วัตถุนานัตตญาณนิทเทส
[160] ปัญญาในการกำหนดธรรมเป็นภายใน เป็นวัตถุนา-
นัตตญาณอย่างไร ?
พระโยคาวจรย่อมกำหนดธรรมทั้งหลายเป็นภายในอย่างไร ?
ย่อมกำหนด ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นภายใน.
[161] พระโยคาวจรย่อมกำหนดจักษุเป็นภายในอย่างไร ?
ย่อมกำหนดว่า จักษุเกิดเพราะอวิชชา เกิดเพราะตัณหา เกิด
เพราะกรรม เกิดเพราะอาหาร1 อาศัยมหาภูตรูป 4 เกิดแล้ว เข้ามา
ประชุมแล้ว ว่า จักษุไม่มีแล้วมี มีแล้วจักไม่มี ย่อมกำหนดจักษุ
โดยความเป็นของมีที่สุด กำหนดว่าจักษุไม่ยั่งยืน ไม่เที่ยง มีความ
แปรปรวนไปเป็นธรรมดา จักษุไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่ง อาศัย
ปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา เสื่อมไปเป็นธรรมดา คลาย
1. วิสุทธิมรรคบาลี หน้า 220 - 221 (พิมพ์ พ.ศ. 2503) แสดงการเกิด
ของรูปธรรมไว้ว่า
อวิชฺชา ตณฺหา อุปาทานํ กมฺมนฺติ อิเม จตฺตาโร ฯเปฯ ปจฺจยปริคฺคหํ
กโรติ = รูปธรรมนี้ มีเหตุปัจจัยให้เกิดขึ้น 5 อย่าง คือ อวิชชา ตัณหา
อุปาทาน เป็นเหมือนมารดาผู้เป็นเหตุให้บุตรเกิด กรรม เป็นเหมือนบิดาผู้ทำให้
เกิด ส่วนอาหาร เป็นปัจจัยอุปการะรูปนั้นให้ดำรงอยู่เป็นเหมือนพี่เลี้ยงคอยอุ้มชู
ตามที่กล่าวมานี้แสดงถึงการเกิดของรูปธรรม เพราะธรรม 5 คือ อวิชชา ตัณหา
อุปาทาน กรรม และอาหาร. ส่วนในปฏิสัมภิทานี้ ท่านแสดงนัยอีกแบบหนึ่ง.
ไปเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา กำหนดจักษุโดยความเป็นของ
ไม่เที่ยง ไม่กำหนดโดยความเป็นของเที่ยง กำหนดโดยความเป็นทุกข์
ไม่กำหนดโดยความเป็นสุข กำหนดโดยความเป็นอนัตตา ไม่กำหนด
โดยความเป็นอัตตา ย่อมเบื่อหน่าย ไม่ยินดี ย่อมคลายกำหนัด ไม่
กำหนัด ย่อมให้ราคะดับไป ไม่ให้เกิดขึ้น ย่อมสละคืน ไม่ยึดถือ
เมื่อกำหนดโดยความเป็นของไม่เทียง ย่อมละความสำคัญว่าเป็นของ
เที่ยงได้ เมื่อกำหนดโดยความเป็นทุกข์ ย่อมละความสำคัญว่าเป็นสุขได้
เมื่อกำหนดโดยความเป็นอนัตตา ย่อมละความสำคัญว่าเป็นตัวตนได้
เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมละความยินดีได้ เมื่อคลายกำหนัด ย่อมละราคะ
ได้ เมื่อให้ราคะดับ ย่อมละเหตุให้เกิดได้ เมื่อสละคืน ย่อมละความ
ยึดถือได้ พระโยคาวจรย่อมกำหนดจักษุเป็นภายในอย่างนี้.
[162] พระโยคาวจรย่อมกำหนดหูเป็นภายในอย่างไร ?
ย่อมกำหนดว่า หูเกิดเพราะอวิชชา ฯลฯ พระโยคาวจรย่อม
กำหนดหูเป็นภายในอย่างนี้.
พระโยคาวจรย่อมกำหนดจมูกเป็นภายในอย่างไร ?
ย่อมกำหนดว่า จมูกเกิดเพราะอวิชชา ฯลฯ พระโยคาวจร
ย่อมกำหนดจมูกเป็นภายในอย่างนี้.
พระโยคาวจรย่อมกำหนดลิ้นเป็นภายในอย่างไร ?
ย่อมกำหนดว่า ลิ้นเกิดเพราะอวิชชา ฯลฯ พระโยคาวจร
ย่อมกำหนดลิ้นเป็นภายในอย่างนี้.
พระโยคาวจรย่อมกำหนดกายเป็นภายในอย่างไร ?
ย่อมกำหนดว่า กายเกิดเพราะอวิชชา ฯลฯ พระโยคาวจร
ย่อมกำหนดกายเป็นภายในอย่างนี้.
พระโยคาวจรย่อมกำหนดใจเป็นภายในอย่างไร ?
ย่อมกำหนดว่า ใจเกิดเพราะอวิชชา เกิดเพราะตัณหา เกิด
เพราะกรรม เกิดเพราะอาหาร อาศัยมหาภูตรูป 4 เกิดแล้ว เข้า
ประชุมกันแล้วว่า ใจไม่มีแล้วมี มีแล้วจักไม่มี ย่อมกำหนดใจโดยความ
เป็นของมีที่สุด กำหนดว่า ใจไม่ยั่งยืน ไม่เที่ยง มีความแปรปรวน
ไปเป็นธรรมดา ใจไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น
มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา เสื่อมไปเป็นธรรมดา คลายไปเป็นธรรมดา
ดับไปเป็นธรรมดา กำหนดใจโดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่กำหนด
โดยความเป็นของเที่ยง กำหนดโดยความเป็นทุกข์ ไม่กำหนดโดยความ
เป็นสุข กำหนดโดยความเป็นอนัตตา ไม่กำหนดโดยความเป็นอัตตา
ย่อมเบื่อหน่าย ไม่ยินดี ย่อมคลายกำหนัด ไม่กำหนัด ย่อมยังราคะให้ดับ
ไม่ให้เกิด ย่อมสละคืน ไม่ยึดถือ เมื่อกำหนดโดยความเป็นของไม่เที่ยง
ย่อมละความสำคัญว่าเป็นของเที่ยงได้ เมื่อกำหนดโดยความเป็นทุกข์
ย่อมละความสำคัญว่าเป็นสุขได้ เมื่อกำหนดโดยความเป็นอนัตตาย่อม
ละความสำคัญว่าเป็นตัวตนได้ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมละความยินดีได้ เมื่อ
คลายกำหนัด ย่อมละราคะได้ เมื่อยังราคะให้ดับ ย่อมละเหตุให้เกิดได้
เมื่อสละคืน ย่อมละความยึดถือได้ พระโยคาวจรย่อมกำหนดใจเป็นภาย
ในอย่างนี้ ย่อมกำหนดธรรมเป็นภายในอย่างนี้.
ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญา เพราะ
อรรถว่ารู้ชัด เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาในการกำหนด
ธรรมเป็นภายใน เป็นวัตถุนานัตตญาณ.
15. อรรถกถาวัตถุนานัตตญาณนิทเทส
[160 - 162] พึงทราบวินิจฉัยในวัตถุนานัตตญาณนิทเทส
ดังต่อไปนี้. บทว่า จกฺขุํ อชฺฌตฺตํ ววตฺเถต - พระโยคาวจรย่อม
กำหนดจักษุเป็นภายใน ความว่า พระสารีบุตรเถระประสงค์จะกล่าว
โดยอาการที่พระโยคาวจรนั้นกำหนดจักษุ จึงถามว่า กำหนดจักษุเป็น
ภายในอย่างไร แล้วแสดงอาการกำหนดโดยคำมีอาทิว่า จกฺขุ อวิชฺชา-
สมฺภูตนฺติ ววตฺเถติ - ย่อมกำหนดว่า จักษุเกิดเพราะอวิชชา ดังนี้.
พึงทราบความในบทเหล่านั้นดังต่อไปนี้ อวิชชา ตัณหาที่เป็น
อดีต เป็นเหตุอปถัมภ์ กรรมที่เป็นอดีตเป็นเหตุให้เกิด อาหาร
เป็นเหตุอุปถัมภ์ในบัดนี้. ด้วยบทนั้น เป็นอันท่านถือเอา อุตุและ
จิต อุปถัมภ์จักษุด้วย.