เมนู

ชราสุตตนิทเทสที่ 6



[181] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า :-
ชีวิตนี้น้อยหนอ มนุษย์ย่อมตายภายในร้อยปี แม้หากว่า
มนุษย์ใดย่อมเป็นอยู่เกินไป มนุษย์นั้นย่อมตายเพราะชราโดย
แท้แล.


ว่าด้วยชีวิตเป็นของน้อย



[182] คำว่า ชีวิตนี้น้อยหนอ มีความว่า คำว่า ชีวิต ได้แก่
อายุ ความตั้งอยู่ ความดำเนินไป ความให้อัตภาพดำเนินไป ความเป็น
ไป ความหมุนไป ความเลี้ยง ความเป็นอยู่ ชีวิตินทรีย์. อนึ่ง ชีวิต
น้อย คือชีวิตนิดเดียว โดยเหตุ 2 ประการ คือ ชีวิตน้อยเพราะตั้ง
อยู่น้อย 1 ชีวิตน้อยเพราะมีกิจน้อย 1
.
ชีวิตน้อยเพราะตั้งอยู่น้อย อย่างไร ? ชีวิตเป็นอยู่แล้วในขณะจิตเป็น
อดีต ย่อมไม่เป็นอยู่ จักไม่เป็นอยู่. ชีวิตจักเป็นอยู่ในขณะจิตเป็นอนาคต
ย่อมไม่เป็นอยู่ ไม่เป็นอยู่แล้ว. ชีวิตย่อมเป็นอยู่ในขณะจิตเป็นปัจจุบัน
ไม่เป็นอยู่แล้ว จักไม่เป็นอยู่.
สมจริงดังพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า :-

ชีวิต อัตภาพ สุขและทุกข์ทั้งมวล เป็นธรรม
ประกอบกันเสมอด้วยจิตดวงเดียว. ขณะย่อมเป็นไปพลัน.
เทวดาเหล่าใดย่อมตั้งอยู่ตลอดแปดหมื่นสี่พันกัป แม้เทวดา
เหล่านั้นย่อมไม่เป็นผู้ประกอบด้วยจิตของดวงเป็นอยู่เลย.
ขันธ์เหล่าใดของสัตว์ที่ตาย หรือของสัตว์ที่ดำรงอยู่ในโลก
นี้ดับแล้ว ขันธ์เหล่านั้นทั้งปวงเทียว เป็นเช่นเดียวกันดับ
ไปแล้ว มิได้สืบเนื่องกัน. ขันธ์เหล่าใดแตกไปแล้วใน
อดีตเป็นลำดับ และขันธ์เหล่าใดแตกไปแล้วในอนาคต
เป็นลำดับ ความแปลกกันแห่งขันธ์ทั้งหลายที่ดับไปใน
ปัจจุบันกับขันธ์เหล่านั้น มิได้มีในลักษณะ. สัตว์ไม่เกิด
ด้วยอนาคตขันธ์ ย่อมเป็นอยู่ด้วยปัจจุบันขันธ์ สัตว์โลก
ตายแล้วเพราะความแตกแห่งจิต นี้เป็นบัญญัติทางปรมัตถ์.
ขันธ์ทั้งหลายแปรไปโดยฉันทะ ย่อมเป็นไปดุจน้ำไหลไป
ตามที่ลุ่มฉะนั้น. ย่อมเป็นไปตามวาระอันไม่ขาดสาย
เพราะอายตนะ 6 เป็นปัจจัย. ขันธ์ทั้งหลายแตกแล้ว ถึง
ความตั้งอยู่ไม่ได้ กองขันธ์มิได้มีในอนาคต ขันธ์ทั้ง
หลายที่เกิดแล้วนั้นแล ย่อมตั้งอยู่เหมือนเมล็ดพันธุ์ผักกาด
ตั้งอยู่บนปลายเหล็กแหลม. ก็ความแตกแห่งธรรมขันธ์ทั้ง
หลายที่เกิดแล้ว สกัดอยู่ข้างหน้าแห่งสัตว์เหล่านั้น. ขันธ์
ทั้งหลายมีความทำลายเป็นธรรมดามิได้เจือปนกับขันธ์ที่
เกิดก่อนตั้งอยู่. ขันธ์ทั้งหลายมาโดยไม่ปรากฏ แตกแล้ว

ไปสู่ที่ไปไม่ปรากฏ ย่อมเกิดขึ้นและเสื่อมไปเหมือนสายฟ้า
แลบในอากาศ. ชีวิตน้อยเพราะตั้งอยู่
อย่างนี้.
ชีวิตน้อยเพราะมีกิจน้อยอย่างไร ? ชีวิตเนื่องด้วยลมหายใจเข้า
เนื่องด้วยลมหายใจออก เนื่องด้วยลมหายใจเข้าและลมหายใจออก เนื่อง
ด้วยมหาภูตรูป เนื่องด้วยไออุ่น เนื่องด้วยกวฬิงการาหาร เนื่องด้วยวิญ
ญาณ. กรัชกายอันเป็นที่ตั้งแห่งลมหายใจเข้าและลมหายใจออกเหล่านั้นก็ดี
อวิชชา สังขาร ตัณหา อุปาทาน และภพอันเป็นเหตุเดิมแห่งลมหายใจ
เข้าและลมหายใจออกก็ดี ปัจจัยทั้งหลายก็ดี ตัณหาอันเป็นแดนเกิดก่อน
ก็ดี รูปธรรมและอรูปธรรมที่เกิดร่วมกันก็ดี อรูปธรรมที่ประกอบกันก็ดี
ขันธ์ที่เกิดร่วมกันแห่งลมหายใจเข้าและลมหายใจออกเหล่านี้ก็ดี ตัณหาอัน
ประกอบกันก็ดี ก็มีกำลังทราม. ธรรมเหล่านั้นมีกำลังทรามเป็นนิตย์ต่อกัน
และกัน มิได้ตั้งมั่นต่อกันและกัน ย่อมยังกันและกันให้ตกไป เพราะ
ความต้านทานมิได้มีแก่กันและกัน ธรรมเหล่านี้จึงไม่ดำรงกันและกันไว้ได้
ธรรมใดให้ธรรมเหล่านี้เกิดแล้ว ธรรมนั้นมิได้มี. ก็แต่ธรรมอย่างหนึ่ง
มิได้เสื่อมไปเพราะธรรมอย่างหนึ่ง. ก็ขันธ์เหล่านี้แตกไปเสื่อมไปโดย
อาการทั้งปวง ขันธ์เหล่านี้อันเหตุปัจจัยมีในก่อนให้เกิดแล้ว. แม้เหตุปัจจัย
อันเกิดก่อนเหล่าใด แม้เหตุปัจจัยเหล่านั้นก็ดับแล้วในก่อน. ขันธ์ที่เกิด
ก่อนก็ดี ขันธ์ที่เกิดภายหลังก็ดี มิได้เห็นกันและกันในกาลไหน ๆ. ฉะนั้น
ชีวิตจึงชื่อว่า เป็นของน้อยเพราะมีกิจน้อย อย่างนี้.
อนึ่ง เพราะเทียบชีวิตของพวกเทวดาชั้นจาตุมหาราช ชีวิตของพวก
มนุษย์ก็น้อย คือเล็กน้อย นิดหน่อย เป็นไปชั่วขณะ เป็นไปพลัน เป็น

ไปชั่วกาลเดี๋ยวเดียว ตั้งอยู่ไม่ช้า ดำรงอยู่ไม่นาน. เพราะเทียบชีวิตของ
พวกเทวดาชั้นดาวดึงส์.... เพราะเทียบชีวิตของพวกเทวดาชั้นยามา.....
เพราะเทียบชีวิตของพวกเทวดาดุสิต ...... เพราะเทียบชีวิตของพวกเทวดา
ชั้นนิมมานรดี..... เพราะเทียบชีวิตของพวกเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตดี.....
เพราะเทียบชีวิตของพวกเทวดาที่เนื่องในหมู่พรหม ชีวิตของมนุษย์ก็น้อย
คือเล็กน้อย นิดหน่อย เป็นไปชั่วขณะ เป็นไปพลัน เป็นไปชั่วกาล
เดี๋ยวเดียว ตั้งอยู่ไม่ช้า ดำรงอยู่ไม่นาน. สมจริงดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสไว้ว่า :- ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อายุของพวกมนุษย์นี้น้อย
จำต้องละไปสู่ปรโลก มนุษย์ทั้งหลายจำต้องประสบความตายตาม
ที่รู้กันอยู่แล้ว ควรทำกุศล ควรประพฤติพรหมจรรย์ ไม่มี
มนุษย์ที่เกิดมาแล้วจะไม่ตาย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดอยู่นาน
ผู้นั้นก็เป็นอยู่ได้เพียงร้อยปี หรือที่เกินกว่าร้อยปีก็มีน้อย.

พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลง
แล้ว จึงตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า :-
อายุของพวกมนุษย์น้อย บุรุษผู้ใคร่ความดีพึงดูหมิ่น
อายุที่น้อยนี้ พึงรีบประพฤติให้เหมือนคนถูกไฟไหม้ศีรษะ
ฉะนั้น. เพราะความตายจะไม่มาถึงมิได้มี วันคืนย่อมล่วง
เลยไป ชีวิตก็กระชั้นเข้าไปสู่ความตาย อายุของสัตว์ทั้ง
หลายย่อมสิ้นไป เหมือนน้ำในแม่น้ำน้อยน้อยสิ้นไปฉะนั้น.

เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า ชีวิตนี้น้อยหนอ.

[183] คำว่า มนุษย์ย่อมตายภายในร้อยปี มีความว่า มนุษย์
ย่อมเคลื่อน ตาย หาย สลายไป ในกาลที่เป็นกลละบ้าง, ในกาลที่เป็น
น้ำล้างเนื้อบ้าง, ในกาลที่เป็นชิ้นเนื้อบ้าง, ในกาลที่เป็นก้อนเนื้อบ้าง,
ในกาลที่เป็นปัญจสาขาได้แก่มือ 2 เท้า 2 ศีรษะ 1 บ้าง, แม้พอเกิดก็
ย่อมเคลื่อน ตาย หาย สลายไปก็มี. ย่อมเคลื่อน ตาย หาย สลายไปใน
เรือนที่ตลอดก็มี. ย่อมเคลื่อน ตาย หาย สลายไปเมื่อชีวิตครั้งเดือนก็มี.
เดือน 1 ก็มี. 2 เดือนก็มี. 3 เดือนก็มี. 4 เดือนก็มี. 5 เดือนก็มี.
6 เดือนก็มี. 7 เดือนก็มี. 8 เดือนก็มี. 9 เดือนก็มี. 10 เดือนก็มี.
1 ปีก็มี. 2 ปีก็มี. 3 ปีก็มี. 4 ปีก็มี. 5 ปีก็มี. 6 ปีก็มี. 7 ปีก็มี.
8 ปีก็มี. 9 ปีก็มี. 10 ปีก็มี. 20 ปีก็มี. 30 ปีก็มี. 40 ปีก็มี. 50
ปีก็มี. 60 ปีก็มี. 70 ปีก็มี. 80 ปีก็มี. 90 ปีก็มี. เพราะฉะนั้นจึง
ชื่อว่า มนุษย์ย่อมตายภายในร้อยปี.
[184] คำว่า แม้หากว่ามนุษย์ใดย่อมเป็นอยู่เกินไป มีความ
ว่ามนุษย์ใดเป็นอยู่เกินร้อยปีไป มนุษย์นั้นเป็นอยู่ 1 ปีบ้าง. 2 ปีบ้าง.
3 ปีบ้าง. 4 ปีบ้าง. 5 ปีบ้าง. 10 ปีบ้าง. 20 ปีบ้าง. 30 ปีบ้าง.
40 ปีบ้าง. เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า แม้หากมนุษย์ใดย่อมเป็นอยู่เกินไป.
[185] คำว่า มนุษย์ผู้นั้นย่อมตายเพราะชราโดยแท้แล
มีความว่า เมื่อใดมนุษย์เป็นคนแก่ เจริญวัย เป็นผู้ใหญ่โดยกำเนิด
ล่วงกาลผ่านวัย มีฟันหัก ผมหงอก ผมบาง ศีรษะล้าน หนังย่น ตัว
ตกกระ คด ค่อม ถือไม้เท้าไปข้างหน้า เมื่อนั้น มนุษย์นั้น ย่อมเคลื่อน

ตาย หาย สลายไปเพราะชรา การพ้นจากความตายไม่มี สมจริงดังที่
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า :-
สัตว์ที่เกิดมามีภัยโดยความตายเป็นนิตย์ เหมือน
ผลไม้ที่สุกแล้วมีภัย โดยการหล่นในเวลาเช้าฉะนั้น.
ภาชนะดินที่นายช่างทำแล้วทุกชนิดมีความแตกเป็นที่สุด
แม้ฉันใด ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายก็เป็นฉันนั้น. มนุษย์
ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ โง่ และฉลาด ทั้งหมดย่อมไปสู่อำนาจ
มัจจุ มีมัจจุสกัดอยู่ข้างหน้า เมื่อมนุษย์เหล่านั้นถูกมัจจุสกัด
ข้างหน้าแล้ว ถูกมัจจุครอบงำ บิดาก็ต้านทานบุตรไว้ไม่
ได้ หรือพวกญาติก็ต้านทานญาติไว้ไม่ได้ เมื่อพวกญาติ
กำลังแลดูกันอยู่นั่นแหละกำลังรำพันกันอยู่เป็นอันมากว่า
ท่านจงดู ตนคนเดียวเท่านั้นแห่งสัตว์ทั้งหลายอันมรณะ
นำไปได้ เหมือนโคลูกนำไปฆ่าฉะนั้น. สัตว์โลกอัน
มัจจุและชราครอบงำไว้อย่างนี้.

เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า มนุษย์ผู้นั้นย่อมตายเพราะชราโดยแท้แล
เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า :-
ชีวิตนี้มีน้อยหนอ มนุษย์ย่อมตายภายในร้อยปี
แม้หากว่ามนุษย์ใดย่อมเป็นอยู่เป็นไป มนุษย์ผู้นั้นย่อมตาย
เพราะชราโดยแท้แล.

[186] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า :-
ชนทั้งหลายย่อมเศร้าโศกในเพราะวัตถุที่ถือว่าของ
เราความยึดถือทั้งหลายเป็นของเที่ยง มิได้มีเลย การยึดถือ
นี้มีความพลัดพรากเป็นที่สุดทีเดียว กุลบุตรเห็นดังนี้แล้ว
ไม่ควรอยู่ครองเรือน.


ว่าด้วยคนเศร้าโศกเพราะการยึดถือ



[187] คำว่า ชนทั้งหลายย่อมเศร้าโศกในเพราะวัตถุที่ถือ
ว่าของเรา
มีความว่า คำว่า ชนทั้งหลาย ได้แก่ กษัตริย์ พราหมณ์
แพศย์ ศูทร คฤหัสถ์ บรรพชิต เทวดา และมนุษย์. คำว่า ยึดถือว่า
ของเรา
ได้แก่ ความยึดถือว่าของเรา 2 อย่าง คือ ความยึดถือว่าของ
เราด้วยตัณหา 1 ความยึดถือว่าของเราด้วยทิฏฐิ 1 ฯลฯ นี้ชื่อว่า
ความยึดถือว่าของเราด้วยตัณหา ฯลฯ นี้ชื่อว่าความยึดถือว่าของเราด้วย
ทิฏฐิชนทั้งหลายแม้ผู้มีความหวาดระแวงในการแย่งชิงวัตถุที่ถือว่าของเรา
ย่อมเศร้าโศก คือ ย่อมเศร้าโศกเมื่อเขากำลังแย่งชิงเอาบ้าง เมื่อเขาแย่ง
ชิงเอาไปแล้วบ้าง ผู้มีความหวาดระแวงในความแปรปรวนไปแห่งวัตถุ
ที่ถือว่าของเรา ย่อมเศร้าโศก คือ ย่อมเศร้าโศก ลำบาก คร่าครวญ
ทุบอกร่ำไร ถึงความหลงใหล เมื่อวัตถุนั้นกำลังแปรปรวนไปอยู่บ้าง เมื่อ
วัตถุนั้นแปรปรวนไปแล้วบ้าง. เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ชนทั้งหลายย่อม
เศร้าโลกในเพราะวัตถุถือว่าของเรา.