เมนู

หน้าบ้าง ให้วิ่งกลับมาข้างหลังบ้าง บนแผ่นดินที่ไฟติดทั่ว มีไฟลุก
โพลง ฯลฯ พวกนายนิรยบาลไล่ต้อนให้สัตว์นั้นขึ้นบนภูเขาถ่านเพลิง
ใหญ่ที่ไฟติดทั่ว มีไฟลุกโพลงบ้าง ไล่ต้อนให้ลงจากภูเขานั้นบ้าง ฯลฯ
พวกนายนิรยบาลจับสัตว์นั้นเอาเท้าชี้ขึ้นข้างบน เอาหัวห้อยลงข้างล่าง
แล้วเหวี่ยงลงไปในหม้อเหล็กอันร้อน ที่ไฟติดทั่ว มีไฟลุกโพลง สัตว์นั้น
เดือดพล่านอยู่ในหม้อเหล็กเหมือนฟองน้ำที่เดือด เมื่อเดือดพล่านอยู่ใน
หม้อเหล็กเหมือนฟองน้ำที่เดือด บางครั้งก็เดือดพล่านไปข้างบน บางครั้ง
ก็เดือดพล่าไปข้างล่าง บางครั้งก็เดือดพล่านไปทางขวาง สัตว์นั้นได้
เสวยทุกขเวทนา แสบร้อนร้ายแรงอยู่ในหม้อเหล็กนั้น แต่ยังไม่ตาย
ตลอดเวลาที่บาปกรรมนั้นยังไม่สิ้น ภัย ทุกข์และโทมนัสของสัตว์นั้นเกิด
แต่อะไร ภัยนั้นเกิด เกิดพร้อม บังเกิด บังเกิดเฉพาะ ปรากฏแต่
อาชญาของตน. พวกนายนิรยบาลโยนสัตว์นั้นลงไปในมหานรก

ว่าด้วยมหานรก


ก็แหละมหานรกนั้น มีมุมสี่เหลี่ยมจตุรัส มีประตู
สี่ช่อง ซึ่งจำแนกนับออกโดยส่วน มีกำแพงเหล็กล้อม-
รอบ มีแผ่นเหล็กครอบไว้ มหานรกนั้นมีภาคพื้นสำเร็จ
ด้วยเหล็ก มีเปลวไฟรุ่งโรจน์ ประกอบด้วยไฟร้อน แผ่ไป
ร้อยโยชน์โดยรอบตั้งอยู่ตลอดกาลทั้งปวง มหานรกอัน
เป็นที่น่าสยดสยองเผาผลาญสัตว์ให้มีทุกข์ร้ายแรง มี
เปลวไฟ แสนยากที่จะเข้าใกล้ น่าขนลุกขนพอง น่า
กลัว ให้เกิดภัย ให้เกิดทุกข์ กองเปลวไฟตั้งขึ้นแต่ฝา

ด้านตะวันออกแล้ว แผดเผาเหล่าสัตว์ที่มีบาปกรรม ผ่าน
ไปกระทบฝาด้านตะวันตก กองเปลวไฟตั้งขึ้นแต่ฝาด้าน
ตะวันตกแล้ว แผดเผาเหล่าสัตว์ที่มีบาปกรรม ผ่านไป
กระทบฝาด้านตะวันออก กองเปลวไฟตั้งขึ้นแต่ฝาด้าน
เหนือแล้ว แผดเผาเหล่าสัตว์ที่มีบาปกรรม ผ่านไปกระทบ
ฝาด้านใต้ กองเปลวไฟตั้งขึ้นแต่ฝาด้านใต้แล้วแผดเผา
เหล่าสัตว์ที่มีบาปกรรม ผ่านไปกระทบฝาด้านเหนือ กอง
เปลวไฟที่น่ากลัวตั้งขึ้นแต่ภาคพื้นข้างล่างแล้ว แผดเผา
เหล่าสัตว์ที่มีบาปกรรม ผ่านไปกระทบฝาปิดข้างบน
ของเปลวไฟที่น่ากลัวตั้งขึ้นแต่ฝาปิดข้างบนแล้ว แผดเผา
เหล่าสัตว์ที่มีบาปกรรม ผ่านไปกระทบภาคพื้นข้างล่าง
แผ่นเหล็กที่ไฟติดทั่วร้อนอยู่เสมอ มีไฟลุกรุ่งโรจน์ ฉันใด
อเวจีนรกข้างล่าง ข้าง และโดยรอบ ก็ฉันนั้น.

สัตว์ทั้งหลายในนรกนั้น มีกรรมหยาบมาก ทำกรรม
ร้ายแรงมาก มีบาปกรรมโดยส่วนเดียว ย่อมหมกไหม้
อยู่ แต่ไม่ตาย ร่างกายของเหล่าสัตว์ที่อยู่ในนรกนั้น
เหมือนไฟที่ลุกอยู่ เชิญดูความมั่นคงของกรรม เถ้าและ
เขม่ามิได้มีเลย เหล่าสัตว์วิ่งไปข้างตะวันออกแล้ว ก็วิ่ง
ย้อนกลับมาข้างตะวันตก วิ่งไปข้างเหนือแล้ว ก็วิ่งย้อน
กลับมาข้างใต้ วิ่งไปทิศใด ๆ ประตูทิศนั้น ๆ ก็ปิดเอง
สัตว์เหล่านั้นมีความหวังเพื่อจะออก เป็นผู้แสวงหา

ประตูที่จะออก สัตว์เหล่านั้นไม่ได้เพื่อจะออกไปจากนรก
นั้น เพราะบาปกรรมเป็นปัจจัย เพราะบาปกรรมที่สัตว์
เหล่านั้นทำไว้มาก ยังมิได้ให้ผลหมดสิ้น
ดังนี้.
ทุกข์และโทมนัสนั้นเป็นภัยของสัตว์นั้นเกิดแต่อะไร ภัยนั้นเกิด
เกิดพร้อม บังเกิด บังเกิดเฉพาะ ปรากฏแต่อาชญาของตน ทุกข์ที่มี
ในนรกก็ดี ทุกข์ที่มีในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานก็ดี ทุกข์ที่มีในเปรตวิสัยก็ดี
ทุกข์ที่มีในมนุษย์ก็ดี ทุกข์เหล่านั้นเกิด เกิดพร้อม บังเกิด บังเกิดเฉพาะ
ปรากฏแต่อะไร ทุกข์เหล่านั้นเกิด เกิดพร้อม บังเกิด บังเกิดเฉพาะ
ปรากฏแต่อาชญาของตน เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ภัยเกิดแต่อาชญา
ของตน.

[791] คำว่า คน ในคำว่า ท่านทั้งหลายจงดูคนที่ทุ่มเถียงกัน
คือพวกกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร คฤหัสถ์ บรรพชิต เทวดา
มนุษย์ คำว่า ที่ทุ่มเถียงกัน ความว่า ท่านทั้งหลายจงดู แลดู เหลียวดู
เพ่งดู พิจารณาดู ซึ่งคนที่ทุ่มเถียงกัน คือคนที่ทะเลาะกัน คนที่ทำร้าย
กัน คนที่ทำร้ายตอบกัน คนที่เคืองกัน คนที่เคืองตอบกัน คนที่ปองร้าย
กัน คนที่ปองร้ายตอบกัน เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า จงดูคนที่ทุ่มเถียงกัน.
[792] คำว่า เราจักแสดงความสังเวช ความว่า เราจักแสดง
ชี้แจง บอก เล่า บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก ทำให้ตื้น ประกาศ
ซึ่งความสังเวช คือความสะดุ้ง ความหวาดเสียว ความกลัว ความบีบคั้น
ความกระทบ ความเบียดเบียน ความขัดข้อง เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า
เราจักแสดงความสังเวช.

[793] คำว่า ตามที่เราได้สังเวชมาแล้ว ความว่า ตามที่เรา
ได้สังเวชมาแล้ว คือสะดุ้ง ถึงความหวาดเสียวมาแล้วด้วยตนทีเดียว
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ตามที่เราได้สังเวชมาแล้ว เพราะเหตุนั้น พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า
ภัยเกิดแต่อาชญาของตน ท่านทั้งหลายจงดูคนที่
ทุ่มเถียงกัน เราจักแสดงความสังเวชตามที่เราได้สังเวช
มาแล้ว.

[794] ภัยเข้ามาถึงแล้ว เพราะเห็นหมู่สัตว์ดิ้นรนอยู่ เหมือน
ปลาทั้งหลายดิ้นรนอยู่ในที่มีน้ำน้อย และเพราะเห็นสัตว์
ทั้งหลายทำร้ายกันและกัน.


ว่าด้วยทุกข์ต่าง ๆ


[795] คำว่า ปชา ในคำว่า เพราะเห็นหมู่สัตว์ดิ้นรนอยู่
เป็นชื่อของสัตว์ ซึ่งหมู่สัตว์ดิ้นรน กระเสือกกระสน ทุรนทุราย หวั่น-
ไหว เอนเอียง กระสับกระส่ายไปมา ด้วยความดิ้นรนเพราะตัณหา ด้วย
ความดิ้นรนเพราะทิฏฐิ ด้วยความดิ้นรนเพราะกิเลสด้วยความดิ้นรนเพราะ
ทุจริต ด้วยความดิ้นรนเพราะประโยค ด้วยความดิ้นในเพราะผลกรรม
ด้วยราคะของผู้กำหนัด ด้วยโทสะของผู้ขัดเคือง ด้วยโมหะของผู้หลง
ด้วยมานะเป็นเครื่องผูกพัน ด้วยทิฏฐิเป็นเครื่องถือมั่น ด้วยความฟุ้งซ่าน
ที่ฟุ้งเฟ้อแล้ว ด้วยความสงสัยที่ไม่แน่ใจ ด้วยอนุสัยที่ถึงกำลัง ด้วยลาภ