เมนู

พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ตถาคตออกมหาภิเนษกรมณ์แต่ในบัดนี้เท่านั้นก็หาไม่ แม้ใน
กาลก่อน ก็ได้เคยออกมหาภิเนษกรมณ์แล้วเหมือนกัน ดังนี้แล้วจึงได้ทรง
ประชุมชาดกว่า พระปัจเจกพุทธเจ้าได้ปรินิพพานแล้วในกาลนั้น ทีฆาวุกุมาร
ในกาลนั้น ได้เป็นราหุลกุมาร บริษัทที่เหลือในกาลนั้น ได้เป็นพุทธบริษัท
ส่วนพระเจ้าอรินทมะในกาลนั้น ก็คือเราตถาคตแล.
จบอรรถกถาโสณกชาดก

2. สังกิจจชาดก


ว่าด้วยสังกิจจฤาษีแสดงธรรมและอธรรมแก่พระเจ้าพรหมทัต


[90] ลำดับนั้น คนเฝ้าสวนเห็นพระเจ้า-
พรหมทัต จอมทัพ ประทับนั่งอยู่ ได้กราบทูลแด่
ท้าวเธอว่า สังกิจจฤาษีที่พระองค์ทรงพระกรุณา ซึ่ง
ยกย่องกันว่าได้ดีแล้วในหมู่ฤาษีทั้งทลายมาถึงแล้ว
ขอเชิญพระองค์รีบเสด็จออกไปพบท่านผู้แสวงหาคุณ
อันยิ่งใหญ่โดยเร็วเถิด ก็ลำดับนั้น พระราชาผู้จอมทัพ
อันหมู่มิตรและอำมาตย์ล้อมแล้ว เสด็จขึ้นรถอันเทียม
ด้วยม้าอาชาไนยรีบเสด็จไป พระราชาผู้ทรงบำรุง
แคว้นของชาวกาสีให้เจริญ ทรงเปลื้องเครื่องราช

กกุธภัณฑ์ 4 อย่าง คือ พัดวาลวีชนี อุณหิส พระขรรค์
เศวตฉัตรและฉลองพระบาททรงเก็บวางไว้แล้ว เสด็จ
ลงจากรถ ทรงดำเนินเข้าไปหาสังกิจจฤาษี ผู้นั่งอยู่
ในพระราชอุทยานอันมีนามว่าทายปัสสะ ครั้นเสด็จ
เข้าไปหาแล้ว ก็ทรงบันเทิงอยู่กับฤาษ ครั้นทรง
สนทนาปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว ประทับนั่ง
ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้น ประทับนั่งแล้ว ลำดับนั้น
ได้ทรงสำคัญกาลอยู่ แต่นั้นทรงปฏิบัติเพื่อจะตรัสถาน
กรรมอันเป็นบาป. จึงตรัสว่า ข้าพเจ้าขอถามท่าน
สังกิจจฤาษีผู้ได้รับยกย่องว่า ได้ดีแล้วในหมู่ฤาษี
ทั้งหลาย อันหมู่ฤาษีทั้งหลายห้อมล้อมนั่งอยู่ ในทาย
ปัสสะอุทยานว่า นรชนผู้ประพฤติล่วงธรรม (เหมือน)
ข้าพเจ้าประพฤติล่วงธรรมแล้วไปสู่คติอะไรในปรดโลก
ข้าพเจ้าถามแล้ว ได้โปรดบอกเนื้อความนั้นแก่ข้าพเจ้า
เถิด.

[91] สังกิจจฤาษี ได้ทูลตอบพระราชาผู้บำรุง
แคว้นของชาวกาสีให้เจริญ ประทับนั่งอยู่ในทายปัสสะ
อุทยานว่า ขอถวายพระพร ขอมหาบพิตรทรงฟัง
อาตมภาพ ถ้าเมื่อบุคคลเว้นทางผิด ทำตามคำของ
บุคคลผู้บอกทางถูกให้ โจรผู้เป็นดุจเสี้ยนหนามก็ไม่
พึงพบหน้าของบุคคลนั้น เมื่อบุคคลปฏิบัติอธรรม
แต่ถ้ากระทำตามคำของบุคคลผู้พร่ำสอนธรรม บุคคล
นั้นไม่พึงไปสู่ทุคติเลย.

[92] ขอถวายพระพร ธรรมเป็นทางถูก ส่วน
อธรรมเป็นทางผิด อธรรมย่อมนำไปสู่นรก ธรรม
ย่อมให้ถึงสุคติ นรชนผู้ประพฤติอธรรม มีความ
เป็นอยู่ไม่สม่ำเสมอ ละโลกนี้แล้ว ย่อมไปสู่คติใด
อาตมภาพจะกล่าวคติ คือ นรกเหล่านั้น ขอพระองค์
ทรงสดับคำของอาตมภาพเถิด นรก 8 ขุมนี้ คือ
สัญชีวนรก 1 กาฬสุตตนรก 1 สังฆาฏนรก 1 โรรุว-
นรก 1 มหาโรรุวนรก 1 ต่อมาถึงมหาอเวจีนรก 1
ตาปนนรก 1 ปตาปนนรก 1 อันบัณฑิตทั้งหลาย
กล่าวไว้แล้ว ก้าวล่วงได้ยาก เกลื่อนกล่นไปด้วย
เหล่าสัตว์ ผู้มีกรรมหยาบช้าเฉพาะขุมหนึ่ง ๆ มี
อุสสทนรก 16 ขุมเป็นที่ทำบุคคลผู้กระด้างให้เร่าร้อน
น่ากลัว มีเปลวเพลิงรุ่งโรจน์ มีภัยใหญ่ขนลุกขนพอง
น่าสะพรึงกลัว มีภัยรอบข้าง เป็นทุกข์ มี 4 มุม 4
ประตู จัดแบ่งไว้เป็นส่วน ๆ มีกำแพงเหล็กกั้นโดย
รอบ มีฝาเหล็กครอบ ภาคพื้นของนรกเหล่านั้นล้วน
แต่เป็นเหล็กแดงลุกโพลง ประกอบด้วยเปลวไฟลุก
แผ่ไปตลอดที่ 100 โยชน์โดยรอบ ตั้งอยู่ทุกเมื่อ.

สัตว์ทั้งหลายมีเท้าในเบื้องบนมีศีรษะในเบื้องต่ำ
ตกลงไปในนรกนั้น สัตว์เหล่าใดกล่าวล่วงเกินฤาษีทั้ง
หลายผู้สำรวมแล้ว ผู้มีตบะสัตว์เหล่านั้นผู้มีความเจริญ
อันขจัดแล้ว ย่อมหมกไหม้อยู่ในนรก เหมือนปลาที่

ถูกเฉือนให้เป็นส่วน ๆ ฉะนั้น สัตว์ทั้งหลายผู้มีปกติ
กระทำกรรมอันหยาบช้า มีตัวถูกไฟไหม้ทั้งข้างใน
ข้างนอกเป็นนิตย์ แสวงหาประตูออกจากนรก ก็ไม่
พบประตูที่จะออกตลอดปีนับไม่ถ้วน สัตว์เหล่านั้นวิ่ง
ไปทางประตูข้างหน้า จากประตูด้านหน้าวิ่งกลับมา
ทางประตูข้างหลัง วิ่งไปทางประตูด้านซ้าย จากประตู
ด้านซ้ายวิ่งกลับมาทางประตูด้านขวา วิ่งไปถึงประตู
ใด ๆ ประตูนั้น ๆ ก็ปิดเสีย สัตว์ทั้งหลายผู้ไปสู่นรก
ย่อมประคองแขนคร่ำครวญเสวยทุกข์มิใช่น้อย นับได้
แสนปีเป็นอันมาก เพราะเหตุนั้น บุคคลไม่ควรรุกราน
ท่านที่เป็นคนดี ผู้สำรวม มีตบธรรม ซึ่งเป็นดัง
อสรพิษมีเดชกำเริบร้ายล่วงได้ยากฉะนั้น.

พระเจ้าอัชชุนะ ผู้เป็นใหญ่ในแคว้นเกตกะ มี
พระกายกำยำเป็นนายขมังธนู มีพระหัตถ์ตั้งพัน มี
มูลอันขาดแล้วเพราะประทุษร้ายพระฤาษีโคตมโคตร
พระเจ้าทัณฑกีได้เอาธุลีโปรยรดกีสวัจฉฤๅษี ผู้หา
ธุลีมิได้ พระราชานั้นถึงแล้วซึ่งความพินาศ ดุจตน
ตาลขาดแล้วจากรากฉะนั้น พระเจ้าเมชฌะคิดประ-
ทุษร้ายในมาตังคฤาษีผู้เรืองยศ รัฐมณฑลของพระเจ้า
เมชฌะ พร้อมด้วยบริษัทก็สูญสิ้นไปในครั้งนั้น ชาว
เมืองอันธกวินทัย ประทุษร้ายกัณหทีปายนฤๅษี โดย
ช่วยกันเอาไม้พลองรุมตีจนตาย ก็ไปเกิดในยมสาธน
นรก ส่วนพระเจ้าเจติยราชนี้ ได้ประทุษร้ายกปิลดาบส

แต่ก่อนเคยเหาะเหินเดินอากาศได้ ภายหลังเสื่อมฤทธิ์
ลูกแผ่นดินสูบถึงมรณกาล เพราะเหตุนั้นแล บัณฑิตทั้ง
หลายจึงไม่สรรเสริญการลุอำนาจแห่งฉันทาคติเป็นต้น
บุคคลไม่ควรเป็นผู้มีจิตประทุษร้าย พึงกล่าววาจาอัน
ประกอบด้วยสัจจะ ถ้าว่านรชนผู้ใดดีใจประทุษร้าย
เพ่งเล็งท่านผู้รู้ผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ นรชน
ผู้นั้นก็ไปสู่นรกเบื้องต่ำ ชนเหล่าใดพยายามกล่าววาจา
หยาบคาย บริภาษบุคคลผู้เจริญทั้งหลาย ชนเหล่านั้น
ไม่ใช่เหล่ากอ ไม่ใช่ทายาท เป็นเหมือนต้นตาลมีราก
อันขาดแล้ว.

อนึ่ง ผู้ใดฆ่าบรรพชิต ผู้ทำกิจเสร็จแล้ว ผู้แสวง
หาคุณอันยิ่งใหญ่ ผู้นั้นจะต้องหมกไหม้อยู่ในกาฬ-
สุตตนรกตลอดกาลนาน อนึ่ง พระราชาพระองค์ใด
ตั้งอยู่ในอธรรม กำจัดชาวแว่นแคว้น ทำชาวชนบท
ให้เดือดร้อน สิ้นพระชนม์ไปแล้ว จะต้องหมกไหม้
อยู่ในตาปนนรกในโลกหน้า และพระราชาพระองค์
นั้นจะต้องหมกไหม้อยู่ตลอดแสนปีทิพย์ อันกองเพลิง
ห้อมล้อมเสวยทุกขเวทนา เปลวไฟมีรัศมีซ่านออก
จากกายของสัตว์นั้น สรรพางค์กายพร้อมทั้งปลายขน
และเล็บ ของสัตว์ผู้มีไฟเป็นภักษา มีเปลวไฟเป็นอัน
เดียวกัน สัตว์นรกมีตัวถูกไฟไหม้ ทั้งข้างในข้างนอก
อยู่เป็นนิตย์ เป็นผู้อันทุกข์เบียดเบียนร้องไห้คร่ำครวญ
อยู่ เหมือนช้างถูกนายหัตถาจารย์แทงด้วยขอ ฉะนั้น.

ผู้ใดเป็นคนต่ำช้า ฆ่าบิดาเพราะความโลภหรือ
เพราะความโกรธ ผู้นั้นต้องหมกไหม้อยู่ในกาฬสุตต
นรกสิ้นกาลนาน บุคคลผู้ฆ่าบิดาเช่นนั้น ต้องหมก
ไหม้อยู่ในโลกหกุมภีนรก นายนิรยบาลทั้งหลายเอา
หอกแทงสัตว์นรกนั้น ผู้ถูกไฟไหม้อยู่จนไม่มีหนัง
ทำให้ตาบอด ให้กินมูตรกินคูถ กดสัตว์นรกเช่นนั้นให้
จมลงในน้ำแสบ นายนิรยบาลทั้งหลาย ให้สัตว์นรก
กินก้อนคูถที่ร้อนจัด และก้อนเหล็กแดงอันลุกโพลง
ให้ถือผาลทั้งยาวทั้งร้อนสิ้นกาลนาน งัดปากให้อ้า
แล้วเอาเชือกผูกไว้ ยัดก้อนเหล็กแดงเข้าไปในปาก
ฝูงสุนัขแดง ฝูงสนัขด่าง ฝูงแร้ง ฝูงกา และฝูงนก
ตระกรุม ล้วนมีปากเป็นเหล็ก มากลุ้มรุมจิกกัดลิ้น
ให้ขาด แล้วกินลิ้นอันมีเลือดไหล เหมือนกินของ
อันเป็นเดนเต็มไปด้วยเลือด ฉะนั้น นายนิรยบาลเที่ยว
เดินทุบตีสัตว์นรกผู้ฆ่าบิดานั้น ซึ่งมีร่างกายอันแตก
ไปทั่ว เหมือนผลตาลที่ถูกไฟไหม้ จริงอยู่ ความ
ยินดีของนายนิรยบาลเหล่านั้น เป็นการเล่นสนุก แต่
สัตว์นรกต้องได้รับทุกข์ คนผู้ฆ่าบิดาเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
ในโลกนี้ ต้องอยู่ในนรกเช่นนั้น.

ก็บุตรฆ่ามารดาจากโลกนี้แล้ว ต้องไปสู่ที่อยู่
แห่งพระยายม ย่อมเข้า ถึงความทุกข์อย่างยิ่ง ด้วยผล
แห่งกรรมของตน พวกนายนิรยบาลที่ร้ายกาจ ย่อมบีบ
คั้นสัตว์ผู้ฆ่ามารดาด้วยผาลเหล็กแดงบ่อย ๆ ให้สัตว์

นรกดื่มกินโลหิตที่เกิดแต่ตน อันไหลออกจากกายของ
ตน ร้อนประหนึ่งทองแดงที่ละลายคว้างบนแผ่นดิน
สัตว์นรกนั้นลงไปสู่ห้วงน้ำเช่นกับหนองและเลือด น่า
เกลียดดังซากศพเน่า มีกลิ่นเหม็นดุจก้อนคูถ หมู่
หนอนในห้วงน้ำนั้นมีกายใหญ่ มีปากเป็นเหล็กแหลม
ทำลายผิวหนังชอนไชไปในเนื้อและเลือด กัดกินสัตว์
นรกนั้น ก็สัตว์นั้นถึงนรกนั้นแล้ว จมลงไปประมาณ
ชั่วร้อยบุรุษศพเน่าเหม็นฟุ้งไปตลอดร้อยโยชน์โดยรอบ
จริงอยู่ แม้จักษุของคนผู้มีจักษุย่อมคร่ำคร่าเพราะกลิ่น
นั้น ดูก่อนพระเจ้าพรหมทัต บุคคลผู้ฆ่ามารดา ย่อมได้
รับทุกข์เห็นปานนี้.

พวกหญิงรีดลูกย่อมก้าวล่วงลำธารนรกอันขรุขระ
ที่ก้าวล่วงได้แสนยากดุจคมมีดโกน แล้วตกไปสู่แม่น้ำ-
เวตรณีที่ไปได้ยาก ต้นงิ้วทั้งหลายล้วนแต่เป็นเหล็ก
มีหนาม 16 องคุลี มีกิ่งห้อยย้อยปกคลุมแม่น้ำเวตรณี
ที่ไปได้ยากทั้งสองฟาก สัตว์นรกเหล่านั้นมีตัวสูง
โยชน์หนึ่ง ถูกไฟที่เกิดเองแผดเผามีเปลวรุ่งเรืองยืน
อยู่ ดุจกองไฟตั้งอยู่ที่ไกล ฉะนั้น.
หญิงผู้ประพฤตินอกใจสามีก็ดี ชายที่คบหา
ภรรยาผู้อื่นก็ดี ต้องตกอยู่ในนรกอันเร่าร้อนมีหนาม
คม สัตว์นรกเหล่านั้น ถูกนายนิรยบาลทิ่มแทงด้วยอาวุธ
กลับเอาศีรษะลงตกลงมานอนอยู่ ถูกทิ่มแทงด้วยหลาว

เป็นอันมาก ตื่นอยู่ตลอดกาลทุกเมื่อ ครั้นพอรุ่งสว่าง
นายนิรยบาลก็ให้สัตว์นรกนั้นเข้าไปสู่โลหกุมภีอันใหญ่
เปรียบดังภูเขามีน้ำเสมอ ด้วยไฟอันร้อน บุคคลผู้ทุศีล
ถูกโมหะครอบงำ ย่อมเสวยกรรมของตน ที่ตนกระทำ
ชั่วไว้ในปางก่อน ตลอดวันตลอดคืนด้วยประการฉะนี้.

อนึ่ง ภริยาใดที่เขาช่วยมาด้วยทรัพย์ ย่อมดูหมิ่น
สามีแม่ผัวพ่อผัว หรือพี่ผัวน้องผัว นายนิรยบาลเอาเบ็ด
มีสายเกี่ยวปลายลิ้นของหญิงนั้นคร่ามา สัตว์นรกนั้น
เห็นลิ้นของตนยาวประมาณ 1 วา เต็มไปด้วยหมู่หนอน
ไม่อาจอ้อนวอนนายนิรยบาล ตายไปหมกไหม้ใน
ตาปนนรก.

พวกคนฆ่าแกะ ฆ่าสุกร ฆ่าปลา ดักเนื้อ พวก
โจร คนฆ่าโค พวกพราน พวกคนผู้กระทำคุณ
ในเหตุมิใช่คุณ (คนส่อเสียด) ถูกนายนิรยบาล
เบียดเบียนด้วยหอกเหล็ก ฆ้อนเหล็ก ดาบและลูกศร
มีหัวลง ตกลงสู่แม่น้ำแสบ คนทำคดีโกง ถูกนาย
นิรยบาลทุบตีด้วยฆ้อนเหล็ก ทั้งเวลาเย็น เวลาเช้า
แต่นั้นย่อมกินอาเจียนของสัตว์นรกเหล่าอื่นผู้ได้รับ
ความทุกข์ทุกเมื่อ ฝูงกาบ้าน ฝูงสุนัข ฝูงแร้ง ฝูง
กาป่า ล้วนมีปากเหล็กต่างพากันรุมกัดกินสัตว์นรก
ผู้กระทำกรรมหยาบช้า ดิ้นรนอยู่ ชนเหล่าใดเป็น
อสัตบุรุษ อันธุลีปกปิด ให้เนื้อชนกันตายก็ดี ให้นก
ตีกันตายก็ดี ชนเหล่านั้นต้องไปตกอุสสทนรก.

[93] สัตบุรุษทั้งหลายย่อมไปสู่เบื้องบน เพราะ
กรรมที่ตนประพฤติดีแล้วในโลกนี้ ขอเชิญพระองค์
ทอดพระเนตรผลของกรรมที่บุคคลประพฤติดีแล้ว
เทพเจ้าทั้งหลายพร้อมทั้งพระอินทร์ พระพรหมมีอยู่
ดูก่อนมหาบพิตรผู้เป็นอธิบดีแห่งรัฐ เพราะเหตุนั้น
อาตมภาพขอทูลมหาบพิตร ขอมหาบพิตรจงทรง
ประพฤติธรรม ดูก่อนพระราชา ขอเชิญพระองค์ทรง
ประพฤติธรรม เหมือนอย่างธรรมที่บุคคลประพฤติดี
แล้ว ไม่เดือดร้อนในภายหลัง ฉะนั้น.

จบสังกิจจชาดกที่ 2
จบสัฏฐินิบาต

อรรถกถาสังกิจจชาดก


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในชีวกัมพวนาราม ทรงพระปรารภ
ปิตุฆาตกรรม ของพระเจ้าอชาตศัตรู จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีพระ
ดำรัสเริ่มต้นว่า ทิสฺวา นิสินฺนํ ราชานํ ดังนี้.
ความพิสดารว่า พระเจ้าอชาตศัตรูนั้น อาศัยพระเทวทัต ได้ให้
ปลงพระชนม์พระบิดาตามคำของพระเทวทัตแล้ว ได้ทรงสดับว่า พระเทวทัต
มีบริษัทแตกกัน ในกาลที่สุดแห่งการทำลายสงฆ์ เมื่อมีโรคเกิดขึ้น จึงคิดว่า
เราจักยังพระตถาคตเจ้าให้ยกโทษให้แก่เรา ดังนี้แล้ว จึงไปสู่กรุงสาวัตถีด้วย
เตียงคานหาม ถูกแผ่นดินสูบที่ใกล้ประตูพระเชตวันมหาวิหาร จึงทรงรำพึงว่า
พระเทวทัตเป็นปฏิปักษ์ต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เข้าไปสู่แผ่นดินมีอเวจีมหา-
นรกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า แม้ตัวเรา ได้ให้ปลงพระชนม์พระบิดา ผู้เป็น
พระธรรมราชาตั้งอยู่ในธรรม ก็เพราะอาศัยพระเทวทัตนั้น ก็ตัวเราจักถูก
แผ่นดินสูบหรือไม่หนอ ดังนี้แล้ว จึงกลัว ไม่ได้ความสบายใจในสิริราชสมบัติ
ทรงคิดว่า เราจักนอนหลับสักหน่อย พอจะเคลิ้มหลับเท่านั้น ก็ปรากฏคล้าย
กับว่า นายนิรยบาล มาผลักให้ตกไปในแผ่นดินเหล็กหนา 9 โยชน์ แล้วทิ่ม
แทงด้วยหลาวเหล็ก หรือมีอาการคล้ายกับว่าถูกสุนัขทั้งหลายแทะเนื้อกินอยู่
จึงทรงเปล่งพระสุรเสียงด้วยสำเนียงอันน่ากลัวแล้ว เสด็จลุกขึ้น.
ครั้นในวันต่อมา เมื่อวันเพ็ญแห่งเดือนที่ 4 ซึ่งเป็นที่เบ่งบานแห่ง
ดอกโกมุท (คือวันเพ็ญกัตติกมาส) พระเจ้าอชาตศัตรูมีหมู่อำมาตย์แวดล้อม
แล้ว ทอดพระเนตรเห็นอิสริยยศของพระองค์ จึงทรงดำริว่า อิสริยยศแห่ง
พระบิดาของเรายิ่งใหญ่กว่านี้ เราสั่งให้ปลงพระชนม์พระองค์ผู้เป็นธรรมราชา