เมนู

9. วิธุรชาดก


พระวิธุรบัณฑิตบำเพ็ญสัจบารมี


ท้าววรุณนาคราชตรัสว่า
[893] เธอมีผิวพรรณเหลือง ซูบผอม ถอย
กำลัง เมื่อก่อนรูปพรรณของเธอมิได้เป็นเช่นนี้เลย
ดูก่อนพระน้องวิมลา พี่ถามแล้ว ขอเธอจงบอก เวทนา
ในร่างกายของเธอเป็นเช่นไร.
พระนางวิมลาเทวีทูลว่า
[894] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมหมู่นาค ชื่อว่า
ความอยากได้โน่นอยากได้นี่ เขาเรียกกันว่าเป็นธรรมดา
ของหญิงทั้งหลายในหมู่มนุษย์ ข้าแต่พระองค์ผู้ประ-
เสริฐสุดในหมู่นาค หม่อมฉันปรารถนาดวงหทัยของ
ของวิธุรบัณฑิต ที่บุคคลนำมาได้โดยชอบเพคะ.
ท้าววรุณนาคราชตรัสว่า
[895 ] ดูก่อนพระน้องวิมลา เธอปรารถนาหทัย
ของวิธุรบัณฑิต ดังจะปรารถนาพระจันทร์ พระอาทิตย์
หรือลม เพราะว่าวิธุรบัณฑิตยากที่บุคคลจะเห็นได้
ใครจักนำวิธุรบัณฑิตมาในนาคพิภพมิได้.
พระนางอิรันทตีทูลถามว่า
[896] ข้าแต่สมเด็จพระบิดา เหตุไรหนอสม-
เด็จพระบิดาจึงทรงซบเซา พระพักตร์ของสมเด็จ-

พระบิดา เป็นเหมือนดอกปทุมที่ถูกขยำด้วยมือ ข้า
แต่สมเด็จพระบิดาผู้เป็นใหญ่ เป็นที่เกรงขามของศัตรู
เหตุไรหนอ สมเด็จพระบิดาจึงทรงเป็นทุกข์พระทัย
อย่าทรงเศร้าโศกไปเลย เพคะ.
ท้าววรุณนาคราชตรัสว่า
[897] อิรันทตีลูกรัก ก็พระมารดาของเจ้า
ปรารถนาดวงหทัยของวิธุรบัณฑิต เพราะวิธุรบัณฑิต
ยากที่บุคคลจะเห็นได้ ใครจักนำวิธุรบัณฑิต มาใน
นาคพิภพนี้ได้.
[898] เจ้าจงไปเที่ยวแสวงหาสามี ซึ่งสามารถ
นำวิธุรบัณฑิตมาในนาคพิภพนี้ ก็นางนาคมาณพวิกานั้น
ได้สดับพระดำรัสของพระบิดาดังนี้แล้ว เป็นผู้มีจิตชุ่ม
ด้วยกิเลส ออกเที่ยวแสวงหาสามีในคืนนั้น.
นางอิรันทตีกล่าวว่า
[899] คนธรรพ์ รากษส นาค กินนร หรือ
มนุษย์ผู้ฉลาดสามารถจะให้สิ่งที่น่าใคร่ทั้งปวงได้ คน
ไหนก็ตามที่จักเป็นสามีของเราตลอดกาลนาน.
ปุณณกยักษ์กล่าวว่า
[900] ดูก่อนนางผู้มีนัยน์ตาหาที่ติมิได้ เธอจง
เบาใจเถิด เราจักเป็นสามีของเธอ จักเป็นผู้เลี้ยงดูเธอ
ด้วยปัญญาของเรา อันสามารถจะนำเนื้อดวงใจของ
วิธุรบัณฑิตมาให้ จงเบาใจเถิด เธอจักเป็นภรรยา
ของเรา.

พระศาสดาตรัสว่า
[901] นางอิรันทตีผู้มีใจกำหนัดรักใคร่ เพราะ
เคยร่วมอภิรมย์กันมาในภพก่อน ได้กล่าวกับปุณณก-
ยักษ์ว่า มาเถิดท่าน เราจักไปในสำนักพระบิดาของ
ดิฉัน พระบิดาของดิฉันจักตรัสบอกเนื้อความนั้นแก่
ท่าน.
[902] นางอิรันทตีประดับประดานุ่งผ้าเรียบร้อย
ทัดทรงดอกไม้ ประพรมด้วยจุรณแก่นจันทน์ จูงมือ
ปุณณกยักษ์เข้าไปสู่สำนักแห่งพระบิดา.
ปุณณกยักษ์ทูลว่า
[903] ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐกว่าหมู่นาค
ขอพระองค์ได้ทรงโปรดสดับถ้อยคำของข้าพระองค์
ขอพระองค์จงทรงรับสินสอดตามสมควร ข้าพระองค์
ปรารถนาพระนางอิรันทตี ขอพระองค์ ได้ทรงพระ-
กรุณาให้ข้าพระองค์ได้อยู่ร่วมกับพระนางอิรันทตีเถิด
ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ ขอได้ทรงพระกรุณารับสิน
สอดนั้น คือ ช้าง 100 ม้า 100 รถเทียมม้า 100
เกวียนบรรทุกของเต็ม ล้วนแก้วต่าง ๆ 100 ขอได้
โปรดพระราชทานพระราชธิดาอิรันทตี แก้ข้าพระองค์
เถิดพระเจ้าข้า.
ท้าววรุณตรัสว่า
[904] ขอท่านจงรออยู่จนเราได้ปรึกษาหารือกับ
บรรดาญาติ มิตร และเพื่อนที่สนิทเสียก่อน กรรมที่

กระทำด้วยการไม่ปรึกษาหารือ ย่อมเดือดร้อนในภาย
หลัง.
[905] ลำดับนั้น ท้าววรุณนาคราชเสด็จเข้าไป
ยังนิเวศน์ ตรัสปรึกษากับพระชายาเป็นพระคาถา
ความว่า ปุณณกยักษ์มาขอลูกอิรันทตีกะเรา เราจะให้
ลูกอิรันทตี ซึ่งเป็นที่รักของเรา แก่ปุณณกยักษ์นั้น
เพราะได้ทรัพย์เป็นจำนวนมากหรือ.
พระนางวิมลาเทวีตรัสว่า
[906] ปุณณกยักษ์ไม่พึงได้ลูกอิรันทตีของเรา
เพราะทรัพย์ เพราะสิ่งที่ปลื้มใจ แต่ถ้าปุณณกยักษ์
ได้หทัยของวิธุรบัณฑิตนำมาในนาคพิภพนี้โดยชอบ
ธรรม เพราะความชอบนั้นแล เขาจะพึงได้ลูกสาว
ของเรา หม่อมฉันปรารถนาทรัพย์อื่นยิ่งไปกว่าหทัย
ของวิธุรบัณฑิตหามิได้.
[907] ลำดับนั้น ท้าววรุณนาคราชเสด็จออก
จากนิเวศน์ แล้วตรัสเรียกปุณณกยักษ์มาตรัสว่า ท่าน
ไม่พึงได้ลูกอิรันทตีของเราเพราะทรัพย์ เพราะสิ่งปลื้ม
ใจ ถ้าท่านได้หทัยของวิธุรบัณฑิต นำมาในนาคพิภพ
นี้โดยชอบธรรม ท่านจะพึงได้ลูกสาวของเรา เรา
ปรารถนาทรัพย์อื่นยิ่งไปกว่าหทัยของวิธุรบัณฑิตหา
มิได้.

ปุณณกยักษ์ทูลว่า
[908] ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ ในโลกนี้ คน
บางพวกย่อมเรียกคนใดว่า เป็นบัณฑิต คนพวกอื่น
กลับเรียกคนนั้นนั่นแลว่าเป็นพาล ในเรื่องนี้ คน
ทั้งหลายยังกล่าวแย้งกันอยู่ ขอได้ตรัสบอกแก่ข้าพระ-
องค์ พระองค์ทรงเรียกใครว่าเป็นบัณฑิต.
นาคราชตรัสว่า
[909] บัณฑิตชื่อว่าวิธุระ ผู้ทำการสั่งสอน
อรรถธรรมแก่พระเจ้าธนัญชัยโกรพยราช ถ้าท่านได้
ฟังได้ยินมาแล้ว ท่านจงไปนำบัณฑิตนั้นมา ครั้นท่าน
ได้มาโดยธรรมแล้ว อิรันทตีธิดาของเราจงเป็นภรรยา
ของท่านเถิด.
[910] ฝ่ายปุณณกยักษ์ ได้สดับพระดำรัสของ
ท้าววรุณนาคราชดังนี้แล้ว ยินดียิ่งนัก ลุกขึ้นแล้ว
ไปสั่งบุรุษคนใช้ของตนผู้อยู่ในที่นั้นว่า เจ้าจงนำม้า
อาชาไนยที่ประกอบไว้แล้วมา ณ ที่นี้ ม้าสินธพอาชา-
ไนยนั้น มีหูทั้งสองประดับด้วยทองคำ กีบหุ้มด้วย
แก้วแดง มีเครื่องประดับอกล้วนแล้วด้วยทองชมพูนุท
อันสุกใส.
พระศาสดาตรัสว่า
[911] ปุณณกยักษ์ผู้ประดับประดาแล้ว แต่งผม
และหนวดดีแล้ว ขึ้นม้าอันเป็นพาหนะของเทวดา
เหาะไปในอากาศกลางหาว ปุณณกยักษ์นั้น กำหนัด

แล้วด้วยกามราคะ ปรารถนานางอิรันทตีนาคกัญญา
ไปทูลท้าวกุเวรเวสวัณผู้เรื่องยศ ซึ่งเป็นใหญ่แห่งหมู่
ยักษ์ว่า ภพนาคนั้นเขาเรียกชื่อว่าโภควดีนครบ้าง วาส-
นครบ้าง หิรัญญวดีนครบ้าง เป็นเมืองที่บุญกรรม
นิรมิต ล้วนแต่ทองคำ สำเร็จแก่พระยานาคผู้บริบูรณ์
ด้วยโภคทรัพย์ทุกอย่าง ป้อมและเชิงเทิน สร้างโดย
สัณฐานคออูฐ ล้วนแล้วด้วยแก้วแดงและแก้วลาย ใน
นาคพิภพนั้น มีปราสาทล้วนแล้วด้วยหิน มุงด้วย
กระเบื้องทอง ในนาคพิภพนั้น มีไม้มะม่วง ไม้
หมากเม่า ไม้หว้า ไม้ตีนเป็ด ไม้จิก ไม้การะเกด
ไม้ประยงค์ ไม้ราชพฤกษ์ ไม้มะม่วงหอม ไม้ชะบา
ไม้ยางทราย ไม้จำปา ไม้กากระทิง มะลิซ้อน มะลิลา
และไม้กะเบา ต้นไม้ในนาคพิภพเหล่านี้มีกิ่งติดต่อกัน
และกัน งามยิ่งนัก ในนาคพิภพนั้น มีต้นอินทผาลัม
อันสำเร็จด้วยแก้วอินทนิล มีดอกและผลล้วนไปด้วย
ทองเนืองนิตย์ ท้าววรุณนาคราชผู้มีฤทธิ์มาก เป็นผู้
ผุดขึ้นเกิดอยู่ในนาคพิภพนั้น มเหสีของพระยานาค-
ราชนั้น กำลังรุ่นสาว ทรงพระนามว่าวิมลา มีพระ
รูปพระโฉมอันประกอบด้วยสิริ งดงามดังก้อนทองคำ
สะโอดสะองดังหน่อเถาจิงจ้อดำ พระถันทั้งคู่มีสัณฐาน
ดังผลมะพลับ น่าดูยิ่งนัก พระฉวีวรรณแดงดังน้ำครั่ง
เปรียบเหมือนดอกกรรณิการ์อันแย้มบาน เปรียบดัง

นางอัปสรผู้อยู่ในสวรรค์ชั้นไตรทศ หรือเปรียบเหมือน
สายฟ้าอันแลบออกจากกลีบเมฆ ข้าพระองค์ผู้เป็น
ใหญ่ พระนางวิมลานั้นทรงแพ้พระครรภ์ ทรง
ปรารถนาดวงหทัยของวิธุรบัณฑิต ข้าพระองค์ จะ
ถวายดวงหทัยของวิธุรบัณฑิต แก่ท้าววรุณนาคราช
และพระนางวิมลา เพราะการนำดวงหทัยของวิธุรบัณ-
ฑิตไปถวายแล้ว ท้าววรุณนาคราชและพระนางวิมาลา
จะพระราชทานพระนางอิรันทตีธิดา แก่ข้าพระองค์.
[912] ปุณณกยักษ์นั้น ทูลลาท้าวกุเวรเวสวัณ
ผู้เรืองยศ เป็นใหญ่ในหมู่ยักษ์ แล้วไปสั่งบุรุษคนใช้
ของตนผู้อยู่ในที่นั้นว่า เจ้าจงนำม้าอาชาไนยที่ประกอบ
แล้วมา ณ ที่นี้ ม้าสินธพนั้นมีหูทั้งสองประดับด้วย
ทองคำ กีบหุ้มด้วยแก้วแดง เครื่องประดับอกล้วน
ด้วยทองคำชมพูนุทอันสุกใส ปุณณกยักษ์ผู้ประดับ
ประดาแล้ว แต่งผมและหนวดดีแล้ว ขึ้นม้าอันเป็น
ยานพาหนะของเทวดา เหาะไปในอากาศกลางหาว.
[913] ปุณณกยักษ์นั้น ได้เหาะไปสู่กรุงราช-
คฤห์อันน่ารื่นรมย์ยิ่งนัก เป็นนครของพระเจ้าอังคราช
อันพวกข้าศึกไม่กล้าเข้าใกล้ มีภักษาหาร และข้าวน้ำ
มากมาย ดังมสักกสารภพของท้าววาสวะ เป็นนคร
กึกก้องด้วยหมู่นกยูงและนกกระเรียน อื้ออึงด้วยฝูงนก
ต่าง ๆ ชนิด เป็นที่เสพอาศัยของฝูงทิชาชาติ มีนก

ต่าง ๆ ส่งเสียงร้องอยู่อึงมี่ ภูมิภาคราบเรียบ ดารดาษ
ไปด้วยบุปผชาติดังขุนเขาหิมวันต์ ปุณณกยักษ์นั้น
ขึ้นสู่วิบุลบรรพตอันเป็นภูเขาศิลาล้วน เป็นที่อาศัยอยู่
ของหมู่กินนรเที่ยวแสวงหาแก้วมณีดวงประเสริฐอยู่
ได้เห็นดวงแก้วมณีนั้น ณ ท่ามกลางยอดภูเขา.
[914] ปุณณกยักษ์ ครั้นเห็นดวงแก้วมณีมีรัศมี
อันผุดผ่อง เป็นแก้วมณีอันประเสริฐสุด สามารถจะ
นำทรัพย์มาให้ได้ดังใจปรารถนา รุ่งโรจน์ชัชวาลย์
ด้วยหมู่แก้วบริวารเป็นอันมาก สว่างไสวดังสายฟ้าใน
อากาศ ปุณณยักษ์ได้ถือเอาแก้วมณีชื่อมโนหรจินดา
อันมีค่ามาก มีอานุภาพมาก เป็นผู้มีวรรณะไม่ทราม
ขึ้นหลังม้าสินธพอาชาไนยเหาะไปในอากาศกลางหาว.
[915] ปุณณกยักษ์ได้เหาะไปยังอินทปัตตนคร
ลงจากหลังม้าแล้วเข้าไปสู่ที่ประชุมของชาวกุรุรัฐ ไม่
กลัวเกรงพระราชา 101 พระองค์ ที่ประชุมพร้อม
เพรียงกันอยู่ ณ ที่นั้น กล่าวท้าทายด้วยสกถา บรรดา
พระราชาในราชสมาคมนี้พระองค์ไหนหนอ จะทรง
ชิงเอาแก้วอันประเสริฐของข้าพระองค์ได้ หรือว่าข้า
พระองค์จะพึงชนะพระราชาพระองค์ไหน ด้วยทรัพย์
อันประเสริฐ อนึ่ง ข้าพระองค์จะชิงเอาแล้วอัน
ประเสริฐยิ่ง กะพระราชาพระองค์ไหน หรือพระราชา
พระองค์ไหน จะทรงชนะข้าพระองค์ด้วยทรัพย์อัน
ประเสริฐ.

พระเจ้าธนัญชัยตรัสว่า
[916] ชาติภูมิของท่านอยู่ในแว่นแคว้นไหน
ถ้อยคำของท่านนี้ไม่ใช่ถ้อยคำของชาวกุรุรัฐเลย ท่าน
มิได้กลัวเกรงเราทั้งปวง ด้วยรัศมีแห่งผิวพรรณ ท่าน
จงบอกชื่อและพวกพ้องของท่านแก่เรา
ปุณณกยักษ์ทูลว่า
[917] ข้าแต่พระราชา ข้าพระองค์เป็นมาณพ
กัจจายนโคตร ชื่อว่าปุณณกะ ญาติและพวกพ้องของ
ข้าพระองค์ อยู่ในนครกาลจัมปากะแคว้นอังคะ ย่อม
เรียกข้าพระองค์อย่างนี้ ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ ข้า
พระองค์มาถึงในเมืองนี้ด้วยต้องการจะเล่นพนันสกา.
พระเจ้าธนัญชัยตรัสว่า
[918] พระราชาผู้ทรงชำนาญการเล่นสกา เมื่อ
ชนะท่าน จะพึงนำเอาแก้วเหล่าใดไป แก้วเหล่านั้น
ของมาณพมีอยู่หรือ แก้วของพระราชามีอยู่เป็นจำนวน
มาก ท่านเป็นคนเข็ญใจ จะมาพนันกะพระราชาเหล่า
นั้นได้อย่างไร.
ปุณณกยักษ์ทูลว่า
[919] แก้วมณีของข้าพระองค์ดวงนี้ ชื่อว่า
สามารถนำทรัพย์มาให้ได้ดังใจปรารถนา นักเลงเล่น
สกาชนะข้าพระองค์แล้ว พึงนำแก้วมณีดวงประเสริฐ
สามารถนำทรัพย์มาให้ได้ดังใจปรารถนา และม้า
อาชาไนยเป็นที่เกรงขามของศัตรูนี้ไป

พระเจ้าธนัญชัยตรัสว่า
[920] ดูก่อนมาณพ แก้วมณีดวงเดียวจักทำ
อะไรได้ อนึ่ง ม้าอาชาไนยตัวเดียวจักทำอะไรได้ แก้ว
ของพระราชามีเป็นอันมาก ม้าอาชาไนยที่มีกำลังรวด-
เร็วดังลมของพระราชามีมิใช่น้อย.
ปุณณกยักษ์ทูลว่า
[920] ข้าแต่พระองค์ผู้สูงสุดกว่าประชาชน ขอ
พระองค์ทรงทอดพระเนตรดูแล้วมณีของข้าพระองค์
ดวงนี้ รูปหญิงและรูปชาย รูปเนื้อและรูปนก ปรากฏ
เป็นหมู่ ๆ อยู่ในแก้วมณีดวงนี้ พระยานาคและพระ-
ยาครุฑ ก็ปรากฏอยู่ในแก้วมณีดวงนี้ เชิญพระองค์
ทอดพระเนตรสิ่งที่น่าอัศจรรย์ อันธรรมดาสร้างสรร
ไว้ในแก้วมณีดวงนี้ พระเจ้าข้า.
[922] ขอเชิญทอดพระเนตรจตุรงคินีเสนา คือ
กองช้าง กองม้า กองรถ และกองเดินเท้าอันสวม
เกราะ อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ เชิญ
ทอดพระเนตรพลทหารที่จัดไว้เป็นกรม ๆ คือ กรมช้าง
กรมม้า กรมรถ กรมราบ อันธรรมดาสร้างสรรไว้
ในแก้วมณีดวงนี้.
[923] ขอเชิญทอดพระเนตรพระนครอันสม-
บูรณ์ด้วยป้อม มีกำแพงและค่ายเป็นอันมาก มีถนน
สามแพร่ง สี่แพร่ง มีพื้นราบเรียบ อันธรรมดาสร้าง

สรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ขอเชิญทอดพระเนตรเสา
ระเนียด เสาเขื่อน กลอนประตู ซุ้มประตู และ
ประตู อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้.
[924] ขอเชิญทอดพระเนตรฝูงนก นานาชนิด
มากมาย ที่เสาค่ายและหนทาง คือ ฝูงหงส์ นกกะเรียน
นกยูง นกจากพราก และนกเขา อันธรรมดาสร้าง
สรรไว้ในแล้วมณีดวงนี้ ขอเชิญทอดพระเนตรพระนคร
อันเกลื่อนกล่นไปด้วยฝูงนกต่าง ๆ คือนกดุเหว่าดำ
นกดุเหว่าลาย ไก่ฟ้า นกโพระดกเป็นจำนวนมาก อัน
ธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้.
[925] ขอเชิญทอดพระเนตรพระนครอันแวด-
ล้อมไปด้วยกำแพงทอง เป็นนครน่าอัศจรรย์ขนพอง
สยองเกล้า เขาชักธงขึ้นประจำ ลาดด้วยทรายทองน่า
รื่นรมย์ อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ขอ
เชิญทอดพระเนตรร้านตลาดอันบริบูรณ์ด้วยสินค้า
ต่าง ๆ เรือน สิ่งของในเรือน ถนนซอย ถนนใหญ่
อันธรรมดาสร้างสรรจัดไว้เป็นส่วนๆ ในแก้วมณีดวงนี้.
[926] ขอเชิญทอดพระเนตรโรงขายสุรา นัก-
เลงสุรา พ่อครัว โรงครัว พ่อค้า และหญิงแพศยา
อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ขอเชิญทอด
พระเนตรช่างดอกไม้ ช่างย้อม ช่างปรุงของหอม ช่าง
ทอผ้า ช่างทอง และช่างแก้ว อันธรรมดาสร้างสรร

ไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ขอเชิญทอดพระเนตรช่างของ
หวาน ช่างของคาว นักมหรสพ บางพวกฟ้อนรำ
ขับร้อง บางพวกปรบมือ บางพวกตีฉิ่ง อันธรรมดา
สร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้.
[927] ขอเชิญทอดพระเนตรกลอง ตะโพน
สังข์ บัณเฑาะว์ มโหระทึก และเครื่องดนตรีทุกอย่าง
อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ขอเชิญทอด
พระเนตรเปิงมาง กังสดาล พิณ การฟ้อนรำขับร้อง
เครื่องดนตรีดีดสีตีเป่า อันเขาประโคมครึกครื้น อัน
ธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ขอเชิญทอด
พระเนตรนักกระโดด นักมวยปล้ำ นักเล่นกล หญิง
งาม ชายงาม คนเฝ้ายาม และช่างตัดผม อันธรรมดา
สร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้.
[928] แท้จริง ในแก้วมณีดวงนี้ มีงานมหรสพ
อันเกลื่อนกล่นไปด้วยชายหญิง ขอเชิญทอดพระเนตร
พื้นที่เป็นที่เล่นมหรสพบนเตียงที่ซ้อนกันเป็นชั้น ๆ อัน
ธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ เชิญทอดพระ-
เนตรเถิด ขอเชิญทอดพระเนตรพวกนักมวยซึ่งกำลัง
ต่อยกันในสนามมวย ทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ อันธรรมดา
สร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้.
[929] ขอเชิญทอดพระเนตรฝูงเนื้อต่าง ๆ เป็น
อันมากที่เชิงภูเขา คือ ราชสีห์ เสือโคร่ง ช้าง หมี

หมาใน เสือดาว แรด โคลาน กระบือ ละมั่ง กวาง
เนื้อทราย ระมาด วัว สุกรบ้าน ชะมด แมวป่า
กระต่าย และกระแต ซึ่งมีอยู่มากมายหลายหลาก ขอ
เชิญทอดพระเนตรฝูงเนื้อต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่เกลื่อนกลาด
อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้.
[930] ในแก้วมณีดวงนี้ มีแม่น้ำอันมีท่าอัน
รายเรียบลาดด้วยทรายทอง มีน้ำใสสะอาดไหลไปไม่
ขาดสาย เป็นที่อยู่อาศัยแห่งฝูงปลา อนึ่ง ในแม่น้ำนี้
มีฝูงจรเข้ มังกร ปลาฉลาม เต่า ปลาสลาด ปลา
กระบอก ปลากด ปลาเค้า ปลาตะเพียน ท่องเที่ยว
ไปมา ขอเชิญทอดพระเนตรขอบสระโบกขรณี อัน
ก่อสร้างด้วยแผ่นแก้วไพฑูรย์ เกลื่อนกล่นไปด้วยฝูง
นกต่างๆ ดารดาษไปด้วยหมู่ไม่นานาชนิด อันธรรมดา
สร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้.
[931] ขอเชิญทอดพระเนตร สระโบกขรณีใน
แก้วมณีดวงนี้ อันธรรมดาจัดสรรไว้เรียบร้อยดีทั้ง 4
ทิศ เกลื่อนกล่นด้วยฝูงนกต่างชนิด เป็นที่อยู่อาศัยของ
ปลาใหญ่ ๆ ขอเชิญทอดพระเนตรแผ่นดินอันมีน้ำล้อม
โดยรอบ เป็นกุณฑลแห่งสาคร ประกอบด้วยทิวป่า
(เขียวขจี) อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้.
[932] เชิญทอดพระเนตรบุพวิเทหทวีป อมร-
โคยานทวีป อุตรกุรุทวีป และชมพูทวีป ขอเชิญ
ทอดพระเนตรสิ่งอัศจรรย์ อันธรรมดาสร้างสรรไว้ใน

แก้วมณีดวงนี้ พระเจ้าข้า ขอเชิญทอดพระเนตรพระ
จันทร์และพระอาทิตย์ อันเวียนรอบสิเนรุบรรพต ส่อง
สว่างไปทั่วทิศ 4 ทิศ ขอเชิญทอดพระเนตรสิ่งอัศจรรย์
อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ขอเชิญทอด
พระเนตรสิเนรุบรรพต หิมวันตบรรพต สมุทรสาคร
พื้นแผ่นดินใหญ่ และท้าวมหาราชทั้ง 4 อันธรรมดา
สร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ขอเชิญทอดพระเนตร
พุ่มไม้ในสวนแผ่นหินและเนินหินอันน่ารื่นรมย์เกลื่อน
กล่นไปด้วยพวกกินนร อันธรรมดาสร้างสรรไว้ใน
แก้วมณีดวงนี้ ขอเชิญทอดพระเนตรสวนสวรรค์ คือ
ปารุสกวัน จิตตลดาวัน มิสสกวัน และนันทนวัน
ทั้งเวชยันตปราสาท อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณี
ดวงนี้ ขอเชิญทอดพระเนตรสุธรรมเทวสภา ต้น
ปาริจฉัตตกพฤกษ์ อันมีดอกแย้มบาน และพระยาช้าง
เอราวัณซึ่งมีอยู่ในดาวดึงส์พิภพ อันธรรมดาสร้างสรร
ไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ขอเชิญทอดพระเนตรเถิดพระเจ้า
ข้า ขอเชิญทอดพระเนตรดูเหล่านางเทพกัญญาอันทรง
โฉมล้ำเลิศ ดังสายฟ้าแลบออกจากกลีบเมฆ เที่ยว
เล่นอยู่ในนันทนวันนั้น อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแล้ว
มณีดวงนี้ ขอเชิญทอดพระเนตรเถิดพระเจ้าข้า ขอ
เชิญทอดพระเนตรเหล่าเทพกัญญา ผู้ประเล้าประโลม
เทพบุตร อภิรมย์เหล่าเทพกัญญาอยู่ในนันทนวันนั้น
อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ พระเจ้าข้า.

[933] ขอเชิญทอดพระเนตรปราสาทมากกว่า
พัน ในดาวดึงส์พิภพ พื้นลาดด้วยแผ่นแก้วไพฑูรย์
มีรัศมีรุ่งเรือง อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวง
นี้ ขอเชิญทอดพระเนตรสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามา
ชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี และชั้นปรนิมมิตวสวัสดี
อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ขอเชิญทอด
พระเนตรสระโบกขรณีในสวรรค์ชั้นนั้น ๆ อันมีน้ำ
ใสสะอาด ดารดาษไปด้วยมณฑาลกะ ดอกปทุมและ
อุบล.
[934] ลายขาว 10 แห่งอันน่ารื่นรมย์ใจ ลาย
เหลืองอ่อน 21 แห่ง ลายเหลืองขมิ้น 14 แห่ง ลาย
สีทอง 20 แห่ง ลายสีน้ำเงิน 20 แห่ง ลายสีแมลง
ค่อมทอง 30 แห่ง มีปรากฏอยู่ในแก้วมณีดวงนี้ ใน
แก้วมณีดวงนี้มีลายดำ 16 แห่ง และลายแดง 25 แห่ง
อันเจือด้วยดอกชะบา วิจิตรด้วยนิลุบล ข้าแต่พระ-
มหาราชาผู้สูงสุดกว่าปวงชน ขอเชิญทอดพระเนตร
แก้วมณีดวงนี้ อันสมบูรณ์ด้วยองค์ทั้งปวง มีรัศมีรุ่ง-
เรืองผุดผ่องอย่างนี้ ผู้ใดจักชนะข้าพระองค์ด้วยการ
เล่นสกา แก้วมณีดวงนี้จักเป็นส่วนค่าพนันของผู้นั้น.
[935] ข้าแต่พระราชา กรรมในโรงเล่นสกา
สำเร็จแล้ว เชิญพระองค์เสด็จไปทรงเล่นสกา แก้ว
มณีเช่นนี้ของพระองค์ไม่มี เราพึงชนะกันโดยธรรม

อย่าชนะกันโดยไม่ชอบธรรม ถ้าข้าพระองค์จักชนะ
พระองค์ไซร้ ขอพระองค์อย่าได้ทรงทำให้เนิ่นช้า.
[936] ข้าแต่พระเจ้าสุรเสนปัญจาราชผู้ปรากฏ
พระเจ้ามัจฉราชและพระเจ้ามัททราช ทั้งพระเจ้าเกก-
กะราช พร้อมด้วยชาวชนบท ขอจงทอดพระเนตรดู
ข้าพเจ้าทั้งสองจะสู้กันด้วยสกา กษัตริย์ก็ดี พราหมณ์
ก็ดี ไม่ได้ทำสักขีพยานไว้แล้ว ย่อมไม่ทำกิจอะไร ๆ
ในที่ประชุม
[937] พระราชาของชาวกุรุรัฐ และปุณณกยักษ์
มัวเมาในการเล่นสกา เข้าไปสู่โรงเล่นสกาแล้ว
พระราชาทรงเลือกได้ลูกบาศก์ที่มีโทษ ทรงปราชัย
ส่วนปุณณกยักษ์ชนะ พระราชาและปุณณกยักษ์ทั้ง
สองนั้น เมื่อเจ้าพนักงานเอาสกามารวมพร้อมแล้ว
ได้เล่นสกากันอยู่ในโรงสกานั้น ปุณณกยักษ์ได้ชัย
ชนะพระราชาผู้แกล้วกล้าประเสริฐกว่านรชน ท่าม
กลางพระราชา 101 พระองค์และพยานที่เหลือ เสียง
บันลือลั่นได้มีขึ้น ในสนามสกานั้น 3 ครั้ง.
ปุณณกยักษ์ทูลว่า
[938] ข้าแต่พระมหาราชา เราทั้งสองผู้พยา-
ยามเล่นสกา ความชนะและความแพ้ย่อมมีแก่คนใด
คนหนึ่ง ข้าแต่พระจอมชน ข้าพระองค์ชนะพระองค์
ด้วยทรัพย์อันประเสริฐแล้ว ข้าพระองค์ชนะแล้ว ขอ
พระองค์พระราชทานเสียเร็ว ๆ เถิด.

ท้าวธนัญชัยตรัสว่า
[939] ดูก่อนท่านกัจจานะ ช้าง ม้า โค แก้ว
มณี กุณฑล และแก้วอันประเสริฐกว่าทรัพย์ทั้งหลาย
มีอยู่ในแผ่นดินของเรา ท่านจงรับเอาเถิด เชิญขนเอา
ไปตามปรารถนาเถิด.
ปุณณกยักษ์ทูลว่า
[940] ช้าง ม้า โค แก้วมณี กุณฑล และ
แก้วอื่นใด ที่มีอยู่ในแผ่นดินของพระองค์ บัณฑิตมี
นามว่าวิธุระ เป็นแก้วอันประเสริฐกว่าทรัพย์เหล่านั้น
ข้าพระองค์ชนะพระองค์แล้ว โปรดพระราชทานวิธุร-
บัณฑิตแก่ข้าพระองค์เถิด.
ท้าวธนัญชัยตรัสว่า
[941] วิธุรบัณฑิตนั้นเป็นตัวของเรา เป็นที่พึ่ง
เป็นคติ เป็นเกาะ เป็นที่เร้น และเป็นที่ไปในเบื้อง
หน้าของเรา ท่านไม่ควรจะเปรียบวิธุรบัณฑิตนั้นกับ
ทรัพย์ของเรา วิธุรบัณฑิตนั้นเช่นกับชีวิตของเรา คือ
เป็นตัวเรา.
ปุณณกยักษ์ทูลว่า
[942] การโต้เถียงกันของข้าพระองค์และพระ-
องค์ จะพึงเป็นการช้านาน ขอเชิญเสด็จไปถามวิธุร-
บัณฑิตกันดีกว่า ให้วิธุรบัณฑิตนั้นแลชี้แจงเนื้อความ
นั้น วิธุรบัณฑิตจักกล่าวคำใด คำนั้นจงเป็นอย่างนั้น
แก่เราทั้งสอง.

พระเจ้าธนัญชัยตรัสว่า
[943] ดูก่อนมาณพ ท่านพูดจริงแท้ทีเดียว และ
ไม่ผลุนผลัน เราไปถามวิธุรบัณฑิตกันเถิดนะ เราทั้ง
สองคน จงยินดีตามคำที่วิธุรบัณฑิตพูดนั้น.
[944] เทวดาทั้งหลายย่อมรู้จักอำมาตย์ในแคว้น
กุรุรัฐ ชื่อว่าวิธุระ เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม จริงหรือ
การบัญญัติชื่อว่าวิธุระในโลกนั้น ท่านเป็นอะไร คือ
เป็นทาส หรือเป็นพระประยูรญาติของพระราชา.
วิธุรบัณฑิตกล่าวว่า
[945] ในหมู่นรชน ทาสมี 4 จำพวก คือ ทาส
ครอกจำพวก ทาสไถ่จำพวก 1 ทาสที่ยอมตัวเป็น
ข้าเฝ้าจำพวก 1 ทาสเชลยจำพวก 1 แม้ข้าพเจ้าก็
เป็นทาสโดยกำเนิดแท้ทีเดียว ความเจริญก็ตาม ความ
เสื่อมก็ตาม จะมีแก่พระราชา แม้ข้าพเจ้าจะไปยังที่
อื่นก็คงเป็นทาสของสมมติเทพนั่นเอง ดูก่อนมาณพ
พระราชาเมื่อจะพระราชทานข้าพเจ้าให้เป็นค่าพนัน
แก่ท่าน ก็พึงพระราชทานโดยธรรม.
ปุณณกยักษ์ทูลว่า
[946] วันนี้ ความชนะได้มีแก่ข้าพระองค์เป็น
ครั้งที่ 2 เพราะว่า วิธุรบัณฑิตผู้เป็นปราชญ์อันข้า
พระองค์ถามแล้ว ได้ชี้แจงปัญหาแจ่มแจ้ง พระราชา
ประเสริฐ ไม่ทรงตั้งอยู่ในธรรมหนอ ไม่ทรงยอม
ให้วิธุรบัณฑิตแก่ข้าพระองค์.

พระเจ้าธนัญชัยตรัสว่า
[947] ดูก่อนกัจจานะ ถ้าวีธุรบัณฑิตชี้แจง
ปัญหาแก่เราทั้งหลายอย่างนี้ว่า เราเป็นทาส เราหา
ได้เป็นญาติไม่ ท่านจงรับเอาวิธุรบัณฑิตผู้เป็นทรัพย์
อันประเสริฐกว่าทรัพย์ทั้งหลาย พาไปตามที่ท่าน
ปรารถนาเถิด.
[948 ] ท่านวิธุรบัณฑิต คฤหัสถ์ผู้อยู่ครองเรือน
จะพึงมีความประพฤติอันปลอดภัยได้อย่างไร จะพึงมี
ความสงเคราะห์ได้อย่างไร จะพึงมีความไม่เบียดเบียน
ได้อย่างไร และอย่างไรมาณพจึงจะชื่อว่ามีปรกติกล่าว
คำสัตย์ จากโลกนี้ไปยังโลกหน้าแล้วจะไม่เศร้าโศก
ได้อย่างไร.
[949] วิธุรบัณฑิตผู้มีคติ มีความเพียร มีปัญญา
เห็นอรรถธรรมอันสุขุม กำหนดรู้ธรรมทั้งปวง ได้
กราบทูลพระราชาในโรงธรรมสภานั้นว่า ผู้ครองเรือน
ไม่ควรคบหญิงสาธารณะเป็นภรรยา ไม่ควรบริโภค
อาหารมีรสอร่อยแต่ผู้เดียว ไม่ควรซ่องเสพถ้อยคำอัน
ให้ติดอยู่ในโลก ไม่ให้สวรรค์นิพพาน เพราะถ้อยคำ
เช่นนั้นไม่ทำให้ปัญญาเจริญ ผู้ครองเรือนพึงเป็นผู้มี
ศีล สมบูรณ์ด้วยวัตร ไม่ประมาท มีปัญญาเครื่อง
สอดส่องเหตุผล มีความประพฤติถ่อมตน ไม่เป็นคน
ตระหนี่เหนียวแน่น เป็นผู้สงบเสงี่ยม กล่าวถ้อยคำ

จับใจ อ่อนโยน ผู้ครองเรือน พึงเป็นผู้สงเคราะห์
มิตร จำแนกแจกทาน รู้จักจัดทำ พึงบำรุงสมณะ
พราหมณ์ด้วยข้าวน้ำทุกเมื่อ ผู้ครองเรือนพึงเป็นผู้ใคร่
ธรรม จำทรงอรรถธรรมที่ได้สดับมาแล้ว หมั่นไต่ถาม
พึงเข้าไปหาท่านผู้มีศีลเป็นพหูสูตโดยเคารพ คฤหัสถ์
ผู้ครองเรือน จะพึงมีความประพฤติอันปลอดภัยได้
อย่างนี้ จะพึงมีความสงเคราะห์ได้อย่างนี้ จะพึงมี
ความไม่เบียดเบียนกันได้อย่างนี้ และมาณพพึงปฏิบัติ
อย่างนี้จึงจะชื่อว่ามีปรกติกล่าวคำสัตย์ จากโลกนี้แล้ว
ไปยังโลกหน้า จะไม่เศร้าโศกได้ด้วยอาการอย่างนี้
พระเจ้าข้า.
(นี้) ชื่อฆราวาสปัญหา.
ปุณณกยักษ์กล่าวว่า
[950] เราจักไปกันเดี๋ยวนี้แหละ พระเจ้าแผ่นดิน
ผู้เป็นอิสราธิบดี ทรงพระราชทานท่านให้แก่ข้าพเจ้า
แล้ว ขอท่านจงปฏิบัติประโยชน์แก่ข้าพเจ้า ธรรมนี้
เป็นของเก่า.
วิธุระกล่าวว่า
[951] ดูก่อนมาณพ ข้าพเจ้าย่อมรู้ว่า ข้าพเจ้า
เป็นผู้อันท่านได้แล้ว ข้าพเจ้าเป็นผู้อันพระราชา ผู้
เป็นอิสราธิบดีพระราชทานแก่ท่านแล้ว แต่ว่าข้าพเจ้า
ขอให้ท่านพักอยู่ในเรือนสัก 3 วัน ขอให้ท่านยับยั้ง
อยู่ ตลอดเวลาที่ข้าพเจ้าสั่งสอนบุตรภรรยาก่อน.

ปุณณกยักษ์กล่าวว่า
[952] คำที่ท่านกล่าวนั้น จงมีแก่ข้าพเจ้า
เหมือนอย่างนั้น ข้าพเจ้าจะพักอยู่ 3 วัน ตั้งแต่วันนี้
ท่านจงทำกิจในเรือนทั้งหลาย ท่านจงสั่งสอนบุตร
ภรรยาเสียแต่วันนี้ ตามที่บุตรภรรยาของท่านจะพึงมี
ความสุขได้ภายหลัง ในเมื่อท่านไปแล้ว.
[953] ปุณณกยักษ์ผู้มีสมบัติน่าใคร่มากมาย
กล่าวว่า ดีละ แล้วหลีกไปพร้อมกับวิธุรบัณฑิต เป็น
ผู้มีมารยาทอันประเสริฐสุด เข้าไปภายในบ้านของ
วิธุรบัณฑิต บริบูรณ์ด้วยช้างและม้าอาชาไนย.
[954] ปราสาทของพระมหาสัตว์มีอยู่ 3 คือ
โกญจปราสาท 1 มยูรปราสาท 1 ปิยเกตปราสาท 1
ในปราสาททั้ง 3 นั้น พระมหาสัตว์ได้พาปุณณกยักษ์
เข้าไปยังปราสาท อันเป็นที่น่ารื่นรมย์ยิ่งนัก มีภักษา-
หารบริบูรณ์ มีข้าวน้ำเป็นอันมาก ดังหนึ่งมสักกสาร
วิมานของท้าววาสวะฉะนั้น.
[955] นารีทั้งหลายผู้ประดับประดางดงาม ดัง
เทพอัปสรในเทวโลก ฟ้อนรำขับร้องเพลงอันไพเราะ
จับใจ กล่อมปุณณกยักษ์อยู่ในปราสาทนั้น พระมหา-
สัตว์ผู้รักษาธรรม รับรองปุณณกยักษ์ด้วยนางบำเรอที่
น่ายินดี ทั้งข้าวและน้ำ แล้วคิดถึงประโยชน์ส่วนตน
ได้เข้าไปในสำนักของภรรยาในกาลนั้น ได้กล่าวกะ

ภรรยาผู้ลูบไล้ด้วยจุรณจันทน์และของหอม มีผิวพรรณ
ผุดผ่องดุจแต่งทองชมพูนุทว่า ดูก่อนนางผู้เจริญ ผู้
มีดวงตาอันแดงงาม มานี่เถิด จงเรียกบุตรธิดามาฟัง
คำสั่งสอน นางอโนชาได้ฟังคำของสามีแล้ว ได้กล่าว
กะลูกสะใภ้ผู้มีเล็บแดง มีตาอันงามว่า ดูก่อนผู้มีผิว
พรรณดังดอกนิลุบลเจ้าจงไปเรียกบุตรและธิดาของเรา
ผู้แกล้วกล้าสามารถเหล่านั้นมา
[956] พระมหาสัตว์ผู้รักษาธรรม ได้จุมพิต
บุตรธิดาผู้มาแล้วนั้นที่กระหม่อม ไม่หวั่นไหว ครั้น
เรียกบุตรธิดามาพร้อมแล้วได้กล่าวสั่งสอนว่า พระ
ราชาในพระนครอินทปัตตะนี้ พระราชทานพ่อให้แก่
มาณพแล้ว พ่อพึงมีความสุขของตนเองได้เพียง 3 วัน
ตั้งแต่วันนี้ไป พ้นจากนั้นไป พ่อก็ต้องเป็นไปใน
อำนาจของมาณพนั้น เขาจะพาพ่อไปตามที่เขา
ปรารถนา ก็พ่อมาเพื่อสั่งสอนลูกทั้งหลาย พ่อยังไม่ได้
ทำเครื่องป้องกันให้แก่ลูกทั้งหลายแล้ว จะพึงไปได้
อย่างไร ถ้าว่าพระราชาผู้ปกครองกุรุรัฐ ผู้มีพระราช
สมบัติอันน่าใคร่เป็นอันมาก ทรงต้องการกัลยาณมิตร
จะพึงตรัสถามลูกทั้งหลายว่า เมื่อก่อนเจ้าทั้งหลาย
ย่อมรู้เหตุเก่าๆ อะไรบ้าง พ่อของเจ้าทั้งหลายได้พร่ำ
สอนอะไรไว้ในกาลก่อนบ้าง ถ้าแหละพระราชาจะพึง
มีพระราชโองการตรัสว่า เจ้าทั้งปวงเป็นผู้มีอาสนะ

เสมอกันกับเรา ในราชสกุลนี้มนุษย์คนไรซึ่งจะมีชาติ
สกุลสมควรกับพระราชาไม่มี ลูกทั้งหลายพึงถวาย
บังคมกราบทูลอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ
พระองค์อย่าได้รับสั่งอย่างนั้นเลยพระเจ้าข้า เพราะ
ข้อนี้มิใช่ธรรมเนียม ขอเดชะ ข้าพระองค์ทั้งหลาย
มีชาติต่ำต้อย ไม่สมควรมีอาสนะเสมอด้วยพระองค์ผู้
สูงศักดิ์ เหมือนสุนัขจิ้งจอกผู้มีชาติต่ำต้อย จะพึงมี
อาสนะเสมอด้วยพระยาไกรสรราชสีห์อย่างไรได้
พระเจ้าข้า.
จบลักขกัณฑ์
[957 ] วิธุรบัณฑิตนั้น มีความดำริแห่งใจอัน
ไม่หดหู่ ได้กล่าวกะบุตร ธิดา ญาติ มิตรและเพื่อน
ที่สนิทว่า ดูก่อนลูกรักทั้งหลาย ลูกทั้งหลายจงมานั่ง
ฟังราชวัสดีธรรม อันเป็นเหตุให้บุคคลผู้เข้าไปสู่ราช
สกุลได้ยศ.
[958] ผู้เข้าไปสู่ราชสกุล พระราชายังไม่ทรง
ทราบความสามารถย่อมไม่ได้ยศ ราชเสวกไม่ควร
กล้าเกินไป ไม่ควรขลาดเกินไป ควรเป็นผู้ไม่
ประมาทในกาบทุกเมื่อ เมื่อใดพระราชาทรงทราบ
ความประพฤติปรกติ ปัญญา และความบริสุทธิ์ของ
ราชเสวกนั้น เมื่อนั้น ย่อมทรงวางพระทัยและไม่
ทรงรักษาความลับ.

[959] ราชเสวกอันพระราชาไม่ตรัสใช้ ไม่พึง
หวั่นไหวด้วยอำนาจฉันทาคติเป็นต้น ดังตราชูที่บุคคล
ประคองให้มีคันเสมอเที่ยงตรง ฉะนั้น ราชเสวกนั้น
พึงอยู่ในราชสำนักได้ ราชเสวกพึงตั้งใจกระทำราชกิจ
ทุกอย่าง ให้เสมอต้นเสมอปลาย เหมือนตราชูที่บุคคล
ประคองให้มีคันเสมอเที่ยงตรงดีฉะนั้น ราชเสวกนั้น
พึงอยู่ในราชสำนักได้.
[960] ราชเสวกต้องเป็นคนฉลาดในราชกิจ
อันพระราชาตรัสใช้ กลางวันหรือกลางคืนก็ตาม ไม่
พึงหวาดหวั่นในการกระทำราชกิจนั้น ๆ ราชเสวกนั้น
พึงอยู่ในราชสำนักได้ ทางใดที่เขาตกแต่งไว้เรียบร้อย
ดี สำหรับเสด็จพระราชดำเนิน ถึงพระราชาทรงอนุ-
ญาต ราชเสวกก็ไม่ควรเดินโดยทางนั้น ราชเสวกนั้น
พึงอยู่ในราชสำนักได้.
[961] ราชเสวกไม่พึงบริโภคสมบัติที่น่าใคร่
ทัดเทียมกับพระราชาในกาลไหนๆ ควรเดินหลังใน
ทุกสิ่งทุกอย่าง ราชเสวกนั้นพึงอยู่ในราชสำนักได้
ราชเสวกไม่ควรใช้สอยประดับประดาเสื้อผ้า มาลา
เครื่องลูบไล้ ทัดเทียมกับพระราชา ไม่พึงประพฤติ
อากัปกิริยา หรือพูดจาทัดเทียมกับพระราชา ควรทำ
อากัปกิริยาเป็นอย่างหนึ่ง ราชเสวกนั้นพึงอยู่ในราช-
สำนักได้.
[962] เมื่อพระราชาทรงพระสำราญอยู่กับหมู่
อำมาตย์อันพระสนมกำนัลในเฝ้าแหนอยู่ เสวกามาตย์

เป็นคนฉลาด ไม่พึงกระทำการทอดสนิทในพระสนม
กำนัลใน ราชเสวกไม่ควรเป็นคนฟุ้งซ่าน ไม่คนอง
กายวาจา มีปัญญาเครื่องรักษาตน สำรวมอินทรีย์
สมบูรณ์ด้วยการตั้งใจไว้ดี ราชเสวกนั้นพึงอยู่ใน
ราชสำนักได้.
[963] ราชเสวกไม่ควรเล่นหัว เจรจาปราศรัย
ในที่ลับกับพระสนมกำนัลใน ไม่ควรถือเอาทรัพย์จาก
พระคลังหลวง ราชเสวกนั้นพึงอยู่ในราชสำนักได้
ราชเสวกไม่พึงเห็นแก่การหลับนอนมากนัก ไม่พึงดื่ม
สุราจนเมามาย ไม่พึงฆ่าเนื้อในสถานที่พระราชทาน
อภัย ราชเสวกนั้นพึงอยู่ในราชสำนักได้ ราชเสวกไม่
พึงขึ้นร่วมพระตั่ง ราชบัลลังก์ พระราชอาสน์ เรือและ
รถพระที่นั่ง ด้วยอาการทนงตนว่าเป็นคนโปรดปราน
ราชเสวยนั้นพึงอยู่ในราชสำนักได้ ราชเสวกต้อง
เป็นผู้มีปัญญาเครื่องพิจารณา ไม่ควรเฝ้าให้ไกลนัก
ใกล้นัก ควรยืนเฝ้าพอให้ท้าวเธอทอดพระเนตรเห็น
ถนัด ในสถานที่ที่พอจะได้ยินพระราชดำรัสเบื้อง
พระพักตร์ของพระราชา ราชเสวกไม่ควรทำความ
วางใจว่า พระราชาเป็นเพื่อนของเรา เพราะราชาเป็น
คู่กันกับเรา พระราชาทั้งหลายย่อมทรงพระพิโรธได้
เร็วไวเหมือนนัยน์ตาอันผงกระทบ ราชเสวกไม่ควร
ถือตัวว่าเป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิต พระราชทรงบูชา

ไม่ควรเพ็ดทูลถ้อยคำหยาบคายกะพระราชาซึ่งประทับ
อยู่ในราชบริษัท.
[964] ราชเสวกผู้ได้รับพระราชทานพระทวาร
เป็นพิเศษ ก็ไม่ควรวางใจในพระราชาทั้งหลาย พึง
เป็นผู้สำรวมดำรงตนไว้เพียงดังไฟ ราชเสวกนั้นพึง
อยู่ในราชสำนักได้ พระเจ้าอยู่หัวจะทรงยกย่องพระ-
ราชโอรสหรือพระราชวงศ์ ด้วยบ้าน นิคม แว่นแค้วน
หรือชนบท ราชเสวกควรนิ่งดูก่อน ไม่ควรเพ็ดทูล
คุณหรือโทษ.
[965] พระราชาจะทรงปูนบำเหน็จรางวัลให้
แก่กรมช้าง กรมม้า กรมรถ กรมเดินเท้า ตามความ
ชอบในราชการของเขาราชเสวกไม่ควรทัดทานเขา
ราชเสวกนั้นพึงอยู่ในราชสำนักได้ ราชเสวกผู้เป็น
นักปราชญ์ พึงโอนไปเหมือนคันธนูและพึงไหวไป
ตามเหมือนไม้ไผ่ ไม่ควรทูลทัดทาน ราชเสวกนั้นพึง
อยู่ในราชสำนักได้ ราชเสวกพึงเป็นผู้มีท้องน้อย
เหมือนคันธนู พึงเป็นผู้ไม่มีลิ้นเหมือนปลา พึงเป็นผู้
รู้จักประมาณในโภชนะ มีปัญญาเครื่องรักษาตน
แกล้วกล้า ราชเสวกนั้นพึงอยู่ในราชสำนักได้.
[966] ราชเสวกไม่พึงสัมผัสหญิงนัก ซึ่งเป็น
เหตุให้สิ้นเดช ผู้สิ้นเดชย่อมได้ประสบโรคไอมองคร่อ
ความกระวนกระวายความอ่อนกำลัง ราชเสวกไม่ควร

พูดมากเกินไป ไม่ควรนิ่งทุกเมื่อ เมื่อถึงเวลาพึงเปล่ง
วาจาพอประมาณ ไม่พร่ำเพรื่อ เป็นคนไม่มักโกรธ
ไม่กระทบกระเทียบ เป็นคนพูดจริง อ่อนหวาน
ไม่ส่อเสียด ไม่ควรพูดถ้อยคำเพ้อเจ้อ ราชเสวกนั้น
พึงอยู่ในราชสำนักได้.
[967] ราชเสวกพึงเลี้ยงดูมารดาบิดา พึงประ-
พฤติอ่อนน้อมต่อผู้เจริญในสกุล มีวาจาอ่อนหวาน
กล่าววาจาอ่อนโยน ราชเสวยนั้นควรอยู่ในราช
สำนักได้ ราชเสวกพึงเป็นผู้ได้รับแนะนำดีแล้ว มี
ศิลป ฝึกฝนแล้ว เป็นผู้ทำประโยชน์ เป็นผู้คงที่
อ่อนโยน ไม่ประมาท สะอาดหมดจด เป็นคนขยัน
ราชเสวกนั้นควรอยู่ในราชสำนักได้ ราชเสวกพึงเป็น
ผู้มีความประพฤติอ่อนน้อม มีความเคารพยำเกรงใน
ท่านผู้เจริญ เป็นผู้สงบเสงี่ยม มีการอยู่ร่วมเป็นสุข
ราชเสวกนั้นควรอยู่ในราชสำนักได้ ราชเสวกพึงเว้น
ให้ห่างไกล ซึ่งทูตที่ส่งมาเกี่ยวด้วยความลับ พึงดูแล
แต่เจ้านายของตน ไม่ควรพูด (เรื่องลับ) ในสำนัก
ของพระราชาอื่น.
[968] ราชเสวกพึงเข้าหาสมาคมกะสมณะและ
พราหมณ์ผู้มีศีล เป็นพหูสูต โดยเคารพ ราชเสวก
นั้นควรอยู่ในราชสำนักได้ ราชเสวกเมื่อได้เข้าหา
สมาคมกะสมณะและพราหมณ์ ผู้มีศีลเป็นพหูสูตแล้ว

พึงสมาทานรักษาอุโบสถศีลโดยเคารพ ราชเสวกนั้น
ควรอยู่ในราชสำนักได้ ราชเสวกพึงบำรุงเลี้ยงสมณะ
และพราหมณ์ผู้มีศีล เป็นพหูสูต ด้วยข้าวและน้ำ
ราชเสวกนั้นควรอยู่ในราชสำนักได้ ราชเสวกผู้หวัง
ความเจริญแก่ตน พึงเข้าไปสมาคมคบหาละสมณะ
และพราหมณ์ผู้มีศีล เป็นพหูสูต มีปัญญา.
[969] ราชเสวกไม่พึงทำทาน ที่เคยพระราช-
ทานในสมณพราหมณ์ให้เสื่อมไป อนึ่ง เห็นพวก
วณิพกซึ่งมาในเวลาพระราชทานไม่ควรห้ามอะไรเลย
ราชเสวกพึงมีปัญญา สมบูรณ์ด้วยความรู้ ฉลาดใน
วิธีจักราชกิจ รู้จักกาล รู้จักสมัย ราชเสวยนั้นควร
อยู่ในราชสำนักได้ ราชเสวกพึงเป็นคนขยันหมั่นเพียร
ไม่ประมาท มีปัญญาสอดส่องพิจารณาในการงานที่
ตนพึงทำ จัดการงานให้สำเร็จด้วยดี ราชเสวกนั้น
ควรอยู่ในราชสำนักได้.
[970] อนึ่ง ราชเสวกพึงไปตรวจตราดูลาน
ข้าวสาลีปศุสัตว์และนาเสมอๆ พึงตวงข้าวเปลือกให้รู้
ประมาณแล้ว ให้เก็บไว้ในฉาง พึงนักบริวารชนใน
เรือนแล้ว ให้หุงต้มพอประมาณ ไม่ควรตั้งบุตรธิดา
พี่น้อง หรือวงศ์ญาติ ผู้ไม่ตั้งอยู่ในศีลให้เป็นใหญ่
เพราะคนเหล่านั้นเป็นคนพาล ไม่จัดว่าเป็นพี่น้อง คน
เหล่านั้น เป็นเหมือนคนที่ตายไปแล้ว แต่เมื่อเขา

เหล่านั้นมาหาถึงสำนัก ก็ควรให้ผ้านุ่งห่มและอาหาร
ควรตั้งพวกทาสหรือกรรมกร ผู้ตั้งมั่นอยู่ในศีล เป็น
คนขยันหมั่นเพียร ให้เป็นใหญ่.
[971] ราชเสวกพึงเป็นผู้มีศีล ไม่โลภมาก พึง
ประพฤติตามเจ้านาย ประพฤติประโยชน์แก่เจ้านาย
ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ราชเสวกนั้นควรอยู่ในราช
สำนักได้ ราชเสวกพึงเป็นผู้รู้จักพระราชอัธยาศัย และ
พึงปฏิบัติตามพระราชประสงค์ ไม่ควรประพฤติขัดต่อ
พระราชประสงค์ ราชเสวกนั้นควรอยู่ในราชสำนักได้
ราชเสวกพึงก้มศีรษะลงชำระพระบาท ในเวลาผลัด
พระภูษาทรง และในเวลาสรงสนาน แม้จะถูกกริ้วก็
ไม่ควรโกรธตอบ ราชเสวกนั้นควรอยู่ในราชสำนัก
ได้.
[972] บุรุษผู้หวังความเจริญแก่ตน พึงกระทำ
อัญชลีในหม้อน้ำและพึงกระทำประทักษิณนกแอ่นลม
อย่างไร เขาจักไม่พึงนอบน้อมพระราชา ผู้เป็นนัก
ปราชญ์สูงสุด พระราชทานสมบัติอันน่าใคร่ทุกอย่าง
เล่า เพราะพระราชาทรงพระราชทานที่นอน ผ้านุ่ง
ผ้าห่ม ยวดยาน ที่อยู่อาลัย บ้านเรือน ยังโภคสมบัติ
ให้ตกทั่วถึง เหมือนมหาเมฆยังน้ำฝนให้ตกเป็นประ-
โยชน์แก่หมู่สัตว์ทั่วไปฉะนั้น ดูก่อนเจ้าทั้งหลายนี้ชื่อ
ว่าราชวัสดี เป็นอนุศาสน์สำหรับราชเสวก นรชน

ประพฤติตาม ย่อมยังพระราชาให้โปรดปราน และ
ย่อมได้การบูชาในเจ้านายทั้งหลาย.
(นี้) ชื่อราชวัสดี.
[973] วิธุรบัณฑิตผู้มีปัญญาเครื่องพิจารณา
ครั้นพร่ำสอนหมู่ญาติอย่างนี้แล้ว หมู่ญาติมิตรห้อม
ล้อมเข้าไปเฝ้าพระราชาถวายบังคมยุคลบาทด้วยเศียร
เกล้า และทำประทักษิณท้าวเธอ แล้วประคองอัญชลี
กราบบังคมทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงปราบศัตรู
มาณพนี้ปรารถนาจะทำตามความประสงค์ จึงจะนำเข้า
พระองค์ไป ข้าพระองค์จะกราบทูลประโยชน์แห่ง
ญาติทั้งหลาย ขอเชิญพระองค์ทรงสดับประโยชน์นั้น
ขอพระองค์ ได้ทรงพระกรุณาเอาพระทัยใส่ดูแลบุตร
ภรรยาของข้าพระองค์ ทั้งทรัพย์อย่างอื่นๆ ที่มีอยู่ใน
เรือน โดยที่หมู่ญาติของข้าพระองค์จะไม่เสื่อมในภาย
หลัง ในเมื่อข้าพระองค์ถวายบังคมลาไปแล้ว ความ
พลั้งพลาดของข้าพระองค์นี้ เหมือนบุคคลพลาดลุ้ม
บนแผ่นดิน ย่อมกลับตั้งอยู่บนแผ่นดินนั้นเอง ฉะนั้น
ข้าพระองค์ย่อมเห็นโทษนี้.
พระเจ้าธนัญชัยตรัสว่า
[974] ท่านไม่อาจจะไปนั่นแลเป็นความพอใจ
ของเรา เราจะสั่งให้ฆ่าตัดออกเป็นท่อน ๆ แล้วหมก
ไว้ให้มิดชิดในเมืองนี้ ท่านอยู่ในที่นี้แหละ การทำ

ดังนี้ เราชอบใจ ดูก่อนบัณฑิตผู้มีปัญญาอันสูงสุด
กว้างขวางดุจแผ่นดิน ท่านอย่าไปเลย.
วิธุรบัณฑิตทูลว่า
[975] ขอใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทอย่าทรงตั้ง
พระราชหฤทัย ไว้ในอธรรมเลย ขอจงทรงประกอบ
พระองค์ไว้ในอรรถและในธรรมเถิด กรรมอันเป็น
อกุศลไม่ประเสริฐ บัณฑิตติเตียนว่า ผู้ทำกรรมอัน
เป็นอกุศลพุงเข้าถึงนรกในภายหลัง นี่ไม่ใช่ธรรมเลย
ไม่เข้าถึงกิจที่ควรทำ ข้าแต่พระจอมประชาชน ธรรม-
ดานายผู้เป็นใหญ่ของทาส จะทุบตีก็ได้ จะเผาก็ได้
จะฆ่าเสียก็ได้ ข้าพระองค์ไม่มีความโกรธเลย และ
ข้าพระองค์ขอกราบทูลลาไป.
[976] พระมหาสัตว์นั้นมีเนตรทั้งสองนองด้วย
น้ำตา กำจัดความกระวนกระวายในหทัยแล้ว สวม
กอดบุตรผู้ใหญ่ แล้วเข้าไปยังเรือนใหญ่.
[977] บุตรพันหนึ่ง ธิดาพันหนึ่ง ภรรยาพัน
หนึ่ง และทาสเจ็ดร้อย ในนิเวศน์ของวิธุรบัณฑิตต่าง
ประคองแขนทั้งสองร้องไห้คร่ำครวญ กลิ้งเกลือกกลับ
ทับกันไป เหมือนป่าไม่รังถูกลมพัดลิมระเนระนาดทับ
กันไป ฉะนั้น พระสนมกำนัล พระราชกุมาร พวก
พ่อค้า ชาวนา และพราหมณ์ทั้งหลาย ต่างก็มาประ
คองแขนร้องไห้คร่ำครวญอยู่ในนิเวศน์ของวิธุรบัณฑิต

พวกกองช้าง กองม้า กองรถ กองเดินเท้า.... ชาว
ชนบทและชาวนิคม ต่างมาประชุมประคองแขนร้องไห้
คร่ำครวญอยู่ในนิเวศน์ของวิธุรบัณฑิตภรรยาพันหนึ่ง
และทาสีเจ็ดร้อย ต่างพากันประคองแขนร้องไห้คร่ำ-
ครวญว่า เพราะเหตุไร ท่านจึงจักละดิฉันทั้งหลายไป
พระสนมกำนัล พระราชกุมาร พ่อค้า ชาวนาและ
พราหมณ์ทั้งหลาย พวกกองช้าง กองม้า กองรถ
กองเดินเท้า.... ชาวชนบท และชาวนิคม ต่างมา
ประชุมประคองแขนร้องไห้คร่ำครวญว่า เพราะเหตุไร
ท่านจึงจักละข้าพเจ้าทั้งหลายไป.
[978] พระมหาสัตว์ กระทำกิจทั้งหลายใน
เรือนสั่งสอนคนของตน คือ มิตร สหาย คนใช้
บุตรธิดา ภรรยา และพวกพ้อง จัดการงาน บอก
มอบทรัพย์ในเรือน ขุนทรัพย์และการส่งหนี้เสร็จแล้ว
ได้กล่าวกะปุณณกยักษ์ว่า ท่านได้พักอยู่ในเรือนของ
ข้าพเจ้า 3 วันแล้ว กิจที่จะพึงทำในเรือนของข้าพเจ้า
ทำเสร็จแล้ว อนึ่ง บุตรและภรรยาข้าพเจ้าได้สั่งสอน
แล้ว ข้าพเจ้ายอมทำกิจตามอัธยาศัยของท่าน.
[979] ดูก่อนมหาอำมาตย์ผู้สำเร็จราชกิจทั้งปวง
ถ้าแลท่านสั่งสอนบุตร ภรรยาและคนอาศัยแล้ว เชิญ
ท่านมารีบไปในบัดนี้ เพราะหนทางข้างหน้ายังไกลนัก
ท่านอย่ากลัวเลย จงจับหางม้าอาชาไนย การเห็นชีว-
โลกของท่านนี้ เป็นการเห็นครั้งที่สุด.

[980] ข้าพเจ้าจักสะดุ้งกลัวไปทำไม เพราะ
ข้าพเจ้าไม่มีกรรมชั่วทางกาย ทางวาจา และทางใจ
อันเป็นเหตุให้ไปสู่ทุคติ.
[981] พระยาม้านั้น นำวิธุรบัณฑิตเหาะไปใน
อากาศกลางหาวไม่กระทบที่กิ่งไม้หรือภูเขา วิ่งเข้าไป
สู่กาฬคีรีบรรพตโดยฉับพลัน.
[982] ภรรยาพันหนึ่ง และทาสีเจ็ดร้อยประ-
คองแขนร้องไห้คร่ำครวญว่า ยักษ์แปลงเพศเป็น
พราหมณ์มาพาเอาวิธุรบัณฑิตไป พระสนมกำนัลใน
พระราชกุมาร พ่อค้า ชาวนาและพราหมณ์ กอง
ช้าง กองม้า กองรถ กองเดินเท้า... ชาวชนบท
และชาวนิคมต่างมาประชุมพร้อมกัน ประคองแขน
ทั้งสองร้องไห้คร่ำครวญว่า ยักษ์แปลงเพศเป็น
พราหมณ์มาพาเอาวิธุรบัณฑิตไป ภรรยาพันหนึ่งและ
ทาสีเจ็ดร้อย ต่างประคองแขนร้องไห้คร่ำครวญว่า
วิธุรบัณฑิตนั้นไปแล้ว ณ ที่ไหน พระสนมกำนัลใน
พระราชกุมาร พ่อค้า ชาวนาและพราหมณ์ กองช้าง
กองม้า กองรถ กองเดินเท้า.... ชาวชนบทและชาว
นิคม ต่างมาประชุมพร้อมกันประคองแขนร้องไห้
คร่ำครวญว่า วิธุรบัณฑิตไปแล้ว ณ ที่ไหน
[983] ถ้าท่านวิธุรบัณฑิต จักไม่มาโดย 7 วัน
ข้าพระพุทธเจ้าจักพากันเข้าไปสู่กองไฟ ข้าพระพุทธ-
เจ้าทั้งหลาย ไม่มีความต้องการด้วยชีวิต.

[984] ก็วิธุรบัณฑิตเป็นผู้ฉลาดเฉียบแหลม
สามารถแสดงปะโยชน์ และมิใช่ประโยชน์แจ้งชัด
มีปัญญาเครื่องพิจารณา คงจะเปลื้องตนได้โดยพลัน
ท่านทั้งหลายอย่ากลัวไปเลย วิธุรบัณฑิตปลดเปลื้อง
ตนแล้ว ก็จักรีบกลับมา.
(นี้) ชื่ออันตรเปยยาล.
[985] ปุณณกยักษ์นั้น ไปยืนคิดอยู่บนยอด
กาฬาคีรีบรรพต ความคิดย่อมเป็นความคิดสูง ๆ ต่ำ ๆ
ประโยชน์อะไร ๆ ด้วยความเป็นอยู่ของวิธุรบัณฑิตนี้
หามีแก่เราไม่ เราจักฆ่าวิธุรบัณฑิตนี้เสีย แล้วนำเอา
แต่ดวงใจไปเถิด.
[986] ปุณณกยักษ์นั้นมีจิตประทุษร้ายลงจาก
ยอดเขาไปสู่เชิงเขา วางพระมหาสัตว์ไว้ในระหว่าง
ภูเขา ชำแรกเข้าไปภายในภูเขานั้นจับพระมหาสัตว์
เอาศีรษะลงเบื้องต่ำ ขว้างลงไปที่พื้นดินที่ไม่มีอะไร
กีดกั้น.
[987] วิธุรบัณฑิตผู้เป็นอำมาตย์ประเสริฐสุด
ของชาวกุรุรัฐ เมื่อถูกห้อยศีรษะลงในเหวอันชัน เป็น
ที่น่ากลัว น่าสยดสยอง น่าหวาดเสียวมา ไม่สะดุ้งกลัว
ได้กล่าวกะปุณณกยักษีว่า ท่านเป็นผู้มีรูปดังผู้ประ-
เสริฐ แต่หาเป็นคนประเสริฐไม่ คล้ายจะเป็นคน
สำรวม แต่ไม่สำรวม กระทำกรรมอันหยาบช้าไร้

ประโยชน์ ส่วนกุศลแม้แต่น้อยหนึ่งย่อมไม่มีในจิต
ของท่าน ท่านจะโยนข้าพเจ้าลงในเหว ประโยชน์
อะไรด้วยการตายของข้าพเจ้า จะพึงมีแต่ท่านหนอ
วันนี้ผิวพรรณของท่านเหมือนของอมนุษย์ ท่านจง
บอกข้าพเจ้า ท่านเป็นเทวดาชื่ออะไร.
ปุณณกยักษ์ตอบว่า
[988] ข้าพเจ้าเป็นยักษ์ชื่อปุณณกะ และเป็น
อำมาตย์ของท้าวกุเวร ถ้าท่านคงได้ฟังมาแล้ว พระ-
ยานาคใหญ่นามว่าวรุณ ผู้ครอบครองนาคพิภพมีรูป
งามสะอาด สมบูรณ์ด้วยผิวพรรณและกำลัง ข้าพเจ้า
รักใคร่อยากได้นางนาคกัญญานามว่าอิรันทตีธิดาของ
พระยานาคนั้น ดูก่อนท่านผู้เป็นปราชญ์ เพราะเหตุ
แห่งนางอิรันทตีผู้มีเอวอันงามน่ารักนั้น ข้าพเจ้าจึง
ตกลงใจจะฆ่าท่าน.
วิธุรบัณฑิตกล่าวว่า
[989] ดูก่อนยักษ์ ท่านอย่าได้มีความลุ่มหลง
นักเลย สัตว์โลกเป็นอันมากฉิบหายแล้วเพราะความ
ถือผิด เพราะเหตุไรท่านจึงทำความรักใคร่ในนาง
อิรันทตีผู้มีเอวอันงามน่ารัก ท่านจะมีประโยชน์อะไร
ด้วยความตายของข้าพเจ้า เชิญท่านจงบอกเหตุทั้งปวง
แก่ข้าพเจ้าด้วย.

ปุณณกยักษ์กล่าวว่า
[990] ข้าพเจ้าปรารถนาธิดาของพระยาวรุณ-
นาคราช ผู้มีอานุภาพมาก ข้าพเจ้าชื่อว่าเป็นผู้รับ
อาสาญาติของนางอิรันทตีมา ญาติเหล่านั้นได้สำคัญ
ข้าพเจ้าว่า ถูกความรักใคร่ครอบงำโดยส่วนเดียว
เหตุนั้น พระยาวรุณนาคราชได้ตรัสกะข้าพเจ้า ผู้ทูล
ขอนางอิรันทตีนาคกัญญาว่า เราทั้งหลายพึงให้ธิดา
ของเรา ผู้มีร่างกายอันสลวย มีเนตรงามอย่างน่าพิศวง
ลูบไล้ด้วยจุรณแก่นจันทน์ ถ้าท่านพึงได้ดวงหทัยของ
วิธุรบัญฑิตนำมาในนาคพิภพนี้โดยธรรม เพราะความ
ดีความชอบนี้ ท่านก็จะได้ธิดาของเรา เราทั้งหลาย
มิได้ปรารถนาทรัพย์อื่นยิ่งไปกว่านั้น ดูก่อนท่าน
อำมาตย์ ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นคนหลง ท่านจงฟังให้
ทราบเรื่องอย่างนี้ อนึ่งข้าพเจ้ามิได้มีความถือผิด
อะไรๆ เลย เพราะดวงหทัยของท่าน ที่ข้าพเจ้าได้ไป
โดยชอบธรรม ท้าววรุณนาคราชและพระนางวิมลาจะ
ประทานนางอิรันทตีนาคกัญญาแก่ข้าพเจ้า เพราะ
ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงพยายามเพื่อจะฆ่าท่าน ข้าพเจ้ามี
ประโยชน์ด้วยการตายของท่าน จึงจะผลักท่านให้ตก
ลงในเหวนี้ ฆ่าเสียแล้วนำเอาดวงหทัยไป.
วิธุรบัณฑิตกล่าวว่า
[991] จงวางข้าพเจ้าลงเร็วเถิด ถ้าท่านมีกิจที่
จะต้องทำด้วยหทัยของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะแสดงสาธุ-
นรธรรมทั้งปวงนี้แก่ท่านในวันนี้.

[992] ปุณณกยักษ์นั้น รีบวางวิธุรบัณฑิตอำ-
มาตย์ผู้ประเสริฐที่สุดของชาวกุรุรัฐลงบนยอดเขา เห็น
วิธุรบัณฑิตผู้มีปัญญาไม่ทรามนั่งอยู่ จึงถามว่า ท่าน
อันข้าพเจ้ายกขึ้นจากเหวแล้ว วันนี้ข้าพเจ้ามีกิจที่จะ
ต้องทำด้วยหทัยของท่าน ท่านจงแสดงสาธุนรธรรม
ทั้งหมดนั้นแก่ข้าพเจ้าในวันนี้.
วิธุรบัณฑิตกล่าวว่า
[993] ข้าพเจ้าอันท่านยกขึ้นจากเหวแล้ว ถ้า
ท่านมีกิจที่จะต้องทำด้วยหทัยของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะ
แสดงสาธุนรธรรมทั้งหมดนี้แก่ท่านในวันนี้.
[994] ดูก่อนมาณพ ท่านจงเดินไปตามทางที่
ท่านเดินไปแล้ว 1 จงอย่าเผาฝ่ามืออันชุ่ม 1 อย่าได้
ประทุษร้ายในหมู่มิตร ในกาลไหนๆ 1 อย่าตกอยู่ใน
อำนาจของหญิงอสติ 1.
ปุณณกยักษ์กล่าวว่า
[995] บุคคลชื่อว่า เป็นผู้เดินไปตามทางที่
ท่านเดินไปแล้วอย่างไร บุคคลชื่อว่าเผาฝ่ามืออันชุ่ม
อย่างไร บุคคลเช่นไรชื่อว่าประทุษร้ายมิตร หญิง
เช่นไรชื่อว่าอสติ ข้าพเจ้าถามแล้ว ขอท่านจงบอก
เนื้อความนั้น.
[996] ผู้ใดพึงเชื้อเชิญคนที่ไม่คุ้นเคยกัน ไม่
เคยพบเห็นกันแม้ด้วยอาสนะ บุรุษพึงกระทำประโยชน์

แก่บุคคลนั้นโดยแท้ บัณฑิตทั้งหลายกล่าวบุรุษนั้นว่า
ผู้เดินไปตามทางที่ท่านเดินแล้ว บุคคลพึงอยู่ในเรือน
ของผู้ใดแม้คืนเดียว ได้ข้าวน้ำด้วย ไม่ควรคิดร้ายแก่
ผู้นั้นแม้ด้วยใจ ผู้คิดร้ายต่อบุคคลเช่นนั้น ชื่อว่าเผา
ฝ่ามืออันชุ่ม และชื่อว่าประทุษร้ายมิตร บุคคลนั่ง
หรือนอนที่ร่มเงาของต้นไม้ใด ไม่ควรหักรานกิ่งของ
ต้นไม้นั้น เพราะผู้ประทุษร้ายมิตรเป็นคนชั่วช้า หญิง
ที่สามียกย่องอย่างดี ถึงแก่ให้แผ่นดินนี้อันบริบูรณ์
ด้วยทรัพย์ ได้โอกาสแล้วพึงดูหมิ่นสามีนั้นได้ บุคคล
ไม่ควรตกอยู่ในอำนาจของหญิงเหล่านั้น ผู้ชื่อว่าอสติ
บุคคลชื่อว่าเดินไปตามทางที่ท่านเดินแล้วอย่างนี้ ชื่อว่า
ตกอยู่ในอำนาจของหญิงผู้ชื่อว่าอสติอย่างนี้ ชื่อว่า
ประทุษร้ายมิตรอย่างนี้ ท่านจงเป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม
จงละอธรรมเสีย.
(นี้) ชื่อสาธุนรธรรมกัณฑ์.
[997] ข้าพเจ้าได้อยู่ในเรือนท่านตลอด 3 วัน
ทั้งเป็นผู้ที่ท่านบำรุงด้วยข้าวและน้ำ ท่านเป็นผู้พ้น
จากข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอปล่อยท่าน ดูก่อนท่านผู้มี
ปัญญาอันสูงสุด เชิญท่านกลับไปเรือนของท่าน
ตามปรารถนาเถิด ความต้องการของตระกูลพระยา
นาคจะเสื่อมไปก็ตามที เหตุที่จะให้ได้นางนาคกัญญา
ข้าพเจ้าเลิกละ ดูก่อนท่านผู้มีปัญญา เพราะคำสุภาษิต
ของตนนั่นแล ท่านจึงพ้นจากข้าพเจ้าผู้จะฆ่าท่าน
ในวันนี้.

วิธุรบัณฑิตกล่าวว่า
[998] ดูก่อนปุณณกยักษ์ เชิญท่านนำข้าพเจ้า
ไปในสำนักของพ่อตาของท่าน จงประพฤติประโยชน์
ในข้าพเจ้า แม้ข้าพเจ้าก็อยากเห็นท้าววรุณผู้เป็นอธิบดี
ของนาคและวิมานของท้าวเธอซึ่งข้าพเจ้าไม่เคยเห็น.
ปุณณกยักษ์กล่าวว่า
[999] คนมีปัญญา ไม่ควรจะดูสิ่งที่ไม่เป็นไป
เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่นรชนนั้นเลย ดูก่อนท่านผู้มี
ปัญญาอันสูงสุด เออก็เพราะเหตุอะไรหนอ ท่านจง
ปรารถนาจะไปยังที่อยู่ของศัตรูเล่า.
วิธุรบัณฑิตกล่าวว่า
[1000] แม่ข้าพเจ้าก็รู้ชัด ซึ่งข้อที่ผู้มีปัญญาไม่
ควรเห็นสิ่งที่ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่นรชน
นั้นแน่แท้ แต่ข้าพเจ้าไม่มีความชั่วที่กระทำไว้ในที่ ๆ
ไหนเลย เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่รังเกียจต่อความ
ตายอันจะมาถึงตน.
ปุณณกยักษ์กล่าวว่า
[1001] ดูก่อนบัณฑิต เชิญเถิด ท่านกับข้าพเจ้า
มาไปดูพิภพของพระยานาคราช ซึ่งมีอานุภาพหาที่
เปรียบมิได้ เป็นที่อยู่อันมีการฟ้อนรำขับร้องตาม
ปรารถนา เหมือนนิฬิญญราชธานีเป็นที่ประทับอยู่ของ
ท้าวเวสวัณ ฉะนั้น นาคพิภพนั้น เป็นที่ไปเที่ยว

เล่นเป็นหมู่ ๆ ของนางนาคกัญญา ตลอดวันและคืน
เป็นนิตย์ มีดอกไม้ดารดาษอยู่มากมายหลายชนิดสว่าง
ไสวดังสายฟ้าในอากาศ บริบูรณ์ด้วยข้าวและน้ำเพียบ
พร้อมด้วยการฟ้อนรำขับร้องและการประโคม พร้อม
มูลไปด้วยนางนาคกัญญาที่ประดับประดาสวยงาม งาม
สง่าไปด้วยผ้านุ่งผ้าห่มและเครื่องประดับ.
[1002] ปุณณกยักษีนั้น เชิญให้วิธุรบัณฑิตผู้
ประเสริฐสุดของชาวกุรุรัฐ นั่งเหนืออาสนะข้างหลัง
ได้พาวิธุรบัณฑิตผู้มีปัญญาไม่ทรามเข้าไปสู่ภพของ
พระยานาคราช วิธุรบัณฑิตได้สถิตอยู่ข้างหลังแห่ง
ปุณณกยักษ์ จนถึงพิภพของพระยานาคซึ่งมีอานุภาพที่
เปรียบมิได้ ก็พระยานาคทอดพระเนตรเห็นลูกเขยผู้มี
ความจงรักภักดี ได้ตรัสทักทายปราศรัยก่อนทีเดียว.
ท้าววรุณตรัสว่า
[1003] ท่านได้ไปยังมนุษยโลก เที่ยวแสวงหา
ดวงหทัยของบัณฑิตกลับมาถึงในนาคพิภพนี้ด้วยความ
สำเร็จหรือ หรือว่าท่านได้พาเอาบัณฑิตผู้มีปัญญาไม่
ต่ำทรามมาด้วย.
ปุณณกยักษ์ทูลว่า
[1004] ท่านผู้นี้แหละ คือวิธุรบัณฑิต ที่พระ-
องค์ทรงปรารถนานั้นมาแล้วโดยธรรม เชิญใต้ฝ่าละออง
ธุลีพระบาททอดพระเนตรวิธุรบัณฑิต ผู้จะแสดงธรรม
ถวายด้วยเสียงอันไพเราะ เฉพาะพระพักตร์ ณ บัดนี้

การสมาคมด้วยสัปบุรุษทั้งหลาย ย่อมเป็นเหตุนำความ
สุขมาให้โดยแท้.
(นี้) ชื่อว่ากาลาคิรีกัณฑ์.
ท้าววรุณตรัสว่า
[1005] ท่านเป็นมนุษย์ มาเห็นพิภพของนาคที่
ตนไม่เคยเห็นแล้วเป็นผู้ถูกภัยคือความตายคุกคามแล้ว
เป็นผู้ไม่กลัว และไม่อภิวาท อาการเช่นนี้ดูเหมือนจะ
ไม่มีแก่ผู้มีปัญญา.
วิธุรบัณฑิตทูลว่า
[1006] ข้าแต่พระยานาคราช ข้าพระองค์เป็น
ผู้ไม่กลัวและไม่เป็นผู้อันภัยคือความตายคุกคาม นัก-
โทษประหารไม่พึงกราบไหว้เพชฌฆาต หรือเพชฌฆาต
ก็ไม่พึงให้หนักโทษประหารกราบไหว้ตน อย่างไรหนอ
นรชนจะพึงกราบไหว้บุคคลผู้ปรารถนาจะฆ่าตน และ
ผู้ปรารถนาจะฆ่าเขา จะพึงให้บุคคลผู้ที่ตนจะฆ่า
กราบไหว้ตนอย่างไรเล่า กรรมนั้นย่อมไม่สำเร็จ
ประโยชน์เลยพระเจ้าข้า.
ท้าววรุณตรัสว่า
[1007] ดูก่อนบัณฑิต คำนั้นถูกอย่างที่ท่านพูด
ท่านพูดจริง นักโทษประหารไม่พึงกราบไหว้เพชฌ-
ฆาต หรือเพชฌฆาตก็ไม่พึงให้นักโทษประหารกราบ
ไหว้ตน อย่างไรหนอนรชนพึงกราบไหว้บุคคลผู้

ปรารถนาจะฆ่าตน และผู้ปรารถนาจะฆ่าเขา จะพึง
ให้บุคคลผู้ที่ตนจะฆ่ากราบไหว้ตนอย่างไรเล่า กรรม
นั้นย่อมไม่สำเร็จประโยชน์เลย.
วิธุรบัณฑิตทูลว่า
[1008] ข้าแต่พระยานาคราช วิมานของฝ่า
พระบาทนี้เป็นของไม่เที่ยงแต่เป็นเช่นกับของเที่ยง
ฤทธิ์ ความรุ่งเรือง พระกำลังกาย พระวิริยภาพและ
การเสด็จอุบัติในนาคพิภพ ได้มีแล้วแก่ฝ่าพระบาท
ข้าพระองค์ขอทูลถามเนื้อความนั้น กะฝ่าพระบาท
วิมานนี้ทรงได้มาอย่างไรหนอ วิมานนี้ฝ่าพระบาท
ทรงได้มาเพราะอาศัยอะไร หรือเป็นของเกิดขึ้นตาม
ฤดูกาล ฝ่าพระบาททรงกระทำเอง หรือเทวดาทั้งหลาย
ถวายแก่พระองค์ ข้าแต่พระยานาคราช ขอฝ่าพระ-
บาทตรัสบอกเนื้อความนี้แก่ข้าพระองค์ ตามที่ฝ่า-
พระบาทได้วิมานมาเถิด พระเจ้าข้า.
ท้าววรุณตรัสว่า
[1009] วิมานนี้ เราจะได้มาเพราะอาศัยอะไร
ก็หามิได้ เกิดขึ้นตามฤดูกาลก็หามิได้ เรามิได้กระทำ
เอง แม้เทวดาทั้งหลายก็มิได้ให้ แต่วิมานนี้เราได้มา
ด้วยบุญกรรมอันไม่ลามกของตนเอง.
วิธุรบัณฑิตทูลว่า
[1010] ข้าแต่พระยานาคราช อะไรเป็นวัตร
ของฝ่าพระบาท และอะไรเป็นพรหมจรรย์ของฝ่าพระ-

บาท ฤทธิ์ ความรุ่งเรือง พระกำลังกาย พระวิริยภาพ
และการอุบัติในนาคพิภพ ทั้งวิมานใหญ่ของฝ่า
พระบาทนี้ เป็นผลแห่งกรรมอะไร อันฝ่าพระบาท
ทรงประพฤติดีแล้ว.
ท้าววรุณตรัสว่า
[1011] เราและภรรยาเมื่อยังอยู่ในมนุษยโลก
เป็นผู้มีศรัทธา เป็นทานบดี ในครั้งนั้น เรือนของ
เราเป็นดังบ่อน้ำของสมณพราหมณ์ทั้งหลาย และเราได้
บำรุงสมณพราหมณ์ให้อิ่มหนำสำราญ เราทั้งสองได้
ถวายทาน คือดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ เครื่อง
ประทีป ที่นอนที่พักอาศัย ผ้านุ่งผ้าห่ม ผ้าปูนอน
ข้าวและน้ำโดยเคารพ ทานที่ได้ถวายโดยเคารพนั้น
เป็นวัตรของเรา และการสมาทานวัตรนั้น เป็น
พรหมจรรย์ของเรา ดูก่อนท่านผู้เป็นปราชญ์ ฤทธิ์
ความรุ่งเรือง กำลังกาย ความเพียร การเกิดในนาค
พิภพและวิมานใหญ่ของเรานี้เป็นวิบากแห่งวัตรและ
พรหมจรรย์นั้น อันเราประพฤติดีแล้ว.
วิธุรบัณฑิตทูลว่า
[1012] ถ้าวิมานนี้ ฝ่าพระบาทได้ด้วยอานุภาพ
แห่งทานอย่างนี้ ฝ่าพระบาทก็ชื่อว่าทรงทราบผลแห่ง
บุญ และทรงทราบการเสด็จอุบัติในนาคพิภพเพราะ
ผลแห่งบุญ เพราะเหตุนั้นแล ขอฝ่าพระบาททรงเป็น
ผู้ไม่ประมาทประพฤติธรรม ตามที่จะได้ทรงครอบ
ครองวิมานนี้ต่อไปฉะนั้นเถิด พระเจ้าข้า.

ท้าววรุณตรัสว่า
[1013] ดูก่อนบัณฑิต ในนาคพิภพนี้ ไม่มี
สมณพราหมณ์ที่เราจะพึงถวายข้าวและน้ำเลย เราถาม
แล้วขอท่านจงบอกเนื้อความนั้นแก่เรา ตามที่เราจะ
พึงได้ครอบครองวิมานต่อไปเถิด.
วิธุรบัณฑิตทูลว่า
[1014] ข้าแต่พระยานาคราช ก็นาคทั้งหลาย
ที่เป็นพระโอรส พระธิดา พระชายา ทั้งพระญาติ
พระมิตร และข้าเฝ้าของฝ่าพระบาท ซึ่งเกิดในนาค
พิภพนี้ มีอยู่ ขอฝ่าพระบาททรงเป็นผู้ไม่ประทุษร้าย
ในนาคมีพระโอรสเป็นต้นเท่านั้น ด้วยพระกายและ
พระวาจาเป็นนิตย์ ฝ่าพระบาททรงรักษาความไม่ประ-
ทุษร้ายด้วยพระกาย และพระวาจาอย่างนี้ ฝ่าพระบาท
ทรงสถิตอยู่ในวิมานนี้ตลอดพระชนมายุ แล้วจักเสด็จ
ไปสู่เทวโลกอันสูงกว่านาคพิภพ.
ท้าววรุณตรัสว่า
[1015] ท่านเป็นอำมาตย์ของพระราชาผู้
ประเสริฐสุดพระองค์ใด พระราชาผู้ประเสริฐสุด
พระองค์นั้น พรากจากท่านแล้ว ย่อมจะเศร้าโศก
แน่แท้ทีเดียว คนที่ถูกความทุกข์ครอบงำก็ดี คนป่วย
หนักก็ดี ได้สมาคมกับท่านแล้วพึงได้ความสุข.
วิธุรบัณฑิตทูลว่า
[1016] ข้าแต่พระยานาคราช ฝ่าพระบาทตรัส
ธรรมของสัตบุรุษทั้งหลาย ซึ่งเป็นบทอันแสดงประ-

โยชน์อย่างล้ำเลิศ ที่นักปราชญ์ประพฤติแล้วโดยแท้
ก็คุณวิเศษของบุคคลผู้มีปัญญาเช่นข้าพระองค์ย่อม
ปรากฏในเมื่อมีภยันตรายเช่นนี้แหละ พระเจ้าข้า.
ท้าวรุณตรัสว่า
[1017] ขอท่านจงบอกแก่เรา ปุณณกยักษ์นี้
ได้ท่านมาเปล่า ๆ หรือ ขอจงบอกแก่เรา ปุณณกยักษ์
นี้ชนะในการเล่นสกาจึงได้ท่านมา ปุณณกยักษ์นี้
กล่าวว่าได้มาโดยธรรม ท่านถึงเงื้อมมือของปุณณก-
ยักษ์นี้ได้อย่างไร.
วิธุรบัณฑิตทูลว่า
[1018] ปุณณกยักษ์นี้ เล่นสกาชนะพระราชา
ของข้าพระองค์ ผู้เป็นอิสราธิบดีในอินทปัตตะนครนั้น
พระราชาพระองค์นั้นอันปุณณกยักษีชนะแล้ว ได้ทรง
พระราชทานข้าพระองค์แก่ปุณณกยักษ์นี้ ข้าพระองค์
เป็นผู้อันปุณณกยักษ์นี้ได้มาแล้วโดยธรรม มิใช่ได้มา
โดยธรรมอันสาหัสพระเจ้าข้า.
[1019] ในกาลนั้น พระยานาคผู้ประเสริฐ ทรง
สดับคำสุภาษิตของวิธุรบัณฑิตผู้เป็นปราชญ์แล้วทรง
ชื่นชมโสมนัส มีพระทัยเต็มตื้นด้วยปีติ ทรงจูงมือ
วิธุรบัณฑิตผู้มีปัญญาไม่ทราม เสด็จเข้าไปในที่อยู่ของ
พระชายา ตรัสว่า ดูก่อนพระน้องวิมลา เพราะเหตุ
ใด พระน้องจึงดูผอมเหลืองไป เพราะเหตุใด พระ
น้องจึงไม่เสวยกระยาหาร ก็คุณงามความดีของวิธุร-
บัณฑิตผู้ที่พระน้องต้องประสงค์ดวงหทัย เป็นผู้บรร-

เทาความมืดของโลกทั้งปวง เช่นนี้นั้นของเราไม่มี ผู้
นี้คือวิธุรบัณฑิตมาถึงแล้ว จะทำความสว่างไสวให้
แก่พระน้อง เชิญพระน้องตั้งหทัยฟังคำของท่าน การ
ที่จะได้เห็นท่านอีกเป็นการหาได้ยาก.
[1020] พระนางวิมาลา ทอดพระเนตรเห็น
วิธุรบัณฑิต ผู้มีปัญญากว้างขวางดังแผ่นดินนั้นแล้ว
มีพระทัยยินดีโสมนัส ทรงยกพระองคุลีทั้ง 10 ขึ้น
อัญชลี และตรัสกะวิธุรบัณฑิตผู้เป็นนักปราชญ์
ประเสริฐสุดของชาวกุรุรัฐว่า ท่านเป้นมนุษย์มาเห็น
พิภพของนาคที่ตนไม่เคยเห็น เป็นผู้ถูกภัยคือความตาย
คุกคาม เป็นผู้ไม่กลัว และไม่อภิวาท อาการเช่นนี้ดู
เหมือนจะไม่มีแก่ผู้มีปัญญา.
วิธุรบัณฑิตทูลว่า
[1021] ข้าแต่พระนางเจ้านาคี ข้าพระองค์
เป็นผู้ไม่กลัว และไม่เป็นผู้อันภัยคือความตายคุกคาม
นักโทษประหารไม่พึงไหว้เพชฌฆาต หรือเพชฌฆาต
ก็ไม่พึงให้นักโทษประหารกราบไหว้ตน อย่างไรหนอ
นรชนจะพึงกราบไหว้ บุคคลผู้ที่ปรารถนาจะฆ่าตน
และผู้ปรารถนาจะฆ่าเขา จะพึงให้บุคคลผู้ที่ตนจะฆ่า
กราบไหว้ตนอย่างไรเล่า กรรมนั้นย่อมไม่สำเร็จ
ประโยชน์พระเจ้าข้า.

พระนางวิมลาตรัสว่า
[1022] ดูก่อนบัณฑิต คำนั้นถูกอย่างที่ท่านพูด
ท่านพูดจริง นักโทษประหารไม่พึงกราบไหว้เพชฌฆาต
หรือเพชฌฆาตก็ไม่พึงให้นักโทษประหารกราบไหว้
ตน อย่างไรหนอนรชน จะพึงกราบไหว้บุคคลผู้
ปรารถนาจะฆ่าตน และผู้ปรารถนาจะฆ่าเขา จะพึงให้
บุคคลผู้ที่ตนจะฆ่ากราบไหว้อย่างไรเล่า กรรมนั้นย่อม
ไม่สำเร็จประโยชน์เลย.
วิธุรบัณฑิตทูลว่า
[1023] ข้าแต่พระนางเจ้านาคกัญญา วิมาน
ของพระองค์นี้เป็นของไม่เที่ยง แต่เป็นเช่นกับของ
เที่ยง ฤทธิ์ ความรุ่งเรือง พระกำลังกาย พระวิริยภาพ
และการเสด็จอุบัติในนาคพิภพไม่มีแล้วแก่ฝ่าพระบาท
ข้าพระองค์ขอทูลถามเนื้อความนั้น กะฝ่าพระบาท
วิมานนี้ฝ่าพระบาทได้มาอย่างไรหนอ วิมานนี้ฝ่าพระ-
บาทได้มาเพราะอาศัยอะไร หรือเป็นของเกิดขึ้นตาม
ฤดูกาล ฝ่าพระบาททรงกระทำเอง หรือเทวดาทั้งหลาย
ถวายฝ่าพระบาท ข้าแต่พระนางเจ้านาคกัญญา ขอ
ฝ่าพระบาทตรัสบอกเนื้อความนี้แก่ข้าพระองค์ ตามที่
ฝ่าพระบาทได้วิมานเถิด พระเจ้าข้า.
พระนางวิมาลาตรัสว่า
[1024] วิมานนี้ ฉันจะได้มาเพราะอะไรก็หา
มิได้ เกิดขึ้นตามฤดูกาล ก็หามิได้ ฉันมิได้กระทำเอง
แม้เทวดาทั้งหลายก็มิได้ให้ แต่วิมานนี้ฉันได้มาด้วยบุญ
กรรมอันไม่ลามกของตนเอง.

วิธุรบัณฑิตทูลว่า
[1025] ข้าแต่พระนางเจ้านาคี อะไรเป็นวัตร
ของฝ่าพระบาท และอะไรเป็นพรหมจรรย์ของฝ่า
พระบาท ฤทธิ์ ความรุ่งเรือง พระกำลังกาย พระวิริย-
ภาพ และการเสด็จอุบัติในนาคพิภพ ทั้งวิมานอัน
ใหญ่ของฝ่าพระบาทนี้ เป็นผลแห่งกรรมอะไร อัน
ฝ่าพระบาททรงประพฤติดีแล้ว พระเจ้าข้า.
พระนางวิมลาตรัสว่า
[1026] ฉันและพระสวามีของฉัน เป็นผู้มี
ศรัทธา เป็นทานบดีในครั้งนั้น เรือนของฉันเป็นดัง
บ่อน้ำของสมณพราหมณ์ทั้งหลาย และฉันได้บำรุง
สมณพราหมณ์ให้อิ่มหนำสำราญ ฉันและพระสวามี
เมื่อยังอยู่ในมนุษยโลกนั้น ได้ถวายทานคือ ดอกไม้
ของหอม เครื่องลูบไล้ เครื่องประทีป ที่นอน ที่พัก
อาศัย ผ้านุ่งผ้าห่ม ผ้าปูนอน ข้าวและน้ำ โดยเคารพ
ทานที่ฉันได้ถวายโดยเคารพนั้น เป็นวัตรของฉัน และ
การสมาทานวัตรนั้นเป็นพรหมจรรย์ของฉัน ดูก่อน
ท่านผู้เป็นปราชญ์ ฤทธิ์ ความรุ่งเรือง กำลังกาย ความ
เพียร การเกิดในนาคพิภพ และวิมานใหญ่ของเรานี้
เป็นวิบากแห่งวัตรและพรหมจรรย์นั้น อันเราประพฤติ
ดีแล้ว.

วิธุรบัณฑิตทูลว่า
[1027] ถ้าวิมานนี้ฝ่าพระบาท ทรงได้ด้วย
อานุภาพแห่งทานอย่างนี้ ฝ่าพระบาทก็ชื่อว่าทรงทราบ
ผลแห่งบุญ และทรงทราบการเสด็จอุบัติในนาคพิภพ
เพราะผลแห่งบุญ เพราะเหตุนั้นแล ขอฝ่าพระบาท
ทรงเป็นผู้ไม่ประมาท ประพฤติธรรมตามที่จะได้ทรง
ครอบครองวิมานนี้ต่อไปฉะนั้นเถิด พระเจ้าข้า.
พระนางวิมลาตรัสว่า
[1028] ดูก่อนบัณฑิต ในพิภพนี้ ไม่มีสมณ-
พราหมณ์ที่เราจะพึงถวายข้าวและน้ำเลย ฉันถามแล้ว
ขอท่านจงบอกเนื้อความนั้นแก่ฉัน ตามที่ฉันจะพึงได้
ครอบครองวิมานต่อไปเถิด.
วิธุรบัณฑิตทูลว่า
[1029] ข้าแต่พระนางเจ้านาคี ก็นาคทั้งหลาย
ที่เป็นพระโอรส พระธิดา พระสวามี ทั้งพระญาติ พระ-
มิตร และข้าเฝ้าของฝ่าพระบาท ซึ่งเกิดในนาคพิภพ
นี้ มีอยู่ ขอฝ่าพระบาททรงเป็นผู้ไม่ประทุษร้ายใน
นาคมีพระโอรสเป็นต้นเหล่านั้น ด้วยพระกาย และ
พระวาจาเป็นนิตย์ ฝ่าพระบาทจงทรงรักษาความไม่
ประทุษร้ายด้วยพระกายและพระวาจาอย่างนี้ ฝ่าพระ-
บาททรงสถิตอยู่ในวิมานนี้ตลอดพระชนมายุแล้ว จัก
เสด็จไปสู่เทวโลกอันสูงส่งกว่านาคพิภพนี้ พระเจ้าข้า.

พระนางวิมลาตรัสว่า
[1030] ท่านเป็นอำมาตย์ของพระราชาผู้ประ-
เสริฐสุดพระองค์ใด พระราชาผู้ประเสริฐสุดพระองค์
นั้น พรากจากท่านแล้ว ย่อมจะทรงเศร้าโศกแน่แท้ที่
เดียว คนผู้ถูกความทุกข์ ครอบงำก็ดี คนผู้ป่วยหนักก็
ดี ได้สมาคมกับท่านแล้วพึงได้ความสุข.
วิธุรบัณฑิตทูลว่า
[1031] ข้าแต่พระนางเจ้านาคี ฝ่าพระบาท
ตรัสธรรมของสัตบุรุษทั้งหลาย ซึ่งเป็นบทอันแสดง
ประโยชน์ล้ำเลิศ ที่นักปราชญ์ประพฤติดีแล้วโดยแท้
ก็คุณวิเศษของบุคคลผู้มีปัญญาเช่นข้าพระองค์ ย่อม
ปรากฏในเมื่อมีภัยอันตรายเช่นนี้แหละ พระเจ้าข้า.
พระนางวิมลาตรัสว่า
[1032] ขอท่านจงบอกแก่ฉัน ปุณณกยักษ์นี้ได้
ท่านมาเปล่า ๆ หรือขอท่านจงบอกแก่ฉัน ปุณณกยักษ์
นี้ชนะในการเล่นสกาจึงได้ท่านมา ปุณณกยักษ์นี้
กล่าวว่าได้มาโดยธรรม ท่านถึงเงื้อมมือของปุณณก-
ยักษ์นี้ได้อย่างไร.
วิรุธบัณฑิตทูลว่า
[1033] ปุณณกยักษ์นี้ เล่นสกาชนะพระราชา
ของข้าพระองค์ผู้เป็นอิสราธิบดีในอินทปัตตะนครนั้น
พระราชาพระองค์นั้น อันปุณณกยักษีชนะแล้ว ได้
ทรงพระราชทานข้าพระองค์แก่ปุณณกยักษ์นี้ ข้าพระ-

องค์เป็นผู้อันปุณณกยักษ์นี้ได้มาแล้วโดยธรรม มิใช่
ได้มาด้วยกรรมอันสาหัสพระเจ้าข้า.
[ 1035] ท้าววรุณนาครา ตรัสถามปัญหากะ
วิธุรบัณฑิต ฉันใด แม้พระนางวิมลานาคกัญญา ก็
ตรัสถามปัญหากะวิธุรบัณฑิต ฉันนั้น วิธุรบัณฑิตผู้
เป็นปราชญ์ อันท้าววรุณนาคราชตรัสถามแล้ว ได้
พยากรณ์ปัญหาให้ท้าววรุณนาคราชทรงยินดี ฉันใด
วิธุรบัณฑิตผู้เป็นนักปราชญ์ แม้พระนางวิมลานาค-
กัญญาตรัสถามแล้ว ก็พยากรณ์ให้นางวิมลานาค-
กัญญาทรงยินดี ฉันนั้น วิธุรบัณฑิตผู้เป็นนักปราชญ์
ทราบว่าพระยานาคราชผู้ประเสริฐ และพระนางนาค-
กัญญาทั้งสองพระองค์นั้น ทรงมีพระทัยชื่นชมโสมนัส
ไม่ครั่นคร้ามไม่กลัว ไม่ขนพองสยองเกล้า ได้กราบ
ทูลท้าววรุธนาคราชว่า ข้าแต่พระยานาคราช ฝ่าพระ-
บาทอย่าทรงพระวิตกว่า ทรงกระทำกรรมของคนผู้
ประทุษร้ายมิตร และอย่าทรงพระดำรู้ว่าจักฆ่าบัณฑิต
นี้ ขอฝ่าพระบาททรงกระทำกิจด้วยเนื้อหทัยของข้า
พระองค์ ตามที่ฝ่าพระบาททรงพระประสงค์เถิด ถ้า
ฝ่าพระบาทไม่ทรงสามารถจะฆ่าข้าพระองค์ ข้า-
พระองค์ จะทำถวายตามพระอัธยาศัยของฝ่าพระบาท
เอง พระเจ้าข้า.
[1035] ปัญญานั่นเอง เป็นหทัยของบัณฑิตทั้ง
หลาย เราทั้งสองนั้นยินดีด้วยปัญญาของท่านยิ่งนัก

ปุณณกยักษ์จงไปส่งท่าน ให้ถึงแคว้นกุรุรัฐในวันนี้ที
เดียว.
[1036] ปุณณกยักษีนั้น ได้นางอิรันทตีนาค-
กัญญาแล้ว มีใจชื่นชมโสมนัสปีติปราโมทย์ ได้กล่าว
กะวิธุรบัณฑิตผู้ประเสริฐสุดของชาวกุรุรัฐว่า ข้าแต่
ท่านวิธุรบัณฑิต ท่านได้ทำให้ข้าพเจ้ามีความพร้อม
เพรียงกันกับภรรยา ข้าพเจ้าจะทำกิจตอบแทนท่าน
ข้าพเจ้าจะให้แก้วมณีนี้แก่ท่าน และจะน้ำท่านไปส่ง
ให้ถึงแคว้นกุรุรัฐในวันนี้ทีเดียว.
วิธุรบัณฑิตกล่าวว่า
[1037] ดูก่อนกัจจานะ ท่านจงมีความไมตรี
สนิทสนมกับภรรยาที่น่ารัก อันไม่มีใครทำให้แตก
แยกตลอดไป ท่านจงเป็นผู้มีจิตเบิกบาน มีปีติโสมนัส
ท่านได้ให้แก้วมณีแต่ข้าพเจ้าแล้ว ขอจงนำข้าพเจ้าไป
ยังอินทปัตตนครด้วยเถิด.
[1038] ปุณณกยักษ์นั้น เชิญวิธุรบัณฑิตผู้
ประเสริฐสุดของชาวกุรุรัฐผู้มีปัญญาไม่ทราม ให้ขึ้น
นั่งบนอาสนะข้างหน้าของตนขึ้นม้าอาชาไนยเหาะไป
ในอากาศกลางหาว ปุณณกยักษ์นั้น ได้นำวิธุรบัญฑิต
ประเสริฐสุดของชาวกุรุรัฐไปถึงอินทปัตตนครเร็วยิ่ง
กว่าใจของมนุษย์พึงไป.
ปุณณกยักษ์กล่าวว่า
[1039] อินทปัตตนครปรากฏอยู่โน่น และป่า
มะม่วงอันน่ารื่นรมย์ ก็เห็นอยู่เป็นหย่อม ๆ ข้าพเจ้า

เป็นผู้มีความพร้อมเพรียงกับภรรยา และท่านก็ได้ถึงที่
อยู่ของตนแล้ว.
[1040] ปุณณกยักษ์ผู้มีวรรณะ วางวิธุรบัณฑิต
ผู้ประเสริฐสุดของชาวกุรุรัฐ ลงในท่ามกลางธรรมสภา
แล้วขึ้นม้าอาชาไนยเหาะไปในอากาศกลางหาว พระ-
ราชาทอดพระเนตรเห็นวิธุรบัณฑิตนั้น ทรงพระปรีดา
ปราโมทย์เป็นอย่างยิ่ง เสด็จลุกขึ้น สวมกอดวิธุร-
บัณฑิตด้วยพระพาหาทั้งสอง ไม่ทรงหวั่นไหว ทรง
เชื้อเชิญให้นั่งเหนืออาสนะท่ามกลางสภาตรงพระ-
พักตร์ของพระองค์.
พระเจ้าธนัญชัยตรัสว่า
[1041] ท่านเป็นผู้แนะนำเราทั้งหลาย เหมือน
นายสารถีนำเอารถที่หายแล้วกลับมาได้ ฉะนั้น ชาว
กุรุรัฐทั้งหลายย่อมยินดี เพราะได้เห็นท่าน ฉันถาม
แล้ว ขอท่านจงบอกเนื้อควานนั้นแก่ฉัน ท่านหลุดพ้น
จากมาณพมาได้อย่างไร.
วิธุรบัณฑิตทูลว่า
[1042] ข้าแต่พระองค์ผู้จอมประชาชน ผู้ทรง
แกล้วกล้า ประเสริฐกว่านรชน บุรุษที่ฝ่าพระบาทตรัส
เรียกมาณพนั้นไม่ใช่มนุษย์ เป็นยักษ์ชื่อปุณณกะพระ-
เจ้าข้า ฝ่าพระบาททรงเคยได้ยินชื่อมาแล้ว ก็ปุณณก-
ยักษ์นั้น เป็นอำมาตย์ของท้าวกุเวรพระยานาคทรง
นามว่าวรุณผู้ครองนาคพิภพ มีพระกายใหญ่โตสะอาด
ทรงสมบูรณ์ด้วยวรรณะและกำลัง ปุณณกยักษ์รักใคร่

นางนาคกัญญานามว่าอิรันทตี พระธิดาของพระยา-
นาคราชนั้นจึงตกลงใจจะฆ่าข้าพระองค์ เพราะเหตุ
แห่งนางอิรันทตีผู้มีเอวบางร่างน้อยน่ารักใคร่ แต่
ปุณณกยักษ์เป็นผู้พร้อมเพรียงกับภรรยา ส่วนข้า-
พระองค์เป็นผู้อันพระยานาคทรงอนุญาตให้มา และ
ปุณณกยักษ์ให้แก้วมณีมาด้วย.
พระเจ้าธนัญชัยตรัสว่า
[1043] มีต้นไม้ต้นหนึ่ง เกิดริมประตูวังของ
เรา ลำต้นประกอบด้วยปัญญา กิ่งแล้วด้วยศีล ต้นไม้
นั้นตั้งอยู่ในอรรถและธรรมมีผลเต็มไปด้วยเบญจโครส
ดารดาษไปด้วยช้าง ม้าและโค เมื่อมหาชนทำการบูชา
ต้นไม้นั้น เล่นเพลินอยู่ด้วยการฟ้อนรำขับร้องและ
ดนตรี มีบุรุษมาไล่เสนาที่ยืนแวดล้อมต้นไม้นั้นให้หนี
ไปแล้วถอนต้นไม้ไป ต้นไม้นั้นกลับมาตั้งอยู่ที่ประตู
วังของเราตามเดิม วิธุรบัณฑิตเช่นกับต้นไม้ใหญ่นี้
กลับมาสู่ที่อยู่ของตนแล้ว ท่านทั้งหลายจงกระทำการ
เคารพนบนอบแก่ต้นไม้ คือ วิธุรบัณฑิตนี้เถิด ขอ
เชิญอำมาตย์ผู้มีความปลื้มใจด้วยยศที่ได้ เพราะอาศัย
เราทุก ๆ ท่านเทียว จงแสดงจิตของตนให้ปรากฏใน
วันนี้ ท่านทั้งหลายจงกระทำบรรณาการให้มา จงทำ
การเคารพนบนอบแก่ต้นไม้ คือ วิธุรบัณฑิตนี้ สัตว์
เหล่าใดเหล่าหนึ่งที่ถูกผูกไว้และถูกขังไว้ ซึ่งมีอยู่ใน
แว่นแคว้นของเรา จงปล่อยไปให้หมด วิธุรบัณฑิตนี้
หลุดพ้นจากเครื่องผูก ฉันใด สัตว์เหล่านั้นก็หลุดพ้น

จากเครื่องผูก ฉันนั้น พวกชาวไร่ชาวนา จงหยุดพัก
เล่นมหรสพตลอดเดือนหนึ่งนี้ ขอเชิญพราหมณ์ทั้ง
หลายมาบริโภคข้าวอันเจือด้วยเนื้อ พวกนักเลงสุราจง
เว้นการเที่ยวดื่มสุรา เอาหม้อใส่ให้เต็มปรี่ ไปนั่งดื่ม
ที่ร้านของตน ๆ พวกหญิงแพศยาที่อาศัยอยู่ตามถนน
ใหญ่ จงเล้าโลมชายที่มีความต้องการเป็นนิตย์ อนึ่ง
ราชบุตรทั้งหลายจงจัดการรักษาในแว่นแคว้นให้เข้ม
แข็ง โดยมิได้เบียดเบียนกันและกันได้ ท่านทั้งหลาย
จงกระทำการเคารพนบนอบแก่ต้นไม้ คือ วิธุรบัณฑิต
นี้.
[1044] พระสนมกำนัลใน พวกราชกุมาร พวก
พ่อค้าชาวนา และพราหมณ์ทั้งหลาย ได้นำข้าวและ
น้ำเป็นอันมากมาให้แก่วิธุรบัณฑิต พวกกองช้าง กอง
ม้า กองรถ และกองเดินเท้าได้นำข้าวและน้ำเป็นอัน
มากมาให้แก่วิธุรบัณฑิต ชาวชนบท และชาวนิคม
พร้อมเพรียงกัน ได้นำเอาข้าวและน้ำเป็นอันมากมาให้
แก่วิธุรบัณฑิต คนเป็นอันมาก เมื่อวิธุรบัณฑิตมาถึง
แล้ว ได้เห็นวิธุรบัณฑิตมาแล้ว ต่างก็มีจิตโสมนัสพา
กันโบกผ้าขาว โห่ร้องขึ้นเสียงอึงมี ด้วยประการ
ฉะนี้แล.
จบวิธุรชาดกที่ 9

อรรถกถามหานิบาต


วิธุรชาดก


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงพระปรารภปัญญาบารมี
จึงได้ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า ปณฺฑ กีสิยาสิ ทุพฺพลา ดังนี้.
ความพิศดารว่า วันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายสนทนากัน ที่โรงธรรมสภาว่า
ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย น่าอัศจรรย์จริงหนอ พระศาสดา ทรงมีพระปัญญา
มาก มีพระปัญญากว้างขวาง มีพระปัญญาเร็วไว มีพระปัญญาร่าเริง มี
พระปัญญาเฉียบแหลม มีพระปัญญาปรุโปร่ง ทรงย่ำยีถ้อยคำกล่าวด้วยของคน
อื่น ทรงทำลายปัญหาอันละเอียด ที่กษัตริย์และบัณฑิตเป็นต้นแต่งขึ้นได้
ด้วยอานุภาพแห่งพระปัญญาของพระองค์ ทรงทรมานให้หมดพยศ แล้วให้ตั้ง
อยู่ในสรณะ และศีล และให้ดำเนินไปตามหนทางอันจะนำสัตว์ไป สู่อมตมหา-
นิพพาน พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า บัดนี้พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่อง
อะไรหนอ เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบ จึงตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย
ข้อที่เราตถาคตได้บรรลุพระปรมาภิสัมโพธิญาณ อันสามารถทำลายเสียซึ่งคำที่
คนอื่นกล่าวให้ร้าย แนะนำชนทั้งหลายมีกษัตริย์เป็นต้น ได้เช่นนี้ ไม่น่า
อัศจรรย์ เพราะว่าตถาคตแม้เมื่อกำลังแสวงหา พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ในภพก่อน ก็เป็นผู้มีปัญญา ย่ำยีถ้อยคำที่คนอื่นกล่าวให้ร้ายเช่นนี้ เหมือนกัน
จริงอย่างนั้น ในกาลที่เราเป็น วิธุรบัณฑิต เราทรมานยักษ์เสนาบดีนามว่า
ปุณณกะ ได้ด้วยกำลังญาณ บนยอดกาฬคิริบรรพต สูงถึง 60 โยชน์
ปราบให้หมดพยศ ให้ตั้งอยู่ในศีล 5 จนยอมมอบชีวิตให้แก่เรา ดังนี้แล้ว