เมนู

โคจรนานัตตญาณนิทเทส


[163] ปัญญาในการกำหนดธรรมเป็นภายนอก เป็นโคจร-
นานัตตญาณอย่างไร พระโยคาวจรย่อมกำหนดธรรมทั้งหลายเป็นภาย
นอกอย่างไร ?
พระโยคาวจรย่อมกำหนดรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
ธรรมารมณ์เป็นภายนอก.
พระโยคาวจรย่อมกำหนดรูปเป็นภายนอกอย่างไร ?
ย่อมกำหนดว่า รูปเกิดเพราะอวิชชา เกิดเพราะตัณหา เกิด
เพราะกรรม เกิดเพราะอาหาร อาศัยมหาภูตรูป 4 เกิดแล้ว เข้ามา
ประชุมแล้ว รูปไม่มีแล้วมี มีแล้วจักไม่มี ย่อมกำหนดรูป โดยความ
เป็นของมีที่สุด กำหนดว่ารูปไม่ยั่งยืน ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนไป
เป็นธรรมดา รูปไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มี
ความสิ้นไปเป็นธรรมดา เสื่อมไปเป็นธรรมดา คลายไปเป็นธรรมดา
ดับไปเป็นธรรมดาย่อมกำหนดรูปโดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่กำหนด
โดยความเป็นของเที่ยง กำหนดโดยความเป็นทุกข์ ไม่กำหนดโดยความ
เป็นสุข กำหนดโดยความเป็นอนัตตา ไม่กำหนดโดยความเป็นอนัตตา
ย่อมเบื่อหน่าย ไม่ยินดี ย่อมคลายกำหนัด ไม่กำหนัด ย่อมยังราคะ
ให้ดับ ไม่ให้เกิด ย่อมสละคืน ไม่ยึดถือ เมื่อกำหนดโดยความเป็น

ของไม่เที่ยง ย่อมละความสำคัญว่าเป็นของเที่ยงได้ เมื่อกำหนดโดย
ความเป็นอนัตตา ย่อมละความสำคัญว่าเป็นตัวตนได้ เมื่อเบือหน่าย
ย่อมละความยินดีได้ เมือคลายกำหนัด ย่อมละราคะได้ เมื่อยังราคะ
ให้ดับ ย่อมละเหตุให้เกิดได้ เมื่อสละคืน ย่อมละความยึดถือได้
พระโยคาวจรย่อมกำหนดรูปเป็นภายนอกอย่างนี้.
[164] พระโยคาวจรย่อมกำหนดเสียงเป็นภายนอกอย่างไร ?
ย่อมกำหนดว่า เสียงเกิดเพราะอวิชชา ฯลฯ พระโยคาวจร
ย่อมกำหนดเนียงเป็นภายนอกอย่างนี้,
พระโยคาวจรย่อมกำหนดเป็นภายนอกอย่างไร ?
ย่อมกำหนดว่า รสเกิดเพราะอวิชชา ฯลฯ พระโยคาวจร
ย่อมกำหนดรสเป็นภายนอกอย่างนี้.
พระโยคาวจรย่อมกำหนดโผฏฐัพพะเป็นภายนอกอย่างไร ?
ย่อมกำหนดว่า โผฏฐัพพะเกิดเพราะอวิชชา เกิดเพราะตัณหา
ย่อมกำหนดโผฏฐัพพะเป็นภายนอกอย่างนี้.
พระโยคาวจรย่อมกำหนดธรรมารมณ์เป็นภายนอกอย่างไร ?
ย่อมกำหนด ธรรมมารมณ์เกิดเพราะตัณหา
เกิดเพราะกรรม เกิดเพราะอาหาร เกิดแล้ว เข้าประชุมพร้อมแล้วว่า
ธรรมารมณ์ไม่มีแล้วมี มีแล้วจักไม่มี ย่อมกำหนดธรรมารมณ์โดยความ

เป็นของมีที่สุด กำหนดว่า ธรรมารมณ์ไม่ยั่งยืน ไม่เที่ยง มีความ
แปรปรวนเป็นธรรมดา ธรรมารมณ์ไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่ง อาศัย
ปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา เสื่อมไปเป็นธรรมดา คลาย
ไปเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา ย่อมกำหนดธรรมารมณ์โดยความ
เป็นของไม่เที่ยง ไม่กำหนดโดยความเป็นของเที่ยง กำหนดโดยความ
เป็นทุกข์ ไม่กำหนดโดยความเป็นสุข กำหนดโดยความเป็นอนัตตา
ไม่กำหนดโดยความเป็นอัตตา ย่อมเบื่อหน่าย ไม่ยินดี ย่อมคลาย
กำหนัด ไม่กำหนัด ย่อมยังราคะให้ดับ ไม่ให้เกิด ย่อมสละคืน ไม่
ยึดถือ เมื่อกำหนดโดยความเป็นของไม่เที่ยง ย่อมละความสำคัญว่า
เป็นของเที่ยงได้ เมื่อกำหนดโดยความเป็นทุกข์ ย่อมละความสำคัญว่า
เป็นสุขได้ เมื่อกำหนดโดยความเป็นอนัตตา ย่อมละความสำคัญว่าเป็น
ตัวตนได้ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมละความยินดีได้ เมื่อคลายกำหนัด ย่อม
ละราคะได้ เมื่อยังราคะให้ดับ ย่อมละเหตุให้เกิดได้ เมื่อสละคืน
ย่อมละความยึดถือได้ พระโยคาวจรย่อมกำหนดธรรมารมณ์เป็นภาย
นอกอย่างนี้.

ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญา เพราะ
อรรถว่ารู้ชัด เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาในการกำหนด
ธรรมเป็นภายนอก เป็นโคจรนานัตตญาณ.

อรรถกถา โคจรนานัตตญาณนิทเทส


[63 - 164] พึงทราบวินิจฉัยในโคจรนานัตตญาณนิทเทส
ดังต่อไปนี้. บทว่า รูเป พหิทฺธา ววตฺเถติ พระโยคาวจรย่อม
กำหนดรูปเป็นภายนอก ความว่า ย่อมกำหนดรูปายตนธรรมอันเป็น
ภายนอกจากภายใน.
บทมีอาทิว่า อวิชฺชาสมฺภูตา - เกิดเพราะอวิชชา ท่านกล่าว
ไว้แล้ว เพราะกัมมชรูปนับเนื่องด้วยอัตภาพ. จริงอยู่ แม้อาหารก็เป็น
ปัจจัยอุปถัมภ์กัมมชรูป. แต่เพราะเสียงเป็นสมุฏฐานแห่งอุตุและจิต
ท่านจึงไม่กล่าวถึงธรรมหมวด 4 มีเกิดเพราะอวิชชาเป็นต้น. เพราะ
โผฏฐัพพะเป็นมหาภูตรูปเอง ท่านจึงไม่กล่าวว่าอาศัยมหาภูตรูป 4.
อนึ่ง ในบทว่า ธมฺมา นี้ ได้แก่ ขันธ์ไม่มีรูป 3 อันประกอบ
ด้วยใจอันเป็นภวังค์. สุขุมรูปอื่นนับเนื่องในธรรมายตนะ แม้มีกรรม
เป็นสมุฏฐานและรูปเป็นต้น แม้ทั้งหมด. อีกอย่างหนึ่ง รูปใด ๆ ย่อม
เกิดขึ้นด้วยกรรมใด ๆ. พึงทราบรูปนั้นๆ ด้วยกรรมนั้น.
จริงอยู่ ธรรมทั้งหลายมีรูปเป็นต้น แม้นับเนื่องในสันดาน
ของตนก็ไม่พึงสงเคราะห์เข้าไปทั้งหมด. เพราะแม้รูปอันเนื่องด้วย
อนินทรีย์เป็นต้น ก็เข้าถึงวิปัสสนาได้. ฉะนั้นพึงทราบการสงเคราะห์
ธรรมเหล่านั้นด้วยบทว่า กมฺมสมฺภูตํ - เกิดเพราะกรรม. เพราะแม้