เมนู

สีลมยญาณนิทเทส


[86] ปัญญาในการฟังธรรมแล้วสำรวมไว้ ชื่อว่าสีลมยญาณ
อย่างไร ?
ศีล 5 ประเภท คือ ปริยันตปาริสุทธิศีล-ศีลคือความบริสุทธิ์
มีส่วนสุด 1. อปริยันตปาริสุทธิศีล-ศีลคือความบริสุทธิ์ไม่มีส่วนสุด
ปริปุณณปาริสุทธิศีล-ศีลคือความบริสุทธิ์เต็มรอบ 1. อปรามัฏฐปาริ-
สุทธิศีล-ศีลคือความบริสุทธิ์อันทิฏฐิไม่จับต้อง 1. ปฏิปัสสัทธิปาริสุทธิ
ศีล-ศีลคือความบริสุทธิ์โดยระงับ 1.
ในศีล 5 ประการนี้ ปริยันตปาริสุทธิศีลเป็นไฉน ปริยันต-
ปาริสุทธิศีลนี้ ของอนุปสัมบันผู้มีสิกขาบทมีที่สุด.
อปริยันตปาริสุทธิศีลเป็นไฉน อปริยันตปาริสุทธิศีลนี้ ของ
อุปสัมบันผู้มีสิกขาบทไม่มีที่สุด.
ปริปุณณปาริสุทธิศีลเป็นไฉน ปริปุณณปาริสุทธิศีลนี้ ของ
กัลยาณปุถุชนผู้ประกอบในกุศลธรรม ผู้กระทำให้บริบูรณ์ในธรรมอัน
เป็นที่สุดของพระอเสขะ ผู้ไม่อาลัยในร่างกายและชีวิต ผู้สละชีวิต
แล้ว
อปรามัฏฐปาริสุทธิศีลเป็นไฉน อปรามัฏฐปาริสุทธิศีลนี้ ของ
พระเสขะ 7 จำพวก.

ปฏิปัสสัทธิปาริสุทธิศีลเป็นไฉน ปฏิปัสสัทธิปาริสุทธิศีลนี้ ของ
พระขีณาสพสาวกพระตถาคตเจ้า ของพระปัจเจกพุทธเจ้า และของ
พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
[78] ศีลมีที่สุดก็มี ศีลไม่มีที่สุดก็มี ในศีล 2 อย่างนั้น
ศีลมีที่สุดนั้นเป็นไฉน ศีลมีที่สุดเพราะลาภก็มี ศีลมีที่สุดเพราะยศก็มี
ศีลมีที่สุดเพราะญาติก็มี ศีลมีที่สุดเพราะอวัยวะก็มี ศีลมีที่สุดเพราะ
ชีวิตก็มี.
ศีลมีที่สุดเพราะลาภนั้นเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ย่อม
ล่วงสิกขาบทตามที่ตนสมาทานไว้เพราะเหตุแห่งลาภ เพราะปัจจัยแห่ง
ลาภ เพราะการณ์แห่งลาภ ศีลนี้เป็นลาภปริยันตศีล.
ศีลมีที่สุดเพราะยศเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ ...เพราะ
เหตุแห่งยศ... ศีลนี้เป็นยสปริยันตศีล.
ศีลมีที่สุดเพราะญาตินั้นเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้...
เพราะเหตุแห่งญาติ.. .ศีลนี้เป็นญาติปริยันตศีล.
ศีลมีที่สุดเพราะอวัยวะนั้นเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้...
เพราะเหตุแห่งอวัยวะ . ..ศีลนี้เป็นอังคปริยันตศีล.
ศีลมีที่สุดเพราะชีวิตนั้นเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อม
ล่วงสิกขาบทตามที่ตนสมาทานไว้เพราะเหตุแห่งชีวิต เพราะปัจจัยแห่ง
ชีวิต เพราะการณ์แห่งชีวิต ศีลนี้เป็นชีวิตปริยันตศีล ศีลเห็นปานนี้

เป็นศีลขาด เป็นศีลทะลุ ด่าง พร้อย ไม่เป็นไทย วิญญูชนไม่
สรรเสริญ อันตัณหาและทิฏฐิจับต้องแล้ว ไม่เป็นไปเพื่อสมาธิ เป็นที่
ตั้งแห่งความเดือดร้อน ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความปราโมทย์ ไม่เป็นที่ตั้งแห่ง
ปีติ ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความระงับ ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความสุข ไม่เป็นที่ตั้ง
แห่งสมาธิ ไม่เป็นที่ตั้งแห่งยถาภูตญาณทัศนะ ไม่เป็นไปเพื่อความ
เบื่อหน่าย เพื่อความคายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบระงับ
เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน โดยส่วนเดียว ศีลนี้
เป็นปริยันตศีล.
[88] ศีลไม่มีที่สุดนั้นเป็นไฉน ศีลไม่มีที่สุดเพราะลาภก็มี
ศีลไม่มีที่สุดเพราะยศก็มี ศีลไม่มีที่สุดเพราะญาติก็มี ศีลไม่มีที่สุดเพราะ
อวัยวะก็มี ศีลไม่มีที่สุดเพราะชีวิตก็มี.
ศีลไม่มีที่สุดเพราะลาภเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ แม้
ความคิดก็ไม่ให้เกิดขึ้นเพื่อจะล่วงสิกขาบทตามที่ตนสมาทานไว้ เพราะ
เหตุแห่งลาภ เพราะปัจจัยแห่งลาภ เพราะการณ์แห่งลาภ อย่างไร
เขาจักล่วงสิกขาบทเล่า ศีลนี้เป็นศีลไม่มีที่สุดเพราะลาภ.
ศีลไม่มีที่สุดเพราะยศนั้นเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้...
เพราะเหตุแห่งยศ . . . ศีลนี้เป็นศีลไม่มีที่สุดเพราะยศ.
ศีลไม่มีที่สุดเพราะญาตินั้นเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ ...
เพราะเหตุแห่งญาติ. . .ศีลนี้เป็นศีลไม่มีที่สุดเพราะญาติ.

ศีลไม่มีที่สุดเพราะอวัยวะนั้นเป็นไฉนบุคคลบางคนในโลกนี้ ...
เพราะเหตุแห่งอวัยวะ... ศีลนี้เป็นศีลไม่มีที่สุดเพราะอวัยวะ.
ศีลไม่มีที่สุดเพราะชีวิตนั้นเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ แม้
ความคิดก็ไม่ให้เกิดขึ้นเพื่อล่วงสิกขาบท ตามที่ตนสมาทานไว้ เพราะ
เหตุแห่งชีวิต เพราะปัจจัยแห่งชีวิต เพราะการณ์แห่งชีวิต อย่างไร
เขาจักล่วงสิกขาบทเล่า ศีลนี้เป็นศีลไม่มีที่สุดเพราะชีวิต ศีลเห็นปานนี้
เป็นศีลไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไทย วิญญูชนสรรเสริญ
อันตัณหาและทิฏฐิไม่จับต้อง เป็นไปเพื่อสมาธิ ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความ
เดือดร้อน เป็นที่ตั้งแห่งความปราโมทย์ เป็นที่ตั้งแห่งปีติ เป็นที่ตั้ง
แห่งความระงับ เป็นที่ตั้งแห่งความสุข เป็นที่ตั้งแห่งสมาธิ เป็นที่ตั้ง
แห่งยถาภูตญาณทัศนะ ย่อมเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อความ
คลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อ
ความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน โดยส่วนเดียว ศีลนี้เป็นอปริยันตศีล.
[89]อะไรเป็นศีล ศีลมีเท่าไร ศีลมีอะไรเป็นสมุฏฐาน
ศีลเป็นที่ประชุมแห่งธรรมอะไร?

อะไรเป็นศีล ? เจตนาเป็นศีล เจตสิกเป็นศีล ความ
สำรวมเป็นศีล ความไม่ล่วงเป็นศีล.
ศีลมีเท่าไร ? ศีลมี 3 คือ กุศลศีล อกุศลศีล อัพยากตศีล.
ศีลมีอะไรเป็นสมุฏฐาน ? กุศลศีลมีกุศลจิตเป็นสมุฏฐาน

อกุศลศีลมีอกุศลจิตเป็นสมุฏฐาน อัพยากตศีลมีอัพยากตจิตเป็นสมุฏ-
ฐาน.
ศีลเป็นที่ประชุมแห่งธรรมอะไร ศีลเป็นที่ประชุมแห่ง
สังวร เป็นที่ประชุมแห่งการไม่ก้าวล่วง เป็นที่ประชุมแห่งเจตนาอันเกิด
ในความเป็นอย่างนั้น ชื่อว่าศีล เพราะอรรถว่าสำรวม และไม่ก้าวล่วง
ปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท ปิสุณาวาจา
ผรุสวาจา สัมผัปปลาปะ อภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฏฐิ ชื่อว่าศีล
เพราะอรรถว่าสำรวม และไม่ก้าวล่วงกามฉันทะ ด้วยเนกขัมมะ . . .
ความพยาบาทด้วยความไม่พยาบาท ... ถีนมิทธะด้วยอาโลกสัญญา . ..
อุทธัจจะด้วยความไม่ฟุ้งซ่าน ...วิจิกิจฉาด้วยการกำหนดธรรม... อวิชชา
ด้วยญาณ ... อรติด้วยความปราโมทย์ ... นิวรณ์ด้วยปฐมฌาน .. . วิตก
วิจารด้วยทุติยฌาน ...ปีติด้วยตติยฌาน ... สุขและทุกข์ด้วยจตุตถฌาน...
รูปสัญญา ปฏิฆสัญญา นานัตตสัญญา ด้วยอากาสานัญจายตนสมาบัติ...
อากาสานัญจายตนสสัญญาด้วยวิญญาณัญจายตนสมาบัติ...วิญญาณัญ-
จายตนสัญญาด้วยอากิญจัญญายตนสมาบัติ... อากิญจัญญายตนสัญญา
ด้วยเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติ...นิจสัญญาด้วยอนิจจานุปัสนา...
สุขสัญญาด้วยทุกขานุปัสนา... อัตสัญญาด้วยอนัตตานุปัสนา... นันทิ
ด้วยนิพพิทานุปัสนา...ราคะด้วยวิราคานุปัสนา...สมุทัยด้วยนิโรธา-
นุปัสนา...อาทานด้วยปฏินิสสัคคานุปัสนา... ฆนสัญญาด้วยขยา-

นุปัสนา ... อายุหนะด้วยวยานุปัสนา... ธุวสัญญาด้วยวิปริณามานุปัสนา
...นิมิตด้วยอนิมิตตานุปัสนา...ปณิธิด้วยอัปปณิหิตานุปัสนา...อภินิเวส
ด้วยสุญญตานุปัสนา...สาราทานาภินิเวสด้วยอธิปัญญาธรรมวิปัสนา...
สัมโมหาภินิเวสด้วยถาภูตญาณทัศนะ... อาลยาภินิเวสด้วยอาทีนวานุปัส-
นา...อัปปฏิสังขาด้วยปฏิสังขานุปัสนา... สังโยคาภินิเวศด้วยวิวัฏฏนานุ-
ปัสนา...กิเลสที่ตั้งอยู่ร่วมกันกับทิฏฐิด้วยโสดาปัตติมรรค...กิเลส
หยาบ ๆ ด้วยสกทาคามิมรรค กิเลสละเอียดด้วยอนาคามิมรรค ชื่อว่าศีล
เพราะอรรถว่าสำรวม และไม่ก้าวล่วงกิเลสทั้งปวงด้วยอรหัตมรรค.

[ 90 ]ศีล 5 คือ การละปาณาติบาตเป็นศีล เวรมณี การ
งดเว้นเป็นศีล เจตนาเป็นศีล สังวรเป็นศีล การไม่ล่วงเป็นศีล ศีล
เห็นปานนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เดือดร้อนแห่งจิต เพื่อความปรา-
โมทย์ เพื่อปีติ เพื่อปัสสัทธิ เพื่อโสมนัส เพื่อการเสพโดยเอื้อเฟื้อ
เพื่อความเจริญ เพื่อทำให้มาก เพื่อเป็นเครื่องประดับ เพื่อเป็นบริขาร
เพื่อเป็นบริวาร เพื่อความบริบูรณ์ ย่อมเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย
เพื่อความคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง
เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน โดยส่วนเดียว.
บรรดาศีลเห็นปานนี้ สังวรปาริสุทธิ ความบริสุทธิ์ด้วยความ
สำรวมเป็นอธิศีล จิตตั้งอยู่ในความบริสุทธิ์ด้วยความสำรวม ย่อมไม่ถึง
ความฟุ้งซ่าน อวิกเขปปาริสุทธิ ความบริสุทธิ์คือความที่จิตไม่ฟุ้งซ่าน

เป็นอธิจิต พระโยคาวจรย่อมเห็นสังวรปาริสุทธิโดยชอบ ย่อมเห็น
อวิกเขปปาริสุทธิโดยชอบ ทัสนปาริสุทธิความบริสุทธิ์แห่งทัสนะ. เป็น
อธิปัญญา.
ในความสำรวม ความไม่ฟุ้งซ่านและทัสนะนั้น ความสำรวม
เป็นอธิศีลสิกขา ความไม่ฟุ้งซ่านเป็นอธิจิตสิกขา ความเห็นแจ้ง เป็น
อธิปัญญาสิกขา พระโยคาวจรเมื่อนึกถึงสิกขา 3 นี้ ชื่อว่าย่อมศึกษา
เมื่อรู้ เมื่อเห็น เมื่อพิจารณา เมื่ออธิฏฐานจิต เมื่อน้อมใจไปด้วย
ศรัทธา เมื่อประคองความเพียรไว้ เมื่อตั้งสติมั่น เมื่อตั้งจิตไว้ เมื่อ
รู้ชัดด้วยปัญญา เมื่อรู้ยิ่งธรรมที่ควรรู้ยิ่ง เมื่อกำหนดรู้ธรรมที่ควร
กำหนดรู้ เมื่อละธรรมที่ควรละ เมื่อเจริญธรรมที่ควรเจริญ เมื่อทำ
ให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้ง ชื่อว่าย่อมศึกษา ทุกอย่าง.
[91]ศีล 5 คือ การละปาณาติบาต อทินนาทาน กาเม-
สุมิจฉาจาร มุสาวาท ปิสุณาวาจา ผรุสวาจา สัมผัปปลาปะ อภิชฌา
พยาบาท มิจฉาทิฏฐิ การละกามฉันทะด้วยเนกขัมมะ การละความ
พยาบาทด้วยความไม่พยาบาท การละถีนมิทธะด้วยอาโลกสัญญา การ
ละอุทธัจจะด้วยความไม่ฟุ้งซ่าน การละวิจิกิจฉาด้วยการกำหนดธรรม
การละอวิชชาด้วยญาณ การละอรติด้วยความปราโมทย์ การละนิวรณ์
ด้วยปฐมฌาน การละวิตกวิจารด้วยทุติยฌาน การละปีติด้วยตติยฌาน
การละสุขและทุกข์ด้วยจตุตถฌาน การละรูปสัญญา, ปฏิฆสัญญา, นา-
นัตตสัญญาด้วยอากาสานัญจายตนสมาบัติ การละอากาสานัญยายตน-

สัญญาด้วยวิญญาณัญจายตนสมาบัติ การละวิญญาณัญจายตนสัญญา
ด้วยอากิญจัญญายตนสมาบัติ การละอากิญจัญจญยตนสัญญาด้วยเนว-
สัญญานาสัญญายตนสมาบัติ การละนิจสัญญาด้วยอนิจจานุปัสนา การ
ละสุขสัญญาด้วยทุกขานุปัสนา การละอัตสัญญาด้วยอนัตตานุปัสนา
การละนันทิด้วยนิพพิทานุปัสนา การละราคะด้วยวิราคานุปัสนา การ
ละสมุทัยด้วยนิโรธานุปัสนา การละอาทานะด้วยปฏินิสสัคคานุปัสนา
การละฆนสัญญาด้วยขยานุปัสนา การละอายุหนะด้วยวยานุปัสนา การ
ละธุวสัญญาด้วยวิปริณาตานุปัสนา การละนิมิตด้วยอนิมิตตานุปัสนา
การละปณิธิด้วยอัปปณิหิตานุปัสนา การละอภินิเวสด้วยสุญญตานุปัสนา
การละสาราทานาภินิเวสด้วยอธิปัญญาธรรมวิปัสสนา การละสัมโมหา
ภินิเวสด้วยยถาภูตญาณทัสนะ การละอาลยาภินิเวสด้วยอาทีนวานุปัสนา
การละอัปปฏิสังขาดัวยปฏิสังขานุปัสสนา การละสังโยคาภินิเวสด้วย
วิวัฏฏนานุปัสนา การละกิเลสที่ตั้งอยู่ร่วมกันกับทิฏฐิด้วยโสดาปัตติมรรค
การละกิเลสที่หยาบ ๆ ด้วยสกทาคามิมรรค การละกิเลสที่ละเอียดด้วย
อนาคามิมรรค การละกิเลสทั้งปวงด้วยอรหัตมรรค การละนั้น ๆ เป็น
ศีล เวรมณีเป็นศีล . . .เมื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้ง ชื่อว่า
ย่อมศึกษา.
ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรมนั้น ๆ ชื่อว่าปัญญา เพราะ
อรรถว่ารู้ชัด เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาในการฟังธรรมแล้ว
สำรวมไว้เป็นสีลมยญาณ.

2 อรรถกถาสีลมยญาณนิทเทส


86]พึงทราบวินิจฉัยในสีลมยญาณนิทเทสดังต่อไปนี้. บทว่า
ปญฺจ คือการกำหนดจำนวน. บทว่า สีลานิ เป็นการแสดงธรรมที่
กำหนดไว้. บทมีอาทิว่า ปริยนฺตปาริสทฺธิสีลํ - ศีลคือความบริสุทธิ์มี
ส่วนสุด ได้แก่ แสดงศีล 5 โดยสรุป.
พึงทราบวินิจฉัยในบทมีอาทิว่า ปริยนฺตปาริสุทฺธิ ดังต่อไปนี้
ความบริสุทธิ์ชื่อว่า ปริยันตะ เพราะความบริสุทธิ์มีส่วนสุด คือมี
กำหนดด้วยการนับเหมือนผ้า เพราะย้อมด้วยสีเขียว จึงเรียกว่า นีลํ
เพราะมีสีเขียว, อีกอย่างหนึ่ง เมื่อศีลสมบูรณ์แล้ว ความบริสุทธิ์
ชื่อว่า ปริยันตะ เพราะมีที่สุดคืออวสาน เพราะผู้มีศีลยังไม่สมบูรณ์
ปรากฏอวสานแล้ว.
อีกอย่างหนึ่งควรกล่าวว่า สปริยนฺตา พึงทราบว่าท่านลบ
อักษรเสีย ดุจลบ อุ อักษรในบทนี้ว่า ทกํ ทกาสยา ปวิสนฺติ1-
กระแสน้ำย่อมไหลไปสู่แม่น้ำ. ความบริสุทธิ์ชื่อว่า ปาริสุทธิ, ความ
บริสุทธิ์นั้นมีส่วน จึงชื่อว่า ปรยันตปาริสุทธิ, ศีล คือ ปริยันต-
ปาริสุทธิ
ชื่อ ปริยันตปาริสุทธิศีล.
1. สํ. ขนฺธ. 17/155.