เมนู

7. ภิกษุ ก้าวล่วงวิญญาณัญจายตนะเสียได้
โดยประการทั้งปวง จึงเข้าอากิญจัญญายตนะด้วย
บริกรรมว่า นตฺถิ กิญฺจิ -นิดหนึ่งหน่อยหนึ่งไม่มี
อยู่.
8. ภิกษุ ก้าวล่วงอากิญจัญญายตนะเสียได้
โดยประการทั้งปวง จึงเข้าเนวสัญญานาสัญญา
ยตนะอยู่
9. ภิกษุ ก้าวล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนะ
เสียได้โดยประการทั้งปวง จึงเข้าสัญญาเวทยิตนิ-
โรธอยู่1 ดังนี้.


อรรถกถาทสกนิทเทส
ว่าด้วย นิชชรวัตถุ 10


คำว่า ทส นิชฺชรวตฺถูนิ - นิชชรวัตถุ 10 ความว่า มิจฉา-
ทิฏฐิเป็นต้น ย่อมเสื่อมลง ย่อมสลายไป ฉะนั้นจึงชื่อว่า นิชชระ.
คำว่า วตฺถูนิ - วัตถุทั้งหลาย ได้แก่เหตุ. วัตถุ คือเหตุนั้นด้วย
เสื่อมลงด้วย ฉะนั้นจึงชื่อว่า นิชชรวัตถุ. นิชชรวัตถุนี้ เป็นชื่อของ
กุศลธรรมมีสัมมาทิฏฐิเป็นต้น. นิชชรวัตถุ 1 เป็นไฉน ? นิชชรวัตถุ
10 พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้แล้วว่า
1. นวก. 23/236.

1. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิจฉาทิฏฐิของผู้มี
สัมมาทิฏฐิ ย่อมเสื่อมลง, อกุศลธรรมอันลามก
เป็นอเนกเหล่าใด มีมิจฉาทิฏฐิเป็นปัจจัย ย่อม
เกิดขึ้น อกุศลธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ของผู้มี
สัมมาทิฏฐินั้น ก็ย่อมเสื่อมลงด้วย. และกุศล-
ธรรมเป็นอเนกมีสัมมาทิฏฐิเป็นปัจจัย ก็ย่อมถึง
ซึ่งความเจริญเต็มที่.
2. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิจฉาสังกัปปะ
ของผู้มีสัมมาสังกัปปะ ย่อมเสื่อมลง, อกุศลธรรม
อันลามกเป็นอเนกเหล่าใด มีมิจฉาสังกัปปะเป็น
ปัจจัย ย่อมเกิดขึ้น อกุศลธรรมทั้งหลายเหล่านั้น
ของผู้มีสัมมาสังกัปปะนั้น ก็ย่อมเสื่อมลงด้วย,
และกุศลธรรมเป็นอเนกมีสัมมาสังกัปปะเป็นปัจจัย
ก็ย่อมถึงซึ่งความเจริญเต็มที่.
3. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิจฉาวาจา ของ
ผู้มีสัมมาวาจา ย่อมเสื่อมลง, อกุศลธรรมอันลามก
เป็นอเนกเหล่าใด มีมิจฉาวาจาเป็นปัจจัย ย่อม
เกิดขึ้น อกุศลธรรมทั้งหลายเหล่านั้นของผู้มีสัม-
มาวาจานั้น ก็ย่อมเสื่อมลงด้วย, และกุศลธรรม

อันเป็นอเนกมีสัมมาวาจาเป็นปัจจัย ก็ย่อมถึงซึ่ง
ความเจริญเต็มที่.
4. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิจฉากัมมันตะ
ของผู้มีสัมมากัมมันตะ ย่อมเสื่อมลง, อกุศลธรรม
อันลามกเป็นอเนกเหล่าใด มีมิจฉากัมมันตะเป็น
ปัจจัย ย่อมเกิดขึ้น อกุศลธรรมทั้งหลายเหล่านั้น
ของผู้มีสัมมากัมมันตะนั้น ก็ย่อมเสื่อมลงด้วย,
และกุศลธรรมเป็นอเนกมีสัมมากัมมันตะเป็นปัจ-
จัย ก็ย่อมถึงซึ่งความเจริญเต็มที่.
5. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิจฉาอาชีวะของ
ผู้มีสัมมาอาชีวะ ย่อมเสื่อมลง, อกุศลธรรมอัน
ลามกเป็นอเนกเหล่าใด มีมิจฉาอาชีวะเป็นปัจจัย
ย่อมเกิดขึ้น อกุศลธรรมทั้งหลายเหล่านั้นของผู้มี
สัมมาอาชีวะนั้น ก็ย่อมเสื่อมลงด้วย, และกุศล-
ธรรมเป็นอเนกมีสัมมาอาชีวะเป็นปัจจัย ก็ย่อมถึง
ซึ่งความเจริญเต็มที่.
6. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิจฉาวายามะของ
ผู้มีสัมมาวายามะ ย่อมเสื่อมลง, อกุศลธรรมอัน

ลามกเป็นอเนกเหล่าใด มีมิจฉาวายามะเป็นปัจจัย
ย่อมเกิดขึ้น อกุศลธรรมทั้งหลายเหล่านั้นของผู้มี
สัมมาวายามะนั้น ก็ย่อมเสื่อมลงด้วย, และกุศล-
ธรรมเป็นอเนกมีสัมมาวายามะเป็นปัจจัย ก็ย่อม
ถึงซึ่งความเจริญเต็มที่.
7. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิจฉาสติของผู้มี
สัมมาสติ ย่อมเสื่อมลง อกุศลธรรมอันลามกเป็น
อเนกมีมิจฉาสติเป็นปัจจัย ย่อมเกิดขึ้น อกุศล-
ธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ของผู้มีสัมมาสตินั้น ก็
ย่อมเสื่อมลงด้วย, และกุศลธรรมเป็นอเนกมีสัม-
มาสติเป็นปัจจัย ก็ย่อมถึงซึ่งความเจริญเต็มที่.
8. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิจฉาสมาธิของผู้
มีสัมมาสมาธิ ย่อมเสื่อมลง, อกุศลธรรมอันลามก
เป็นอเนกเหล่าใด มีมิจฉาสมาธิเป็นปัจจัย ย่อม
เกิดขึ้น อกุศลธรรมทั้งหลายเหล่านั้นของผู้มีสัม-
มาสมาธินั้น ก็ย่อมเสื่อมลงด้วย, และกุศลธรรม
เป็นอเนกมีสัมมาสมาธิเป็นปัจจัย ก็ย่อมถึงซึ่ง
ความเจริญเต็มที่.

9. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิจฉาญาณของผู้มี
สัมมาญาณ ย่อมเสื่อมลง, อกุศลธรรมอันลามก
เป็นอเนกเหล่าใด มีมิจฉาญาณเป็นปัจจัย ย่อม
เกิดขึ้น อกุศลธรรมทั้งหลายเหล่านั้นของผู้มีสัมมา-
ญาณนั้น ก็ย่อมเสื่อมลงด้วย, และกุศลธรรมเป็น
อเนกมีสัมมาญาณเป็นปัจจัย ก็ย่อมถึงซึ่งความ
เจริญเต็มที่.
10. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิจฉาวิมุตติของผู้
มีสัมมาวิมุตติ ย่อมเสื่อมลง, อกุศลธรรมอันลามก
เป็นอเนกเหล่าใด มีมิจฉาวิมุตติเป็นปัจจัย ย่อม
เกิดขึ้น อกุศลธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ของผู้มี
สัมมาวิมุตตินั้น ก็ย่อมเสื่อมลงด้วย, และกุศล-
ธรรมเป็นอเนกมีสัมมาวิมุตติเป็นปัจจัย ก็ย่อมถึง
ซึ่งความเจริญเต็มที่*.


อรรถกถาจักขาทินิทเทส
ว่าด้วย จักษุเป็นต้น


3] คำมีอาทิว่า สพฺพํ ภิกฺขเว อภิญฺเญยฺยํ - ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย สิ่งทั้งปวงควรรู้ยิ่งดังนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว พึง
1. องฺ.ทสก. 24/106.