เมนู

อสีตินิบาตชาดก


1. จุลลหังสชาดก


ว่าด้วยพญาหงส์ติดบ่วง


[163] ดูก่อนสุมุขะ ฝูงหงส์พากันบินหนีไป
ไม่เหลียวหลัง แม้ท่านก็จงไปเสียเถิด อย่าหวังอยู่ใน
ที่นี้เลย ความเป็นสหายในเราผู้ติดบ่วงย่อมไม่มี.

[164] ข้าพระองค์จะพึงไปหรือไม่พึงไป ความ
ไม่ตาย ก็ไม่พึงมี เพราะการไปหรือการไม่ไปนั้น เมื่อ
พระองค์มีความสุขจึงอยู่ใกล้ เมื่อพระองค์ได้รับทุกข์
จะพึงละไปอย่างไรได้ ความตาย พร้อมกับพระองค์
หรือว่าความเป็นอยู่เว้นจากพระองค์ ความตายนั้นแล
ประเสริฐกว่า เว้นจากพระองค์แล้ว พึงเป็นอยู่จะ
ประเสริฐอะไร ข้าแต่พระมหาราชผู้เป็นจอมหงส์
ข้าพระองค์พึงละทั้งพระองค์ผู้ทรงถึงทุกข์อย่างนี้ ข้อ
นี้ไม่เป็นธรรมเลย คติของพระองค์ ข้าพระองค์ย่อม
ชอบใจ.

[165] คติของเราผู้ติดบ่วงจะเป็นอื่นไปอย่าง-
ไรเล่า นอกจากเข้าโรงครัวใหญ่ คตินั้นย่อมชอบใจ
แก่ท่านผู้มีความคิดผู้พ้นแล้วอย่างไร ดูก่อนหงส์สุมุขะ
ท่านจะพึงเห็นประโยชน์อะไร ในการสิ้นชีวิตของเรา

และของท่านทั้งสอง หรือของพวกญาติที่เหลือ ดูก่อน
ท่านผู้มีปีกทั้งสองดังสีทอง เมื่อท่านยอมสละชีวิตใน
เพราะคุณอันไม่ประจักษ์ ดังคนตาบอดกระทำแล้ว
ในที่มืด จะพึงยังประโยชน์อะไรให้รุ่งเรืองได้.

[166] ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐกว่าฝูงหงส์
ทั้งหลาย ทำไมหนอพระองค์จึงไม่ทรงรู้อรรถในธรรม
ธรรมอันบุคคลเคารพแล้ว ย่อมแสดงประโยชน์แก่
สัตว์ทั้งหลาย ข้าพระองค์นั้นเพ่งเล็งอยู่ซึ่งธรรมและ
ประโยชน์อันตั้งขึ้นจากธรรม ทั้งเห็นพร้อมอยู่ซึ่ง
ความกักดีในพระองค์ จึงมิได้เสียดายชีวิต ความที่
มิตรเมื่อระลึกถึงธรรมไม่พึงทอดทิ้งมิตรในยามทุกข์
แม้เพราะเหตุแห่งชีวิต นี้เป็นธรรมของสัตบุรุษ
ทั้งหลายโดยแท้.

[167] ธรรมนี้นั้นท่านประพฤติแล้ว และความ
ภักดีในเราก็ปรากฏแล้ว ท่านจงทำตามความปรารถนา
ของเรานี้เถิด ท่านเป็นอันเราอนุมัติแล้ว จงไปเสีย
เถิด ดูก่อนท่านผู้ถึงพร้อมด้วยปัญญา ก็แลเมื่อกาล
ล่วงไปอย่างนี้ คือ เมื่อเราติดบ่วงอยู่ในที่นี้ ท่านพึง
กลับไป ปกครองหมู่ญาติทั้งหลายของเราให้จงดีเถิด.

[168] เมื่อสุวรรณหงส์ตัวประเสริฐ ประพฤติ
ธรรมอันประเสริฐ กำลังโต้ตอบกันอยู่ด้วยประการฉะนี้
นายพรานได้ปรากฏแล้ว เหมือนดังมัจจุราชปรากฏ

แก่บุคคลผู้ป่วยหนัก ฉะนั้น สุวรรณหงส์ทั้งสอง
เกื้อกูลกันมาสิ้นกาลนานนั้น เห็นศัตรูเดินมาแล้ว ก็
นิ่งเฉยมิได้เคลื่อนจากที่ ฝ่ายนายพรานผู้เป็นศัตรู
ของพวกนก เห็นพญาหงส์ธตรฐซึ่งเป็นจอมหงส์
กำลังเดินส่ายไปมาแต่ที่นั้น ๆ จึงรีบเดินเข้าไป ก็นาย
พรานนั้นครั้นรีบเดินเข้าไปแล้ว เกิดความสงสัยขึ้นว่า
หงส์ทั้งสองนั้นติดบ่วงหรือไม่ จึงค่อยลดความเร็วลง
ค่อย ๆ เดินเข้าไปให้ใกล้สุวรรณหงส์ทั้งสอง ได้เห็น
ตัวหนึ่งติดบ่วง อีกตัวหนึ่งไม่ติดบ่วง แต่มายืนอยู่
ใกล้ตัวติดบ่วง จึงเพ่งดูตัวที่ติดบ่วงผู้เป็นโทษ ลำดับ
นั้น นายพรานนั้นเป็นผู้มีความสงสัย จึงได้กล่าวถาม
สุมุขหงส์ตัวมีผิวพรรณเหลือง มีร่างกายใหญ่ เป็น
ใหญ่ในหมู่หงส์ ซึ่งยืนอยู่ว่า เพราะเหตุไรหนอ
พญาหงส์ตัวที่ติดบ่วงใหญ่ ย่อมไม่กระทำซึ่งทิศ
เมื่อเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุไร ท่านผู้ไม่ติดบ่วงเป็นผู้มี
กำลัง จึงไม่บินหนีไป พญาหงส์ตัวนี้เป็นอะไรกับ
ท่านหรือ ท่านพ้นแล้วทำไมจึงยังเฝ้าหงส์ตัวติดบ่วงอยู่
หงส์ทั้งหลายพากันละทิ้งหนีไปหมด เพราะเหตุไร
ท่านจึงยังอยู่ตัวเดียว.

[169] ดูก่อนนายพรานนก พญาหงส์นั้นเป็น
ราชาของเรา ทั้งเป็นเพื่อนเสมอด้วยชีวิตของเราด้วย
เราจึงไม่ละท่านไป จนกว่าจะถึงที่สุดแห่งกาละ.

[170] ก็ไฉนพญาหงส์นี้จึงไม่เห็นบ่วงที่ดักไว้
ความจริงการรู้อันตรายของตน เป็นเหตุของบุคคล
ผู้ใหญ่ทั้งหลาย เพราะเหตุนั้น บุคคลผู้ใหญ่เหล่านั้น
ควรรู้อันตราย.

[171] เมื่อใดมีความเสื่อม เมื่อนั้น สัตว์แม้
เข้าใกล้ข่ายหรือบ่วงก์ไม่รู้สึก ในเมื่อถึงคราวจะสิ้น
ชีวิต.

[172] ดูก่อนท่านผู้มีปัญญามาก ก็แลบ่วง
ทั้งหลายที่เขาดักไว้มีมากอย่าง สัตว์ทั้งหลายย่อมเข้า
มาติดบ่วงที่เขาดักอำพรางไว้ ในเมื่อถึงคราวจะสิ้น
ชีวิตอย่างนี้.

[173] เออก็การอยู่ร่วมกันกับท่านนี้ พึงมีสุข
เป็นกำไรหนอ และขอท่านอนุญาตแก่ข้าพเจ้าทั้งสอง
เถิด และขอท่านพึงให้ชีวิตแก่ข้าพเจ้าทั้งสองด้วยเถิด.

[174] เรามิได้ผูกท่านไว้ และไม่ปรารถนาจะ
ฆ่าท่าน เชิญท่านรีบไปจากที่นี้ตามความปรารถนา
แล้วจงอยู่เป็นสุขตลอดกาลนานเถิด.

[175] ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาจะมีชีวิตอยู่ โดย
เว้น จากชีวิตของพญาหงส์นี้ ถ้าท่านยินดีเพียง
ตัวเดียว ขอให้ท่านปล่อยพญาหงส์นี้ และจงกิน
ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทั้งสองเป็นผู้เสมอกัน ด้วยรูปทรง
สัณฐานและวัย ท่านไม่เสื่อมแล้วจากลาภ ขอท่านจง

เปลี่ยนข้าพเจ้ากับพญาหงส์นี้เถิด เชิญท่านพิจารณา
ดูในข้าพเจ้าทั้งสอง เมื่อท่านมีความปรารถนาเฉพาะ
ตัวเดียว จงเอาบ่วงผูกข้าพเจ้าไว้ก่อน จงปล่อย
พญาหงส์ในภายหลัง ถ้าท่านทำตามที่ข้าพเจ้าขอร้อง
ลากของท่านก็คงมีประมาณเท่านั้นเหมือนกัน ทั้งท่าน
จะได้เป็นมิตรกับฝูงหงส์ธตรฐจนตลอดชีวิต.

[176] มิตรอำมาตย์ ทาส ทาสี บุตร ภรรยา
และพวกพ้องหมู่ใหญ่ทั้งหลาย จงดูพญาหงส์ธตรฐ
พ้นจากที่นี้ไปได้เพราะท่าน บรรดามิตรทั้งหลาย
เป็นอันมาก มิตรเช่นท่านนั้นหามีในโลกนี้ เหมือน
ท่านผู้เป็นเพื่อนร่วมชีวิต ของพญาหงส์ธตรฐไม่
เรายอมปล่อยสหายของท่าน พญาหงส์จงบินตาม
ท่านไปเถิด ท่านทั้งสองจงรีบไปจากที่นี้ตามความ
ปรารถนา จงรุ่งเรืองอยู่ในท่ามกลางหมู่ญาติ.

[177] สุมุขหงส์มีความเคารพนาย มีความ
ปลื้มใจ เพราะพญาหงส์ตัวเป็นนายหลุดพ้นจากบ่วง
เมื่อจะกล่าววาจาอันรื่นหูได้กล่าวว่า ดูก่อนนายพราน
ขอให้ท่านพร้อมด้วยหมู่ญาติทั้งปวงจงเบิกบานใจ
เหมือนข้าพเจ้าเบิกบานใจในวันนี้ เพราะได้เห็น
พญาหงส์พ้นจากบ่วงฉะนั้น.

[178] เชิญท่านมานี่ เราจักบอกท่านถึงวิธีที่
ท่านจักได้ทรัพย์เป็นลาภของท่าน พญาหงส์ธตรฐ
นี้ย่อมไม่มุ่งร้ายอะไร ๆ ท่านจงรีบไปภายในบุรี จง

แสดงข้าพเจ้าทั้งสองซึ่งไม่ติดบ่วงเป็นอยู่ตามปกติ จับ
อยู่ที่กระเช้าทั้งสองข้าง แก่พระราชาว่า ข้าแต่พระ-
มหาราช หงส์ธตรฐทั้งสองนี้เป็นอธิบดีแห่งหงส์
ทั้งหลาย เพราะว่าหงส์ตัวนี้เป็นราชาของหงส์ทั้งหลาย
ส่วนหงส์ตัวนี้เป็นอัครมหาเสนาบดี พระราชาจอม
ประชาชนทอดพระเนตรเห็นพญาหงส์นี้แล้ว ก็จะ
ทรงปลาบปลื้มพระหฤทัย จักพระราชทานทรัพย์เป็น
อันมากแก่ท่านโดยไม่ต้องสงสัย.

[179] นายพรานได้สดับคำของหงส์สุมุขะ
ดังนั้นแล้ว จัดแจงการงานเสร็จแล้ว รีบเข้าไปภาย
ในบุรี แสดงหงส์ทั้งสองที่มิได้ติดบ่วง เป็นอยู่ตาม
ปกติ จับอยู่ที่กระเช้าทั้งสองข้าง แก่พระราชาว่า
ข้าแต่มหาราช หงส์ธตรฐทั้งสองนี้ เป็นอธิบดีแห่ง
หงส์ทั้งหลาย เพราะว่าหงส์ตัวนี้เป็นราชาของหงส์
ทั้งหลาย ส่วนหงส์ตัวนี้เป็นอัครมหาเสนาบดี.

[180] ก็หงส์ทั้งสองนี้มาอยู่ในเงื้อมมือของท่าน
ได้อย่างไร ท่านเป็นพราน นำหงส์ซึ่งเป็นใหญ่กว่า
หงส์ใหญ่ทั้งหลายมาในที่นี้ได้อย่างไร.

[181] ข้าแต่พระจอมประชานิกร ข้าพระองค์
ดักบ่วงเหล่านี้ไว้ที่เปือกตม ซึ่งเป็นที่ ๆ ข้าพระองค์
เข้าใจว่า จะกระทำความสิ้นชีวิตแก่นกทั้งหลายได้
พญาหงส์ได้มาติดบ่วงเช่นนั้น ส่วนหงส์ตัวนี้มิได้

ติดบ่วงของข้าพระองค์ แต่เข้ามาจับอยู่ใกล้ ๆ พญา-
หงส์นั้น ได้กล่าวกะข้าพระองค์ หงส์นี้ประกอบ
แล้วด้วยธรรม ได้กระทำกรรมอันแสนยากที่บุคคล
ผู้มิใช่พระอริยะจะพึงทำได้ ประกาศภาวะอันสูงสุด
ของตน พยายามในประโยชน์ของนาย หงส์นี้ควร
จะมีชีวิตอยู่ ยอมสละชีวิตของตน มายืนสรรเสริญคุณ
ของนาย ร้องขอชีวิตของนาย ข้าพระองค์ได้สดับคำ
ของหงส์นี้แล้ว เกิดความเลื่อมใส จึงปล่อยพญาหงส์
นั้นจากบ่วง และอนุญาตให้กลับได้ตามสบาย สุมุข-
หงส์ตัวมีความเคารพนาย มีความปลื้มใจ เพราะ
พญาหงส์ตัวเป็นนายหลุดพ้นจากบ่วง เมื่อจะกล่าว
วาจาอันรื่นหู ได้กล่าวว่า ดูก่อนนายพราน ขอให้
ท่านพร้อมด้วยหมู่ญาติทั้งปวงจงเบิกบานใจ เหมือน
ข้าพเจ้าเบิกบานใจในวันนี้ เพราะได้เห็นพญาหงส์
พ้นจากบ่วง ฉะนั้น เชิญท่านมานี่ เราจักบอกท่าน ถึง
วิธีที่ท่านจักได้ทรัพย์อันเป็นลาภของท่าน พญาหงส์
ธตรฐนี้ย่อมไม่มุ่งร้ายอะไร ๆ ท่านจงรีบเข้าไปภาย
ในบุรี จงแสดงข้าพเจ้าทั้งสองซึ่งไม่ติดบ่วง เป็นอยู่
ตามปกติ จับอยู่ที่กระเช้าทั้งสองข้าง แก่พระราชาว่า
ข้าแต่พระมหาราช หงส์ธตรฐทั้งสองนี้เป็นอธิบดีแห่ง
หงส์ทั้งหลาย เพราะว่าหงส์ตัวนี้เป็นราชาของหงส์
ทั้งหลาย ส่วนหงส์ตัวนี้เป็นอัครมหาเสนาบดี พระราชา

ผู้เป็นจอมประชาชน ทอดพระเนตรเห็นพญาหงส์นี้
แล้ว จะทรงปราโมทย์ปลาบปลื้มพระหฤทัย จัก
พระราชทานทรัพย์เป็นอันมากแก่ท่าน โดยไม่ต้อง
สงสัย ข้าพระองค์จึงนำหงส์ทั้งสองนี้มา ตามคำของ
หงส์ตัวนี้อย่างนี้ และหงส์ทั้งสองนี้ ข้าพระองค์
อนุญาตให้ไปยังเขาจิตตกูฏนั้นแล้ว หงส์ตัวนี้ เป็นสัตว์
ประกอบด้วยธรรมอย่างยิ่ง ตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู
อย่างนี้ ได้ทำให้นายพรานเช่นข้าพระองค์ เกิดความ
เป็นผู้มีใจอ่อนโยน ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ
ข้าพระองค์ ไม่เห็นเครื่องบรรณาการอย่างอื่นนอก
จากนี้ ที่จะนำมาถวายแด่พระองค์ ข้าแต่พระองค์ผู้
เป็นจอมมนุษย์ ขอพระองค์ทรงทอดพระเนตรดูเครื่อง
บรรณาการนั้น ณ บ้านพรานนกทั้งปวง.

[182] พญาหงส์เห็นพระราชาประทับนั่งบน
ตั่งทองอันงดงาม เมื่อจะกล่าววาจาอันรื่นหู จึงได้ทูล
ว่า พระองค์ไม่มีโรคาพาธหรือ ทรงสุขสำราญดีอยู่
หรือ พระองค์ทรงปกครองรัฐมณฑลอันสมบูรณ์นี้
โดยธรรมหรือ.

[183] ดูก่อนพญาหงส์ เราไม่มีโรคาพาธ เรา
สุขสำราญดี อนึ่ง เราปกครองรัฐมณฑลอันสมบูรณ์
นี้โดยธรรม.

[184] โทษอะไร ๆ ย่อมไม่มีในหมู่อำมาตย์
ของพระองค์แลหรือ อำมาตย์เหล่านั้น ย่อมไม่ห่วงใย
ชีวิต เพราะประโยชน์ของพระองค์แลหรือ.

[185] โทษอะไร ๆ ย่อมไม่มีในหมู่อำมาตย์
ของเรา และอำมาตย์เหล่านั้น ย่อมไม่ห่วงใยชีวิต
เพราะประโยชน์ของเรา.

[186] พระอัครมเหสีของพระองค์ เป็นผู้มี
พระชาติเสมอกัน ทรงเชื่อฟัง มีปกติตรัสวาจาอันน่า
รัก ทรงประกอบด้วยพระโอรส พระรูปโฉม และ
อิสริยยศ ทรงคล้อยตามพระราชอัธยาศัย ของพระองค์
แลหรือ.

[187] พระอัครมเหสีของเรา เป็นผู้มีพระชาติ
เสมอกัน ทรงเชื่อฟัง มีปกติตรัสวาจาอันน่ารัก ทรง
ประกอบด้วยพระโอรส พระรูปโฉม และอิสริยยศ
ทรงคล้อยตามอัธยาศัยของเรา.

[188] ท่านตกอยู่ในเงื้อมมือของมหาศัตรู ได้
รับทุกข์ใหญ่หลวงไม่เบื้องต้น พึงได้รับทุกข์นั้นบ้าง
แลหรือ นายพรานวิ่งเข้าไปโบยตีท่านด้วยท่อนไม้แล
หรือ เพราะว่าปกติของคนหยาบช้าเหล่านี้ ย่อมมี
เป็นประจำอย่างนั้น.

[189] ข้าแต่พระมหาราช ในยามมีทุกข์อย่างนี้
ต้องมีความปลอดโปร่งใจ จริงอยู่ นายพรานนี้ มิได้

ทำอะไร ๆ ในข้าพระองค์ทั้งสองเหมือนศัตรู นาย-
พรานค่อย ๆ เดินเข้าไปและได้ปราศรัยขึ้นก่อน ใน
กาลนั้น สุมุขหงส์บัณฑิตนี้ได้กล่าวตอบ นายพราน
ได้ฟังคำของสุมุขหงส์นั้นแล้ว ก็เกิดความเสื่อมใส
ปล่อยข้าพระองค์จากบ่วงนั้น และอนุญาตให้ข้าพระ-
องค์กลับได้ตามสบาย สุมุขหงส์ปรารถนาทรัพย์เพื่อ
นายพรานนี้ จึงคิดชวนกันมาในสำนักของพระองค์
เพื่อประโยชน์แก่นายพรานนี้.

[190] ก็การที่ท่านทั้งสองมาในที่นี้ เป็นการมา
ดีแล้ว และเราก็มีความปราโมทย์เพราะได้เห็นท่านทั้ง
สอง แม้นายพรานนี้ก็จะได้ทรัพย์อันมากมายตามที่
เขาปรารถนา.

[191] พระราชาผู้เป็นจอมมนุษย์ ทรงยังนาย-
พรานให้เอิบอิ่มด้วยโภคสมบัติทั้งหลาย พญาหงส์ได้
กล่าววาจาอันรื่นหู อนุโมทนา.

[192] ได้ยินว่า อำนาจของเราผู้ทรงธรรม
ย่อมเป็นไปในที่เท่าใด ที่เท่านั้นมีประมาณน้อย ความ
เป็นใหญ่ในที่ทั้งปวงจงมีแก่ท่าน ขอท่านจงปกครอง
ตามปรารถนาเถิด ทานวัตถุก็ดี เครื่องอุปโภคก็ดีและ
สิ่งอื่นใดที่เข้าไปสำเร็จประโยชน์ เราขอยกสิ่งนั้น ๆ
ซึ่งล้วนเป็นของปลื้มใจให้แก่ท่าน และขอสละความ
เป็นใหญ่ให้แก่ท่าน.

[193] ก็ถ้าว่า สุมุขหงส์บัณฑิตนี้สมบูรณ์ด้วย
ปัญญา พึงเจรจาแก่เราตามปรารถนา ข้อนั้นพึงเป็นที่
รักอย่างยิ่งของเรา.

[194] ข้าแต่มหาราช ได้ยินว่า ข้าพระองค์
หาอาจจะพูดสอดขึ้นในระหว่าง เหมือนพญานาคเลื้อย
เข้าไปภายในศิลาฉะนั้นไม่ ข้อนั้นไม่เป็นวินัยของ
ข้าพระองค์ พญาหงส์ประเสริฐกว่าข้าพระองค์ และ
พระองค์ก็สูงสุดกว่าสัตว์ทั้งหลาย เป็นพระเจ้าแผ่นดิน
จอมมนุษย์ ทั้งสองพระองค์ควรแก่การบูชาด้วยเหตุ
มากมาย ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมมนุษย์ เมื่อพระองค์
ทั้งสองกำลังตรัสกันอยู่ เมื่อการวินิจฉัยกำลังเป็นไป
อยู่ ข้าพระองค์ผู้เป็นสาวก ไม่พึงพูดสอดขึ้นใน
ระหว่าง.

[195] ได้ยินว่า นายพรานกล่าวโดยความจริง
ว่า สุมุขหงส์เป็นบัณฑิต เพราะว่านัยเช่นนี้ไม่พึงมี
แก่บุคคลผู้ไม่ได้รับอบรมเลย ความมีปกติอันเลิศ
และสัตว์อันอุดมอย่างนี้ มีเพียงเท่าที่เราเห็นแล้ว เรา
ไม่ได้ดีเห็นผู้อื่นเป็นเช่นนี้ เราจึงยินดีด้วยปกติและ
วาจาอันไพเราะของท่านทั้งสอง ก็การที่เราพึงเห็นท่าน
ทั้งสองได้นาน ๆ เช่นนี้ เป็นความพอใจของเราโดยแท้.

[196] กิจใดที่บุคคลพึงกระทำในมิตร กิจนั้น
พระองค์ทรงกระทำแล้ว ในข้าพระองค์ทั้งสอง ข้า-

พระองค์ทั้งสอง ย่อมเป็นผู้อันพระองค์คงปล่อยด้วย
ความภักดีในข้าพระองค์ทั้งสอง โดยไม่ต้องสงสัย
ก็ความทุกข์คงเกิดขึ้นในหมู่หงส์เป็นอันมากโน้นเพราะ
มิได้เห็นข้าพระองค์ทั้งสอง ในระหว่างญาติหมู่ใหญ่
เป็นแน่ ข้าแต่พระองค์ผู้ปราบปรามศัตรู ข้าพระองค์
ทั้งสอง อันพระองค์ทรงอนุญาต กระทำประทักษิณ
พระองค์แล้ว พึงไปพบญาติทั้งหลาย เพื่อกำจัดความ
เศร้าโศกของหงส์เหล่านั้น ข้าพระองค์ย่อมจะได้ปีติ
อันไพบูลย์ เพราะได้มาเฝ้าพระองค์ผู้ทรงพระเจริญ
โดยแท้ การสงเคราะห์ญาตินี้เป็นประโยชน์อันใหญ่
หลวงแท้.

[197] พญาหงส์ธตรฐ ครั้นกราบทูลพระเจ้า
สาคลราชผู้เป็นจอมประชาชนเช่นนี้แล้ว ได้เข้าไปหา
หมู่ญาติ เพราะอาศัยเชาวน์อันสูงสุด หงส์เหล่านั้น
เห็นหงส์ทั้งสองผู้ยิ่งใหญ่มิได้ป่วยเจ็บกลับมา ต่างก็ส่ง
เสียงว่า เกเก เกิดเสียงอื้ออึงทั่วไป หงส์ที่เคารพนาย
ได้ที่พึ่งเหล่านั้น ต่างก็โสมนัสยินดี เพราะนายรอด
พ้นภัย พากันห้อมล้อมนายโดยรอบ ๆ.

[198] ประโยชน์ทั้งปวง ของชนทั้งหลายผู้ถึง
พร้อมด้วยกัลยาณมิตร ย่อมสำเร็จผลเป็นสุข เปรียบ
เหมือนหงส์ธตรฐทั้งสองได้กลับมาอยู่ใกล้หมู่ญาติ
ฉะนั้น.

จบจุลลหังสชาดกที่ 1

อรรถกถาอสีตินิบาต


อรรถกถาจุลลหังสชาดก


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร ทรงพระปรารภ
การเสียสละชีวิตของท่านพระอานนทเถระ จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มี
คำเริ่มต้นว่า สุมุข ดังนี้.
ความพิสดารว่า บรรดาพวกนายขมังธนู ที่พระเทวทัตเสี้ยมสอนให้
ไปปลงพระชนม์พระตถาคตเจ้าเหล่านั้น คนที่ถูกส่งไปก่อนเขาทั้งหมดกลับมา
รายงานว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ กระผมไม่อาจที่จะปลงพระชนม์พระผู้มี
พระภาคเจ้าพระองค์นั้นได้เลย เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ทรงมี
ฤทธานุภาพใหญ่หลวงยิ่งนัก พระเทวทัตนั้นจึงกล่าวว่า เออช่างเถอะ เจ้าไม่
ต้องปลงพระชนม์พระสมณโคดมดอก เราจักปลงพระชนม์พระสมณโคดม
เอง เมื่อพระตถาคตเจ้าเสด็จจงกรมอยู่ ณ ร่มเงาเบื้องหลังแห่งภูเขาคิชฌกูฏ
ตนจึงขึ้นไปบนภูเขาคิชฌกูฏเอง แล้วกลิ้งศิลาก้อนใหญ่ด้วยกำลังแห่งเครื่อง
ยนตร์ ด้วยคิดว่า เราจักปลงพระชนม์พระสมณโคดมด้วยศิลาก้อนนี้. ในกาล
นั้น ยอดเขาสองยอดก็รับเอาศิลาที่กลิ้งตกลงไปนั้นไว้ได้. แต่สะเก็ดศิลาที่
กะเทาะจากศิลาก้อนนั้น กระเด็นไปต้องพระบาทพระผู้มีพระภาคเจ้า ทำพระ-
โลหิตให้ห้อขึ้นแล้ว เวทนามีกำลังเป็นไปทั่วแล้ว . หมอชีวกกระทำการผ่า
พระบาทของพระคถาคตเจ้าด้วยศัสตรา เอาเลือดร้ายออก นำเนื้อร้ายออกจน
หมด ชำระล้างแผลสะอาดแล้ว ใส่ยากระทำให้พระองค์หายจากพระโรค. พระ-
ศาสดาทรงหายเป็นปกติดีแล้ว มีภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่แวดล้อมเป็นบริวาร เสด็จ
เข้าไปยังพระนครด้วยพระพุทธลีลาใหญ่ทีเดียว.