เมนู

คำว่า มีจิตน้อมไป ความว่า เป็นผู้เอนไปในนิพพาน โอนไป
ในนิพพาน เงื้อมไปในนิพพาน น้อมจิตไปในนิพพาน เพราะฉะนั้น
จึงชื่อว่า ขอพระองค์โปรดทรงจำข้าพระองค์ว่ามีจิตน้อมไปแล้วอย่างนี้
เพราะฉะนั้น พระปิงคิยเถระจึงกล่าวว่า
นิพพานอันอะไร ๆ นำไปไม่ได้ ไม่กำเริบ ไม่มี
อุปมาในที่ไหน ๆ ข้าพระองค์จักถึง (อนุปาทิเสส-
นิพพานธาตุ) โดยแท้ ความสงสัยในนิพพานนี้มิได้มีแก่
ข้าพระองค์ ขอพระองค์โปรดทรงจำข้าพระองค์ ว่าเป็นผู้
มีจิตน้อมไปแล้วอย่างนี้.

จบปารายนวรรค

อรรถกถาโสฬสมาณวกปัญหานิทเทส


ต่อแต่นี้ไป พระสังคีติกาจารย์เมื่อจะสรรเสริญเทศนา จึงได้กล่าว
คำมีอาทิว่า อิทมโวจ ภควา พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเช่นนี้แล้ว ดังนี้.
ในบทเหล่านั้น บทว่า อิทมโวจ คือ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัส
ปารายนสูตรนี้แล้ว. บทว่า ปริจาริกโสฬสนฺนํ คือ พราหมณ์ 16 คน
พร้อมกับท่านปิงคิยะผู้เป็นบริวารของพาวรีพราหมณ์. หรือพราหมณ์
16 คนผู้เป็นบริวารของพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพุทธะ. คือพราหมณ์นั้น
นั่นเอง. ณ ที่นั้นบริษัท 16 นั่งข้างหน้า ข้างหลัง ข้างซ้าย และ
ข้างขวา 6 โยชน์ นั่งตรงไป 12 โยชน์. บทว่า อชฺฌิฏฺโฐ ทูลเชื้อเชิญ