เมนู

สกุลบ้าง โดยความเป็นผู้มีรูปงามบ้าง โดยทรัพย์บ้าง โดยการปกครอง
บ้าง โดยหน้าที่การงานบ้าง โดยหลักแหล่งแห่งศิลปศาสตร์บ้าง โดย
วิทยฐานะบ้าง โดยการศึกษาบ้าง โดยปฏิภาณบ้าง โดยวัตถุอย่างใด
อย่างหนึ่งบ้าง.

ว่าด้วยความดูหมิ่น


ชื่อว่า ความดูหมิ่น คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมดูหมิ่นผู้อื่น
โดยชาติบ้าง โดยโคตรบ้าง ฯลฯ โดยวัตถุอย่างใดอย่างหนึ่งบ้าง.

ว่าด้วยการพูดส่อเสียด


ชื่อว่า ความพูดส่อเสียด คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มี
วาจาส่อเสียด คือฟังจากข้างนี้แล้วไปบอกข้างโน้น เพื่อทำลายคนหมู่นี้
หรือฟังจากข้างโน้นแล้วมาบอกข้างนี้ เพื่อทำลายคนหมู่โน้น เป็นผู้
ทำลายคนที่พร้อมเพรียงกันบ้าง สนับสนุนคนที่แตกกันแล้วบ้าง ชอบผู้ที่
เป็นก๊กกัน ยินดีผู้ที่เป็นก๊กกัน เพลินคนที่เป็นก๊กกัน เป็นผู้กล่าววาจาที่
ทำให้เป็นก๊กกัน นี้เรียกว่า ความพูดส่อเสียด. อีกอย่างหนึ่ง บุคคลย่อมนำ
คำส่อเสียดเข้าไปด้วยเหตุ 2 ประการ คือ นำคำส่อเสียดเข้าไปด้วยความ
มุ่งหมายเป็นที่รัก 1 มีความประสงค์ให้เขาแตกกัน จึงนำคำส่อเสียด
เข้าไป 1.
บุคคลนำคำส่อเสียดเข้าไปด้วยความมุ่งหมายเป็นที่รักอย่างไร ?
บุคคลนำคำส่อเสียดเข้าไปด้วยความมุ่งหมายเป็นที่รักอย่างนี้ว่า เราจักเป็น
ที่รัก เป็นที่ชอบใจ เป็นที่สนิท เป็นภายใน เป็นที่ดีใจ ของบุคคลนี้.

บุคคลผู้มีความประสงค์ให้เขาแตกกัน จึงนำคำส่อเสียดเข้าไป
อย่างไร ? บุคคลผู้มีความประสงค์ให้เขาแตกกันอย่างนี้ว่า ชนเหล่านั้น
พึงเป็นต่างกัน แยกกัน เป็นก๊กกัน เป็นสองเหล่า สองพวก สองฝ่าย
ชนเหล่านี้ พึงแตกกัน ไม่ปรองดองกัน พึงอยู่ลำบาก ไม่ผาสุกด้วยอุบาย
อย่างไร เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ความถือตัว ความดูหมิ่น และความพูด
ส่อเสียด.
[446] คำว่า ขอเชิญพระองค์ตรัสบอกว่า กิเลสเหล่านั้น มี
มาแต่อะไร ?
ความว่า พระพุทธนิมิตตรัสถาม สอบถาม ขอให้ตรัส
บอก เชิญให้ทรงแสดง ขอให้ประสาท ซึ่งมูล เหตุ นิทาน เหตุเกิด
แดนเกิด สมุฏฐาน อาหาร อารมณ์ ปัจจัย สมุทัย แห่งกิเลส 8 ประการ
นี้ว่า กิเลส 8 ประการนี้ คือ ความทะเลาะ ความวิวาท ความรำพัน
ความโศก ความตระหนี่ ความถือตัว ความดูหมิ่น และความพูดส่อเสียด
มีมา คือ เกิด เกิดพร้อม บังเกิด บังเกิดเฉพาะ ปรากฏมาแต่อะไร
คือ มีอะไรเป็นนิทาน มีอะไรเป็นสมุทัย มีอะไรเป็นชาติ มีอะไรเป็น
แดนเกิด เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า กิเลสเหล่านั้นมีมาแต่อะไร. คำว่า ขอ
เชิญพระองค์จงตรัสบอก
คือขอเชิญพระองค์จงตรัสบอก ตรัสตอบ
แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนกทำให้ตื้น ประกาศ เพราะฉะนั้น
จึงชื่อว่า ขอเชิญพระองค์จงตรัสบอกว่า กิเลสเหล่านั้นมีมาแต่อะไร เพราะ.
เหตุนั้น พระพุทธนิมิตนั้น จึงตรัสถานว่า
ความทะเลาะ ความวิวาท ความรำพัน ความโศก
ความตระหนี่ ความถือตัว ความดูหมิ่น และความพูด
ส่อเสียด มีมาแต่อะไร ขอเชิญพระองค์จงตรัสบอกว่า
กิเลสเหล่านั้นมีมาแต่อะไร

[447] (พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า) ความทะเลาะ
ความวิวาท ความรำพัน ความโศก ความตระหนี่ ความ
ถือตัว ความดูหมิ่น และความพูดส่อเสียด มีมาแต่สิ่ง
ที่รัก ความทะเลาะ ความวิวาท ประกอบในความตระหนี่
และเมื่อความวิวาทกันเกิดแล้ว ความพูดส่อเสียดก็มี.


ว่าด้วยความทะเลาะ...มาจากสิ่งที่รัก


[448] ชื่อว่า สิ่งที่รัก ในคำว่า ความทะเลาะ ความวิวาท
ความรำพัน ความโศก ความตระหนี่...มีมาแต่สิ่งที่รัก
ได้แก่วัตถุ
เป็นที่รัก 2 อย่าง คือ สัตว์ 1 สังขาร 1.
สัตว์ผู้เป็นที่รักเป็นไฉน ? ชนเหล่าใดในโลกนี้ เป็นผู้ใคร่ความ
เจริญ ใคร่ประโยชน์ ใคร่ความสบาย ใคร่ความปลอดโปร่งจากโยค-
กิเลส คือ เป็นมารดา เป็นบิดา เป็นพี่น้องชาย เป็นพี่น้องหญิง เป็น
บุตร เป็นธิดา เป็นมิตร เป็นพวกพ้อง เป็นญาติ หรือเป็นสาโลหิต
ชนเหล่านี้ชื่อว่า สัตว์ผู้เป็นที่รัก. สังขารเป็นที่รักเป็นไฉน ? รูป เสียง
กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่ชอบใจเหล่านั้นชื่อว่า สังขารเป็นที่รัก.
ชนทั้งหลาย แม้ผู้มีความหวาดระแวงในการแย่งชิงวัตถุที่รัก ย่อม
ทะเลาะกัน คือเมื่อวัตถุที่รักกำลังถูกแย่งชิงเอาไป ย่อมทะเลาะกันบ้าง
เมื่อวัตถุที่รักถูกแย่งชิงไปแล้ว ย่อมทะเลาะกันบ้าง แม้ผู้มีความหวาด
ระแวงในความแปรปรวนไปแห่งวัตถุที่รัก ย่อมทะเลาะกัน คือเมื่อวัตถุ
ที่รักกำลังแปรปรวนไป ย่อมทะเลาะกันบ้าง เมื่อวัตถุที่รักแปรปรวนไป
แล้ว ย่อมทะเลาะกันบ้าง แม้ผู้มีความหวาดระแวงในการแย่งชิงวัตถุที่รัก