม่ผิด ไม่เป็นอย่างอื่น มรรคเป็นสัจจะด้วยอรรถว่าเป็นของแท้
อย่างนี้.
[546] สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยอาการเท่าไร ?
สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยอาการ 4 คือ ด้วยความ
เป็นของแท้ 1 ด้วยความเป็นอนัตตา 1 ด้วยความเป็นของจริง 1 ด้วยความ
เป็นปฏิเวธ 1 สัจจะ 4 ท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่งด้วยอาการ 4 นี้ สัจจะใด
ท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่ง สัจจะนั้นเป็นหนึ่ง บุคคลย่อมแทงตลอดสัจจะหนึ่ง
ด้วยญาณเดียว เพราะเหตุนั้น สัจจะ 4 จึงมีการแทงตลอดด้วยญาณเดียว.
สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยความเป็นของแท้อย่างไร ?
สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยความเป็นของแท้ด้วยอาการ
4 คือ สภาพที่ทนได้ยากแห่งทุกข์เป็นสภาพแท้ 1 สภาพเป็นเหตุเกิดแห่ง
สมุทัยเป็นสภาพแท้ 1 สภาพดับแห่งนิโรธเป็นสภาพแท้ 1 สภาพเป็นทางแห่ง

มรรคเป็นสภาพแท้ 1 สัจจะ 4 ท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่ง ด้วยความเป็นของแท้
ด้วยอาการ 4 นี้ สัจจะใดท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่ง สัจจะนั้นเป็นหนึ่ง บุคคล
ย่อมแทงตลอดสัจจะหนึ่งด้วยญาณเดียว เพราะเหตุนั้น สัจจะ 4 จึงมีการ
แทงตลอดด้วยญาณเดียว.
สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยความเป็นอนัตตาอย่างไร ?
สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยความเป็นอนัตตา ด้วย
อาการ 4 คือ สภาพที่ทนได้ยากแห่งทุกข์ เป็นสภาพมิใช่ตัวตน 4 สภาพเป็น
เหตุเกิดแห่งสมุทัย เป็นสภาพมิใช่ตัวตน 1 สภาพดับแห่งนิโรธ เป็นสภาพ
มิใช่ตัวตน 1 สภาพเป็นทางแห่งมรรค เป็นสภาพมิใช่ตัวตน 1 สัจจะ 4
ท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่ง ด้วยความเป็นอนัตตา ด้วยอาการ 4 นี้ สัจจะใด
ท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่ง สัจจะนั้นเป็นหนึ่ง บุคคลย่อมแทงตลอดสัจจะหนึ่ง
ด้วยญาณเดียว เพราะเหตุนั้น สัจจะ 4 จึงมีการแทงตลอดด้วยญาณเดียว.
สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยความเป็นของจริงอย่างไร ?
สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยความเป็นของจริง ด้วย
อาการ 4 คือ สภาพที่ทนได้ยากแห่งทุกข์ เป็นสภาพจริง 1 สภาพเป็นเหตุ
เกิดแห่งสมุทัย เป็นสภาพจริง 1 สภาพดับแห่งนิโรธ เป็นสภาพจริง 1
สภาพเป็นทางแห่งมรรค เป็นสภาพจริง 1 สัจจะ 4 ท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่ง
ด้วยความเป็นของจริง ด้วยอาการ 4 นี้ สัจจะใดท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่ง
สัจจะนั้นเป็นหนึ่ง บุคคลย่อมแทงตลอดสัจจะหนึ่งด้วยญาณเดียว เพราะเหตุ
นั้น สัจจะ 4 จึงมีการแทงตลอดด้วยญาณเดียว.
สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยความเป็นปฏิเวธอย่างไร ?
สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยความเป็นปฏิเวธด้วย
อาการ 4 คือ สภาพที่ทนได้ยากแห่งทุกข์ เป็นสภาพแทงตลอด 1 สภาพ

เป็นเหตุเกิดแห่งสมุทัย เป็นสภาพแทงตลอด 1 สภาพดับแห่งนิโรธ เป็น
สภาพแทงตลอด 1 สภาพเป็นทางแห่งมรรค เป็นสภาพแทงตลอด 1 สัจจะ 4
ท่านสงเคราะห์ด้วยญาณเดียวด้วยความเป็นปฏิเวธ ด้วยอาการ 4 นี้ สัจจะใด
ท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่ง สัจจะนั้นเป็นหนึ่ง บุคคลย่อมแทงตลอดสัจจะหนึ่ง
ด้วยญาณเดียว เพราะเหตุนั้น สัจจะ 4 จึงมีการแทงตลอดด้วยญาณเดียว.
[547] สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยอาการเท่าไร ?
สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ 1 สิ่งใดไม่เที่ยงและเป็นทุกข์ สิ่งนั้น
เป็นอนัตตา 1 สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์และเป็นอนัตตา สิ่งนั้นเป็นของแท้ 1
สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาและเป็นของแท้ สิ่งนั้นเป็นของจริง 1
สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เป็นของแท้และเป็นของจริง สิ่งนั้น
ท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่ง สิ่งใดท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่ง สิ่งนั้นเป็นหนึ่ง บุคคล
ย่อมแทงตลอดสัจจะหนึ่งด้วยญาณเดียว เพราะเหตุนั้น สัจจะ 4 จึงมีการ
แทงตลอดด้วยญาณเดียว.
สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยอาการเท่าไร ?
สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยอาการ 9 คือ ด้วยความ
เป็นของแท้ 1 ด้วยความเป็นอนัตตา 1 ด้วยความเป็นของจริง 1 ด้วยความ
เป็นปฏิเวธ 1 ด้วยความเป็นธรรมที่ควรรู้ยิ่ง 1 ด้วยความเป็นธรรมที่ควร
กำหนดรู้ 1 ด้วยความเป็นธรรมที่ควรละ 1 ด้วยความเป็นธรรมที่ควรเจริญ 1
ด้วยความเป็นธรรมที่ควรทำให้แจ้ง 1 สัจจ 4 ท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่งด้วย
อาการ 9 นี้ สัจจะใดท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่ง สัจจะนั้นเป็นหนึ่ง บุคคลย่อม
แทงตลอดสัจจะหนึ่งด้วยญาณเดียว เพราะเหตุนั้น สัจจะ 4 จึงมีการแทงตลอด
ด้วยญาณเดียว.

[548] สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยความเป็นของ-
แท้อย่างไร ?
สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยความเป็นของแท้ ด้วย
อาการ 9 คือ สภาพทนได้ยากแห่งทุกข์ เป็นสภาพแท้ 1 สภาพเป็นเหตุ
เกิดแห่งสมุทัย เป็นสภาพแท้ 1 สภาพดับแห่งนิโรธ เป็นสภาพแท้ 1
สภาพเป็นทางแห่งมรรค เป็นสภาพแท้ 1 สภาพแห่งอภิญญาเป็นสภาพที่ควร
รู้ยิ่ง เป็นสภาพแท้ 1 สภาพแห่งปริญญาเป็นสภาพที่ควรกำหนดรู้ เป็นสภาพ
แท้ 1 สภาพแห่งปหานะเป็นสภาพที่ควรละ เป็นสภาพแท้ 1 สภาพแห่ง
ภาวนาเป็นสภาพที่ควรเจริญ เป็นสภาพแท้ 1 สภาพแห่งสัจฉิกิริยา เป็น
สภาพที่ควรทำให้แจ้ง เป็นสภาพแท้ 1 สัจจะ 4 ท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่ง
ด้วยความเป็นของแท้ ด้วยอาการ 9 นี้ สัจจะใดท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่ง สัจจะ
นั้นเป็นหนึ่ง บุคคลย่อมแทงตลอดสัจจะหนึ่งด้วยญาณเดียว เพราะเหตุนั้น
สัจจะ 4 จึงมีการแทงตลอดด้วยญาณเดียว.
สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยความเป็นอนัตตาด้วย
ความเป็นของจริง ด้วยความเป็นปฏิเวธ อย่างไร ?
สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยความเป็นปฏิเวธด้วยอาการ
9 คือ สภาพแห่งทุกข์เป็นสภาพที่ทนได้ยาก เป็นสภาพควรแทงตลอด 1
สภาพแห่งสมุทัยเป็นเหตุเกิด เป็นสภาพควรแทงตลอด 1 สภาพแห่งนิโรธ
เป็นที่ดับ เป็นสภาพควรแทงตลอด 1 สภาพแห่งมรรคเป็นทางดำเนิน เป็น
สภาพควรแทงตลอด 1 สภาพแห่งอภิญญาเป็นสภาพที่ควรรู้ยิ่ง เป็นสภาพควร
แทงตลอด 1 สภาพแห่งปริญญาเป็นสภาพที่ควรกำหนดรู้ เป็นสภาพควร
แทงตลอด 1 สภาพแห่งปหานะเป็นสภาพที่ควรละ เป็นสภาพที่ควรแทงตลอด

1 สภาพแห่งภาวนาเป็นสภาพที่ควรเจริญ เป็นสภาพควรแทงตลอด 1 สภาพ
แห่งสัจฉิกิริยาเป็นสภาพที่ควรทำให้แจ้ง เป็นสภาพควรแทงตลอด 1 สัจจะ 4
ท่านสงเคราะห์ด้วยญาณเดียว ด้วยความเป็นปฏิเวธ ด้วยอาการ 9 นี้ สัจจะ
ใดท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่ง สัจจะนั้นเป็นหนึ่ง บุคคลย่อมแทงตลอด สัจจะ
หนึ่งด้วยญาณเดียว เพราะเหตุนั้น สัจจะ 4 จึงมีการแทงตลอดด้วยญาณเดียว.
[549] สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยอาการเท่าไร ?
สัจจะ มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยอาการ 12 คือ ด้วยความ
เป็นของแท้ 1 ด้วยความเป็นอนัตตา 1 ด้วยความเป็นของจริง 1 ด้วยความ
เป็นปฏิเวธ 1 ด้วยความเป็นเครื่องรู้ยิ่ง 1 ด้วยความเป็นเครื่องกำหนดรู้ 1
ด้วยความเป็นธรรม 1 ด้วยความเป็นเหมือนอย่างนั้น 1 ด้วยความเป็นธรรม
ที่รู้แล้ว 1 ด้วยความเป็นธรรมที่ควรทำให้แจ้ง 1 ด้วยความเป็นเครื่องถูก
ต้อง 1 ด้วยความเป็นเครื่องตรัสรู้ 1 สัจจะ 4 ท่านสงเคราะห์ด้วยญาณเดียว
ด้วยอาการ 12 อย่างนี้ สัจจะใดท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่ง สัจจะนั้นเป็นหนึ่ง
บุคคลย่อมแทงตลอดสัจจะหนึ่งด้วยญาณเดียว เพราะเหตุนั้น สัจจะ 4 จึงมี
การแทงตลอดด้วยญาณเดียว.
สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยความเป็นของแท้ อย่างไร ?
สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยความเป็นของแท้ ด้วย
อาการ 16 คือ สภาพแห่งทุกข์เป็นสภาพบีบคั้น 1 เป็นสภาพที่ปัจจัยปรุงแต่ง 1
เป็นสภาพให้เดือดร้อน 1 เป็นสภาพแปรปรวน 1 เป็นสภาพแท้ สภาพแห่ง
สมุทัยเป็นสภาพประมวลมา 1 เป็นเหตุ 1 เป็นเครื่องประกอบไว้ 1 เป็น
สภาพกังวล 1 เป็นสภาพแท้ สภาพแห่งนิโรธเป็นที่สลัดออก 1 เป็นสภาพสงัด
1 เป็นสภาพที่ปัจจัยไม่ปรุงแต่ง 1 เป็นอมตะ 1 เป็นสภาพแท้ สภาพแห่ง

มรรคเป็นเครื่องนำออก 1 เป็นเหตุ 1 เป็นทัศนะ 1 เป็นใหญ่ 1 เป็นสภาพ
แท้ สัจจะ 4 ท่านสงเคราะห์ด้วยญาณเดียว ด้วยความเป็นของแท้ ด้วย
อาการ 16 นี้ สัจจะใดท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่ง สัจจะนั้นเป็นหนึ่ง บุคคลย่อม
แทงตลอดสัจจะหนึ่งด้วยญาณเดียว เพราะเหตุนั้น สัจจะ 4 จึงมีการแทงตลอด
ด้วยญาณเดียว.
สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยความเป็นอนัตตา ฯลฯ
ด้วยความเป็นของจริง ด้วยความเป็นปฏิเวธ ด้วยความเป็นเครื่องรู้ยิ่ง ด้วย
ความเป็นเครื่องกำหนดรู้ ด้วยความเป็นธรรม ด้วยความเป็นเหมือนอย่างนั้น
ด้วยความเป็นธรรมที่รู้แล้ว ด้วยความเป็นธรรมที่ควรทำให้แจ้ง ด้วยความ
เป็นเครื่องถูกต้อง ด้วยความเป็นเครื่องตรัสรู้ อย่างไร ?
สัจจะ 4 มีการแทงตลอดด้วยญาณเดียวด้วยความเป็นเครื่องตรัสรู้
ด้วยอาการ 16 คือ สภาพแห่งทุกข์เป็นสภาพบีบคั้น...เป็นสภาพแปรปรวน
เป็นสภาพเครื่องตรัสรู้ สภาพแห่งสมุทัยเป็นสภาพประมวลมา... เป็นสภาพ
กังวล เป็นสภาพเครื่องตรัสรู้ สภาพแห่งนิโรธเป็นที่สลัดออก...เป็นอมตะ
เป็นสภาพเครื่องตรัสรู้ สภาพแห่งมรรคเป็นเครื่องนำออก...เป็นใหญ่ เป็น
สภาพเครื่องตรัสรู้ สัจจะ 4 ท่านสงเคราะห์ด้วยญาณเดียว ด้วยความเป็นเครื่อง
ตรัสรู้ ด้วยอาการ 16 นี้ สัจจะใดท่านสงเคราะห์เป็นหนึ่ง สัจจะนั้นเป็นหนึ่ง
บุคคลย่อมแทงตลอดสัจจะหนึ่งด้วยญาณเดียว เพราะเหตุนั้น สัจจะ 4 จึงมี
การแทงตลอดด้วยญาณเดียว.
[550] สัจจะมีลักษณะเท่าไร ? สัจจะมีลักษณะ 2 คือสังขตลักษณะ 1
อสังขตลักษณะ 1 สัจจะมีลักษณะ 2 นี้.

สัจจะมีลักษณะเท่าไร ? สัจจะมีลักษณะ 6 คือ สัจจะที่ปัจจัยปรุงแต่ง
มีความเกิดปรากฏ 1 ความเสื่อมปรากฏ 1 เมื่อยังตั้งอยู่ความแปรปรากฏ 1
สัจจะที่ปัจจัยไม่ปรุงแต่ง ความเกิดไม่ปรากฏ 1 ความเสื่อมไม่ปรากฏ 1 เมื่อ
ยังตั้งอยู่ความแปรไม่ปรากฏ 1 สัจจะมีลักษณะ 6 นี้.
สัจจะมีลักษณะเท่าไร สัจจะมีลักษณะ 12 คือ ทุกขสัจ มีความเกิด
ขึ้นปรากฏ 1 ความเสื่อมปรากฏ 1 เมื่อยังตั้งอยู่ความแปรปรากฏ 1 สมุทัยสัจมี
ความเกิดขึ้นปรากฏ 1 ความเสื่อมปรากฏ 1 เมื่อยังตั้งอยู่ความแปรปรากฏ 1
มรรคสัจมีความเกิดขึ้นปรากฏ 1 ความเสื่อมปรากฏ 1 เมื่อยังตั้งอยู่ความแปร
ปรากฏ 1 นิโรธสัจ ความเกิดไม่ปรากฏ 1 ความเสื่อมไม่ปรากฏ 1 เมื่อยัง
ตั้งอยู่ความแปรไม่ปรากฏ 1 สัจจะมีลักษณะ 12 นี้.
[551] สัจจะ 4 เป็นกุศลเท่าไร เป็นอกุศลเท่าไร เป็นอัพยากฤต
เท่าไร ?
สมุทัยสัจเป็นอกุศล มรรคสัจเป็นกุศล นิโรธสัจเป็นอัพยากฤต
ทุกขสัจเป็นกุศลก็มี เป็นอกุศลก็มี เป็นอัพยากฤตก็มี สัจจะ 3 นี้ท่านสงเคราะห์
ด้วยสัจจะ 1 สัจจะ 1 ท่านสงเคราะห์ด้วยสัจจะ 3 ด้วยสามารถแห่งวัตถุ
โดยปริยาย.
คำว่า พึงมี คือ ก็พึงมีอย่างไร ?
ทุกขสัจเป็นอกุศล สมุทัยสัจเป็นอกุศล สัจจะ 2 ท่านสงเคราะห์ด้วย
สัจจะ 1 สัจจะ 1 ท่านสงเคราะห์ด้วยสัจจะ 2 ด้วยความเป็นอกุศลพึงมีอย่าง
นี้ ทุกขสัจเป็นกุศล มรรคสัจเป็นกุศล สัจจะ 2 ท่านสงเคราะห์ด้วยสัจจะ 1
สัจจะ 1 ท่านสงเคราะห์ด้วยสัจจะ 2 ด้วยความเป็นกุศล พึงมีอย่างนี้ ทุกข์-
สัจเป็นอัพยากฤต นิโรธสัจเป็นอัพยากฤต สัจจะ 2 ท่านสงเคราะห์ด้วยสัจจะ 1

สัจจะ 1 ท่านสงเคราะห์ด้วยสัจจะ 2 ด้วยความเป็นอัพยากฤต พึงมีอย่างนี้
สัจจะ 3 ท่านสงเคราะห์ด้วยสัจจะ 1 สัจจะ 1 ท่านสงเคราะห์ด้วยสัจจะ 3
ด้วยสามารถแห่งวัตถุ โดยปริยาย.
[552] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก่อนแต่ตรัสรู้ เมื่อเราเป็นโพธิสัตว์
ยังมิได้ตรัสรู้ ได้มีความคิดว่า อะไรหนอแลเป็นคุณ เป็นโทษ เป็นอุบาย
เครื่องสลัดออก แห่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เรานั้นได้มีความคิดดังนี้ว่า สุข โสมนัส อาศัยรูปเกิดขึ้น นี้เป็นคุณแห่งรูป
ความจำกัดฉันทราคะ ความละฉันทราคะในรูป นี้เป็นอุบายเครื่องสลัดออก
แห่งรูป...สุขโสมนัส อาศัยวิญญาณเกิดขึ้น นี้เป็นคุณแห่งวิญญาณ วิญญาณ
ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งวิญญาณ
ความกำจัดฉันทราคะ ความละฉันทราคะในวิญญาณ นี้เป็นอุบายเครื่องสลัด
ออกแห่งวิญญาณ.
[553] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรายังไม่รู้ทั่วถึงซึ่งคุณโดยความเป็นคุณ
ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ และซึ่งอุบายเป็นเครื่องสลัดออกโดยเป็นอุบายเครื่อง
สลัดออก แห่งอุปาทานขันธ์ 5 นี้ ตามความเป็นจริง เพียงใด เราก็ยังไม่
ปฏิญาณว่าได้ตรัสรู้ซึ่งอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในโลก พร้อมทั้งเทวโลก
มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์
เพียงนั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แต่เมื่อใด เราได้รู้ทั่วถึงซึ่งคุณโดยความเป็น
คุณ ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ และซึ่งอุบายเป็นเครื่องสลัดออกโดยเป็นอุบาย
เครื่องสลัดออก แห่งอุปทานขันธ์ 5 นี้ ตามความจริง เมื่อนั้น เราจึงปฏิญาณ
ว่าได้ตรัสรู้ซึ่งอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก
พรหมโลกในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ก็แล ญาณ-

ทัศนะเกิดขึ้นแก่เราว่า เจโตวิมุตติของเราไม่กำเริบ ชาตินี้มีในที่สุด บัดนี้
ความเกิดอีกมิได้มี.
[554] การแทงตลอดด้วยการละว่า สุข โสมนัส อาศัยรูปเกิดขึ้น
นี้เป็นคุณแห่งรูป ดังนี้ เป็นสมุทัยสัจ การแทงตลอดด้วยการกำหนดรู้ว่ารูป
ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งรูป ดังนี้
เป็นทุกขสัจ การแทงตลอดด้วยการทำให้แจ้งว่า การกำจัดฉันทราคะ การละ
ฉันทราคะในรูป นี้เป็นอุบายเครื่องสลัดออกแห่งรูป ดังนี้ เป็นนิโรธสัจ การ
แทงตลอดด้วยภาวนา คือ ทิฏฐิ สังกัปปะ วาจา กัมมันตะ อาชีวะ วายามะ
สติ สมาธิ ในฐานะทั้ง 3 นี้ เป็นมรรคสัจ การแทงตลอดด้วยการละว่า
สุข โสมนัส อาศัยเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เกิดขึ้น นี้เป็นคุณแห่ง
วิญญาณ ดังนี้ เป็นสมุทัยสัจ การแทงตลอดด้วยการกำหนดรู้ว่า วิญญาณ
ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งวิญญาณ
ดังนี้ เป็นทุกขสัจ การแทงตลอดด้วยทำให้แจ้งว่า การกำจัดฉันทราคะ การ
ละฉันทราคะในวิญญาณ นี้เป็นอุบายเครื่องสลัดออกแห่งวิญญาณ ดังนี้ เป็น
นิโรจสัจ การแทงตลอดด้วยภาวนา คือ ทิฏฐิสังกัปปะ วาจา กัมมันตะ อาชีวะ
วายามะ สติ สมาธิ ในฐานะทั้ง 3 นี้ เป็นมรรคสัจ.
[555] สัจจะด้วยอาการเท่าไร ?
สัจจะด้วยอาการ 3 คือ ด้วยความแสวงหา 1 ด้วยความกำหนด 1
ด้วยความแทงตลอด 1.
สัจจะด้วยความแสวงหาอย่างไร ?
สัจจะด้วยความแสวงหาอย่างนี้ว่า ชราและมรณะมีอะไรเป็นเหตุ
มีอะไรเป็นสมุทัย มีอะไรเป็นกำเนิด มีอะไรเป็นแดนเกิด.

สัจจะด้วยความกำหนดอย่างนี้ว่า ชราและมรณะมีชาติเป็นเหตุ มีชาติ
เป็นสมุทัย มีชาติเป็นกำเนิด มีชาติเป็นแดนเกิด ญาณย่อมรู้ชัดซึ่งชราและมรณะ
เหตุเกิดแห่งชราและมรณะ ความดับแห่งชราและมรณะ และข้อปฏิบัติเครื่อง
ให้ถึงความดับแห่งชราและมรณะ สัจจะด้วยความแทงตลอดอย่างนี้.
สัจจะด้วยความแสวงหาอย่างนี้ว่า ชาติมีอะไรเป็นเหตุ...มีอะไรเป็น
แดนเกิด ? สัจจะด้วยความกำหนดอย่างนี้ว่า ชาติมีภพเป็นเหตุ...มีภพเป็น
แดนเกิด ญาณรู้ชัดซึ่งชาติ เหตุเกิดแห่งชาติ ความดับแห่งชาติ และข้อ
ปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งชาติ สัจจะด้วยความแทงตลอดอย่างนี้.
สัจจะด้วยความแสวงหาอย่างนี้ว่า ภพมีอะไรเป็นเหตุ...มีอะไรเป็น
แดนเกิด ? สัจจะด้วยความกำหนดอย่างนี้ว่า ภพมีอุปาทานเป็นเหตุ...มี
อุปาทานเป็นแดนเกิด ญาณรู้ชัดซึ่งภพ เหตุเกิดแห่งภพ ความดับแห่งภพ
และข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งภพ สัจจะด้วยความแทงตลอดอย่างนี้.
สัจจะด้วยความแสวงหาอย่างนี้ว่า อุปาทานมีอะไรเป็นเหตุ...มีอะไร
เป็นแดนเกิด ? สัจจะด้วยความกำหนดอย่างนี้ว่า อุปาทานมีตัณหาเป็นเหตุ...
มีตัณหาเป็นแดนเกิด ญาณรู้ชัดซึ่งอุปาทาน เหตุเกิดแห่งอุปาทาน ความดับ
แห่งอุปาทาน และข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งอุปาทาน สัจจะด้วยความ
แทงตลอดอย่างนี้.
สัจจะด้วยความแสวงหาอย่างนี้ว่า ตัณหามีอะไรเป็นเหตุ...มีอะไร
เป็นแดนเกิด ? สัจจะด้วยความกำหนดอย่างนี้ว่า ตัณหามีเวทนาเป็นเหตุ...
มีเวทนาเป็นแดนเกิด ญาณรู้ชัดซึ่งตัณหา เหตุเกิดแห่งตัณหา ความดับแห่ง
ตัณหา และข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งตัณหา สัจจะด้วยความแทง-
ตลอดอย่างนี้.

สัจจะด้วยความแสวงหาอย่างนี้ว่า เวทนามีอะไรเป็นเหตุ...มีอะไร
เป็นแดนเกิด ? สัจจะด้วยความกำหนดอย่างนี้ว่า ตัณหามีผัสสะเป็นเหตุ...
มีผัสสะเป็นแดนเกิด ญาณรู้ชัดซึ่งเวทนา เหตุเกิดแห่งเวทนา ความดับแห่ง
เวทนา และข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งเวทนา สัจจะด้วยความแทงตลอด
อย่างนี้.
สัจจะด้วยความแสวงหาอย่างนี้ว่า ผัสสะมีอะไรเป็นเหตุ...มีอะไร
เป็นแดนเกิด ? สัจจะด้วยความกำหนดอย่างนี้ว่า ผัสสะมีสฬายตนะเป็นเหตุ
...มีสฬายตนะเป็นแดนเกิด ญาณรู้ชัดซึ่งผัสสะ เหตุเกิดแห่งผัสสะ ความดับ
แห่งผัสสะ เเละข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งผัสสะ สัจจะด้วยความ
แทงตลอดอย่างนี้.
สัจจะด้วยความแสวงหาอย่างนี้ว่า สฬายตนะมีอะไรเป็นเหตุ...มีอะไร
เป็นแดนเกิด ? สัจจะด้วยความกำหนดอย่างนี้ว่า สฬายตนะมีนามรูปเป็นเหตุ
... มีนามรูปเป็นแดนเกิด ญาณรู้ชัดซึ่งสฬายตนะ เหตุเกิดสฬายตนะ ความ
ดับสฬายตนะ และข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับสฬายตนะ สัจจะด้วยความ
แทงตลอดอย่างนี้.
สัจจะด้วยความแสวงหาอย่างนี้ว่า นามรูปมีอะไรเป็นเหตุ... มีอะไร
เป็นแดนเกิด ? สัจจะด้วยความกำหนดอย่างนี้ว่า นามรูปมีวิญญาณเป็นเหตุ... .
วิญญาณเป็นแดนเกิด ญาณรู้ชัดซึ่งนามรูป เหตุเกิดนามรูป ความดับนามรูป
และข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับนามรูป สัจจะด้วยความแทงตลอดอย่างนี้.
สัจจะด้วยความแสวงหาอย่างนี้ว่า วิญญาณมีอะไรเป็นเหตุ...มีอะไร
เป็นแดนเกิด ? สัจจะด้วยความกำหนดอย่างนี้ว่า วิญญาณมีสังขารเป็นเหตุ...

มีสังขารเป็นแดนเกิด ญาณรู้ชัดซึ่งวิญญาณ เหตุเกิดวิญญาณ ความดับวิญญาณ
และข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับวิญญาณ สัจจะด้วยความแทงตลอดอย่างนี้...
สัจจะด้วยความแสวงหาอย่างนี้ว่า สังขารมีอะไรเป็นเหตุ... มีอะไร
เป็นแดนเกิด ? สัจจะด้วยความกำหนดอย่างนี้ว่า สังขารมีอวิชชาเป็นเหตุ...
มีอวิชชาเป็นแดนเกิด ญาณรู้ชัดซึ่งสังขาร เหตุเกิดสังขาร ความดับสังขาร
และข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับสังขาร สัจจะด้วยความแทงตลอดอย่างนี้.
[556] ชราและมรณะเป็นทุกขสัจ ชาติเป็นสมุทัยสัจ ความสลัด
ชรามรณะและชาติ แม้ทั้งสองเป็นนิโรธสัจ การรู้จักความดับเป็นมรรคสัจ
ชาติเป็นทุกขสัจ ภพเป็นสมุทัยสัจ การสลัดชาติและภพแม้ทั้งสองเป็นนิโรธสัจ
การรู้จักความดับเป็นมรรคสัจ อุปาทานเป็นทุกขสัจ ตัณหาเป็นสมุทัยสัจ
การสลัดอุปาทานและตัณหาแม้ทั้งสองเป็นนิโรธสัจ การรู้จักความดับเป็น
มรรคสัจ ตัณหาเป็นทุกขสัจ เวทนาเป็นสมุทัยสัจ การสลัดตัณหาและเวทนา
แม้ทั้งสองเป็นนิโรธสัจ การรู้จักความดับเป็นมรรคสัจ เวทนาเป็นทุกขสัจ
ผัสสะเป็นสมุทัยสัจ การสลัดเวทนาและผัสสะแม้ทั้งสองเป็นนิโรธสัจ การรู้จัก
ความดับเป็นมรรคสัจ ผัสสะเป็นทุกขสัจ สฬายตนะเป็นสมุทัยสัจ การสลัด
ผัสสะและสฬายตนะแม้ทั้งสองเป็นนิโรธสัจ การรู้จักความดับเป็นมรรคสัจ
สฬายตนะเป็นทุกขสัจ นามรูปเป็นสมุทัยสัจ การสลัดสฬายตนะและนามรูป
แม้ทั้งสองเป็นนิโรธสัจ การรู้จักความดับเป็นมรรคสัจ นามรูปเป็นทุกขสัจ
วิญญาณเป็นสมุทัยสัจ การสลัดนามรูปและวิญญาณแม้ทั้งสองเป็นนิโรธสัจ
การรู้จักความดับเป็นมรรคสัจ วิญญาณเป็นทุกขสัจ สังขารเป็นสมุทัยสัจ การ
สลัดวิญญาณและสังขารแม้ทั้งสองเป็นนิโรธสัจ การรู้จักความดับเป็นมรรคสัจ
สังขารเป็นทุกขสัจ อวิชชาเป็นสมุทัยสัจ การสลัดสังขารและอวิชชาแม้ทั้งสอง

เป็นนิโรธสัจ การรู้จักความดับเป็นมรรคสัจ ชรามรณะเป็นทุกขสัจ ชาติเป็น
ทุกขสัจก็มี เป็นสมุทัยสัจก็มี การสลัดชรามรณะและชาติแม้ทั้งสองเป็นนิโรธสัจ
การรู้จักความดับเป็นมรรคสัจ ชาติเป็นทุกขสัจ ภพเป็นทุกขสัจก็มี เป็น
สมุทัยสัจก็มี การสลัดชาติและภพแม้ทั้งสองเป็นนิโรธสัจ การรู้จักความดับ
เป็นมรรคสัจ ฯลฯ สังขารเป็นทุกขสัจ อวิชชาเป็นทุกขสัจก็มี เป็นสมุทัยสัจ
ก็มี การสลัดสังขารและอวิชชาแม้ทั้งสองเป็นนิโรธสัจ การรู้จักความดับเป็น
มรรคสัจ ฉะนี้แล.
จบสัจจกถา
จบภาณวาร

อรรถกถาสัจกถา


บัดนี้ จะพรรณนาตามลำดับ ความที่ยังไม่เคยพรรณนาแห่งสัจจกถา
อันมีพระสูตรเป็นเบื้องต้น อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงถึงความวิเศษของ
การแทงตลอดสัจจะ อันตั้งอยู่บนความจริงด้วยสามารถแห่งอริยมรรคอันเป็น
คุณของธรรมคู่กันตรัสไว้แล้ว.
พึงทราบวินิจฉัยในพระสูตรนั้นก่อน ดังต่อไปนี้. บทว่า ตถานิ
คือ เป็นของแท้ด้วยความเป็นจริง จริงอยู่ ธรรมชาติทั้งหลายอันเป็นความ
จริงนั่นแหละชื่อว่า สัจจะ ด้วยอรรถว่าเป็นจริง. อรรถแห่งสัจจะท่านกล่าวไว้
แล้วในอรรถกถาปฐมญาณนิเทศ. บทว่า อวิตถานิ เป็นของไม่ผิด คือ
ปราศจากความตรงกันข้ามในสภาพที่กล่าวแล้ว เพราะสัจจะไม่มี ก็ชื่อว่า