สุทธัฏฐกสุตตนิทเทสที่ 4
ว่าด้วยผู้พิจารณาเห็นความหมดจด
[109] พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า :-
เราย่อมเห็นนรชนผู้หมดจด ว่าเป็นผู้ไม่มีโรคเป็น
อย่างยิ่ง ความหมดจดดีย่อมมีแก่นรชน เพราะความเห็น
บุคคลเมื่อรู้เฉพาะอย่างนี้รู้แล้วว่า ความเห็นนี้เป็นเยี่ยม
ดังนี้ ย่อมเชื่อว่า ความเห็นนั้นเป็นญาณ บุคคลนั้นชื่อว่า
เป็นผู้พิจารณาเห็นความหมดจด.
[110] คำว่า เราย่อมเห็นนรชนผู้หมดจด ว่าเป็นผู้
ไม่มีโรคเป็นอย่างยิ่ง มีความว่า เราย่อมเห็นนรชนผู้หมดจด คือเรา
ย่อมเห็น ย่อมแลดู เพ่งดู ตรวจดู พิจารณาเห็นนรชนผู้หมดจด คำว่า
ไม่มีโรคเป็นอย่างยิ่ง คือถึงความเป็นผู้ไม่มีโรคเป็นอย่างยิ่ง ถึงธรรม
อันเกษม ถึงธรรมเป็นที่ต้านทาน ถึงธรรมเป็นที่เร้น ถึงธรรมเป็นสรณะ
ถึงธรรมเป็นที่ไปข้างหน้า ถึงธรรมไม่มีภัย ถึงธรรมไม่เคลื่อน ถึงธรรม
ไม่ตาย ถึงนิพพานเป็นอย่างยิ่ง. เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า เราย่อมเห็น
นรชนผู้หมดจด ว่าเป็นผู้ไม่มีโรคเป็นอย่างยิ่ง.
[111] คำว่า ความหมดจดดีย่อมมีแก่นรชน เพราะความ
เห็น มีความว่า ความหมดจด หมดจดวิเศษ หมดจดรอบ ความพ้น
พ้นวิเศษ พ้นรอบ ย่อมมีแก่นรชน คือนรชนย่อมหมดจด หมดจดวิเศษ
หมดจดรอบ ย่อมพ้น พ้นวิเศษ พ้นรอบ เพราะความเห็นรูปด้วยจักขุ-
วิญญาณ เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า ความหมดจดดีย่อมมีแก่นรชน
เพราะความเห็น.
[112] คำว่า บุคคลเมื่อรู้เฉพาะอย่างนี้ รู้แล้วว่า ความ
เห็นนี้เป็นเยี่ยม ดังนี้. มีความว่า บุคคลเมื่อรู้เฉพาะ คือ รู้ทั่ว รู้วิเศษ
รู้วิเศษเฉพาะ แทงตลอดอยู่อย่างนี้ รู้แล้วคือ ทราบแล้ว สอบสวนแล้ว
พิจารณาแล้ว ตรวจตราแล้ว ทำให้แจ่มแจ้งแล้วว่า ความเห็นนี้เป็นเยี่ยม
คือ เลิศ ประเสริฐ วิเศษ เป็นประธาน เป็นสงสุด เป็นอย่างยิ่ง
เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า บุคคลเมื่อรู้เฉพาะอย่างนี้ รู้แล้วว่า ความ
เห็นนี้เป็นเยี่ยม. ดังนี้.
[113] คำว่า ย่อมเชื่อว่า ความเห็นนั้นเป็นญาณ บุคคล
นั้น ชื่อว่า เป็นผู้พิจารณาเห็นความหมดจด มีความว่า บุคคลใด
ย่อมเห็นนรชนผู้หมดจด บุคคลนั้นชื่อว่า เป็นผู้พิจารณาเห็นความหมด
จด คำว่า ย่อมเชื่อว่าความเห็นนั้นเป็นญาณ มีความว่า บุคคลนั้น
ย่อมเชื่อความเห็นรูปด้วยจักขุวิญญาณ ว่าเป็นญาณ เป็นทาง เป็นคลอง
เป็นเครื่องนำออก. เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า ย่อมเชื่อว่า ความเห็นนั้น
เป็นญาณ บุคคลนั้น ชื่อว่าเป็นผู้พิจารณาเห็นความหมดจด
เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า :-
เราย่อมเห็นนรชนผู้หมดจด ว่าเป็นผู้ไม่มีโรคเป็น
อย่างยิ่ง ความหมดจดดีย่อมมีแก่นรชนเพราะความเห็น
บุคคลเมื่อรู้เฉพาะอย่างนี้ รู้แล้วว่าความเห็นนี้เป็นเยี่ยม
ดังนี้ ย่อมเชื่อว่า ความเห็นนั้นเป็นญาณ บุคคลนั้นชื่อ
ว่า เป็นผู้พิจารณาเห็นความหมดจด.
[118] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า:-
หากว่า ความหมดจดย่อมมีแก่นรชนด้วยความเห็น
หรือว่านรชนนั้น ย่อมละทุกข์ได้ด้วยญาณไซร้ นรชนนั้นผู้
ยังมีอุปธิ ย่อมหมดจดได้ด้วยมรรคอื่น เพราะทิฏฐิย่อม
บอกนรชนนั้นว่า เป็นผู้พูดอย่างนั้น.
ว่าด้วยความหมดจดเป็นต้น
[115] คำว่า หากว่าความหมดจดย่อมมีแก่นรชนด้วยความ
เห็น มีความว่า หากว่า ความหมดจด ความหมดจดวิเศษ ความหมด
จดรอบ ความพ้น ความพ้นวิเศษ ความพ้นรอบ ย่อมมีแก่นรชน คือ
นรชนย่อมหมดจด หมดจดวิเศษ หมดจดรอบ ย่อมพ้น พ้นวิเศษ
พ้นรอบ ด้วยความเห็นรูปด้วยจักขุวิญญาณ. เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า หาก
ว่าความหมดจดย่อมมีแก่นรชนด้วยความเห็น.
[116] คำว่า หรือว่า นรชนนั้นย่อมละทุกข์ได้ด้วยญาณ
ไซร้ มีความว่า หากว่า นรชนย่อมละชาติทุกข์ ชราทุกข์ พยาธิทุกข์
มรณทุกข์ ทุกข์คือความโศก ความร่ำไร ทุกข์กาย ทุกข์ใจ และความ
คับแค้นใจ ได้ด้วยความเห็นรูปด้วยจักขุวิญญาณไซร้. เพราะฉะนั้น จึง
ชื่อว่า หรือว่า นรชนนั้นย่อมละทุกข์ได้ด้วยญาณไซร้.
[117] คำว่า นรชนนั้นผู้ยังมีอุปธิ ย่อมหมดจดได้ด้วย
มรรคอื่น มีความว่า นรชนย่อมหมดจด หมดจดวิเศษ หมดจดรอบ